tisdag 31 augusti 2021

ใบตองแห้ง: สิบนิ้วร้าย

2021-08-29 09:25

“นิ้วไหนร้ายตัดนิ้วนั้นทิ้ง” ผบ.ตร.กล่าวหลังคลิปคลุมถุงดำทำให้ “ผู้กำกับโจ้” นายตำรวจดาวรุ่ง หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดี กลายเป็นผู้ร้ายอำมหิต

ตัดนิ้วเดียวหรือตัดทั้งสิบนิ้ว? ไม่ใช่ตำรวจดีไม่มีเลย แต่นี่เป็นปัญหาเชิงระบบไม่ใช่ตัวบุคคล

อย่าใช้คำว่า “โจรในเครื่องแบบตำรวจ” มันฟังคุ้นๆ “ทันทีที่ยิงประชาชนก็ไม่ใช่ทหารอีกต่อไป” ตัดนิ้วร้ายแล้วองค์กรตำรวจไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย? คนมันชั่วเอง นายกฯ กลายเป็นพระเอก ผบ.ตร.กลายเป็นพระเอก ไอ้โจ้เลวชั่วโกง ตัดนิ้วร้ายแล้วองค์กรตำรวจสูงส่งขึ้นทันตา?

ข่าวผู้กำกับโจ้เป็นดราม่า “วาระแห่งชาติ” ไปแล้ว สื่อขุดคุ้ยเบื้องหลังบ้านหรูรถหรู ชีวิตส่วนตัว เป็นอดีตสามีไฮโซ แฟนดารา ลูกสาวผู้บัญชาการ ยิ่งทำให้เป็นสีสัน คนระดับนั้นเอาถุงดำคลุมหัวรีดเงิน 2 ล้านได้อย่างไร รวยมาจากไหน ทำไมไม่เคยมีใครตรวจสอบ

พอคลิปเดียวดังแห่มาเป็นโขลง ป.ป.ช.จะยึดทรัพย์ DSI ตรวจรถหรู ศุลกากรตรวจย้อนหลัง ได้รางวัลนำจับรถ 363 คัน!

นายตำรวจระดับสารวัตร จับรถหรูได้รางวัลเป็นร้อยๆ ล้าน ไม่มีใครสงสัยบ้างหรือ หรือว่าร่วมมือกัน มีใครทำอย่างนี้อีกบ้าง ไม่ได้ทำคนเดียวแหงๆ ไม่ใช่แค่นำจับรถ ประชาชนรู้ไหมว่าจับยาเสพติดก็ได้รางวัล ใช้กฎหมายฟอกเงินยึดทรัพย์ก็ได้รับส่วนแบ่งมหาศาล

คนทำหน้าที่ก็มี แต่คนซิกแซ็กก็มี และไม่ใช่ผู้กำกับโจ้คนเดียวแน่ๆ ตำรวจสีเทารู้วิธี บางครั้งก็จับยาเสพติดเอาผลงาน แถลงข่าว “จับใหญ่” เอายาบ้ามาเรียงเป็นตัวอักษร บางครั้งก็จับเพื่อรีดไถ เหมือนตำรวจคุมบ่อน ปีหนึ่งๆ จัดฉากจับสักทีสองที

สิ่งที่สังคมไทยควรใคร่ครวญ มากกว่าเห่อตามดราม่า ซึ่งเดี๋ยวถ้าจับโจ้ได้ก็จบ คือหนึ่ง ถ้าไม่มีคลิป มีแต่คำร้องเรียนของลูกน้อง เรื่องนี้จะเงียบไหม (ลูกน้องจะซวยไหม)

สอง นี่เป็นข่าวดังเพราะเป็นตำรวจไฮโปรไฟล์แฟนดารา หรือเพราะปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

สาม สังคมประณามเพราะสะเทือนใจที่ซ้อมทรมานผู้ต้องหาจนตาย หรือเพราะต้องการรีดไถ

สมมติ พ.ต.อ.บ้านทุ่งขับรถกระบะซ้อมผู้ต้องหาตาย เพราะต้องการรีดข้อมูลขบวนการค้ายา สังคมจะดราม่าขนาดนี้ไหม ไม่แน่นะ อาจมีคนเถียงแทนก็ได้ ไอ้นั่นมันเลวมันคนค้ายา

เหมือนวิสามัญ 6 ศพ “โจ ด่านช้าง” ผู้ต้องหามอบตัว ตำรวจพาเดินออกมาครึ่งทาง แล้วพาย้อนกลับเข้าบ้าน อ้างว่าพาไปค้นอาวุธแล้วมันต่อสู้ ยิงปุปุปุ ตายเรียบ สังคมตอนนั้นพิพากษา “สมควรตาย”

ถามจริง ที่แห่ตามกันนี่เพราะมันเป็นข่าวดาราคนดัง หรือเป็นข่าวตำรวจปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แล้วที่ว่ามิชอบ เป็นเพราะรีดไถ หรือเพราะซ้อมทรมาน ละเมิดสิทธิผู้ต้องหา

สังคมไทยตระหนักไหมในข้อหลัง เพราะที่ผ่านมามีคดีวิสามัญ ซ้อมทรมาน จำนวนมาก เช่น ชัยภูมิ ป่าแส (ทหารอ้างว่ามีคลิปแต่ไม่เผยแพร่) บิลลี่ พอละจี (อุ้มหาย), อับดุลเลาะ อีซอมูเซอ (ตายในค่ายทหาร) และกรณีตำรวจยัดยาเสพติดแล้วซ้อมทรมานอีกหลายราย

สังคมไทยตระหนักหรือไม่ว่า การปล่อยให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจมาก ใช้อำนาจเกินเลย ใช้กฎหมายตามอำเภอใจ ใช้กำลังรุนแรง นั่นแหละคือช่องทางให้รีดไถ

ผู้กำกับโจ้คลุมถุงดำ คสช.ก็คลุมถุงดำ วัฒนา เมืองสุข, ประวิตร โรจนพฤกษ์ ฯลฯ ตอนโดนจับหลังรัฐประหาร

ผู้กำกับโจ้ใช้กำลังกับผู้ต้องหา คฝ.ก็ยิงแก๊สน้ำตาใส่ลูกนัท ซัลโวกระสุนยางใส่เยาวรุ่นทะลุแก๊ส ไม่เว้นชาวแฟลต คนผ่านทาง ถีบรถจักรยานยนต์ล้ม จับได้รุมกระทืบ ฯลฯ

ต่างกันตรงไหน คฝ.ไม่ได้รีดทรัพย์ แต่การส่งเสริมให้ตำรวจใช้กำลังใช้อำนาจเกินขอบเขต กับ “ผู้ร้าย” ก็เอื้อให้ใช้อำนาจมิชอบ แบบเดียวกับการตั้งข้อหาเหวี่ยงแห ไผ่ ดาวดิน กับเพื่อน ไปเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อน โดนตั้งข้อหาข่มขืนใจตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ขึ้นศาลทุจริต ต้องใช้เงินประกันตัว 3 ล้าน

การปฏิรูปตำรวจที่พูดกันซ้ำซาก ไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะอยู่ใต้ทัศนะ “คนดี” อยากได้ตำรวจดีแล้วให้มีอำนาจมาก ทั้งที่อำนาจมากเป็นช่องทางฉ้อฉล

รัฐประหาร 2 ครั้งไม่เคยปฏิรูปตำรวจ เพราะต้องการให้ตำรวจมีอำนาจมาก รับใช้อำนาจนิยม พอมีข่าวตำรวจใช้อำนาจเกินขอบเขต ก็หาว่า “เฟกนิวส์” จับคนให้ข่าว แต่พอมีคลิปคาหนังคาเขา ก็พลิกเป็นพระเอก นายกฯ สั่งกำจัดคนเลวชั่วโกง

สังคมควรตระหนักว่า เมื่อไหร่ที่เกิดดราม่าออนไลน์เป็น “วาระแห่งชาติ” อำนาจรัฐก็จะ “โหนกระแส” สั่งเฉียบขาด ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ใช้อำนาจล้นเกินเพื่อเอาใจ เพื่อให้เห็นว่า “กฎหมายศักดิ์สิทธิ์”

หน่วยงานต่างๆ ที่ปกติเช้าชามเย็นชาม เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็จะแห่มารุมกินโต๊ะ เอาให้ตาย

นี่คือภาพลวงตา หลอกสังคมให้เชื่อว่าอำนาจนิยมศักดิ์สิทธิ์ ขอเพียงตัดนิ้วร้าย ประยุทธ์เป็นคนดี ผบ.ตร. เป็นคนดี บิ๊กใหม่เป็นคนดี ฯลฯ

แล้วก็ใช้ตำรวจทุบม็อบ ยัดข้อหาคนไล่รัฐบาล จับแกนนำขังไม่ให้ประกัน เป็นตำรวจของคนดี ที่ใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6585989

 

สื่อฝรั่งตีข่าวผู้กำกับโจ้คลุมถุงดำ บอกตำรวจทุจริต ซ้อมผู้ต้องหา เป็นธรรมดาประเทศไทย สื่อเกาหลีซ้ำเติม คอร์รัปชั่นทำให้เศรษฐกิจถดถอย แหม พูดเรื่อยเปื่อย ประเทศไทยอุตส่าห์ทำรัฐประหาร 2 ครั้งเพื่อปราบนักการเมืองโกง

ไม่รู้หรือ ประเทศนี้ขยันปราบโกง กระทั่งจ้างเอเยนซี่ออกแคมเปญ “พูดหยุดโกง” จัดงานอีเวนต์ นิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ต้านโกง จัดประกวดคำขวัญ ให้เด็กท่องอาขยาน ค่านิยม 12 ประการ โตไปไม่โกง

เพื่อให้คนดีปกครองบ้านเมือง ก็ต้องยึดอำนาจ จับนักการเมืองคลุมถุงดำ เพื่อให้คนดีสืบทอดอำนาจ ก็ต้องโกงอำนาจ ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเอง แล้วย้อนไปผสมพันธุ์นักการเมือง

ไม่กี่วันก่อน ส.ว.สูงวัยเพิ่งเสนอตั้ง “องค์กรคนดี” เน้นคุณธรรมที่เป็นอัตลักษณ์คนไทย กตัญญู มีวินัย สุจริต พอเพียง และจิตอาสา ทั้ง 5 ข้อ เกิดจากความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ถามจริง ถ้าตั้งองค์กรคนดี ผู้กำกับโจ้ติดอันดับไหม แถวหน้าเลยละ ไม่งั้นไม่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเร็วขนาดนี้หรอก จำไม่ได้เหรอ เขาเคยสั่งสอนผู้ต้องหา ทำอะไรต้องใจเย็นๆ คิดหน้าคิดหลัง ให้คิดถึงลูกคิดถึงพ่อแม่

ต่อให้ทำผิดก็ยังมีคนเห็นเป็นคนดี เซฟผู้กำกับโจ้ ปราบยาเสพติด ทำผิดแล้วกล้ารับผิด เป็นลูกผู้ชาย แอ่นอกรับคนเดียว ลูกน้องไม่เกี่ยว อโหสิกรรมให้คนถ่ายคลิป ฯลฯ

นี่คือสังคมไทย หมอฉีดไฟเซอร์ให้แม่ ขอโทษประชาชน ทุกคนก็ซาบซึ้งใจ ลูกกตัญญู ผู้กำกับโจ้ขับเฟอร์รารี่ก็ไม่เห็นเป็นไร “เมธ เฟอร์รารี่” ยังสอนคนอื่นพอเพียงได้

ยิ่งไปกว่านั้น การซ้อมทรมาน ถ้าทำเพื่อรีดข้อมูล ถ้าอ้างว่าทำกับคนชั่ว เมืองไทยเมืองพุทธก็ไม่ว่าอะไร เช่นซ้อมทรมานโจรใต้ เหมือนฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป ออกใบอนุญาตฆ่าปี 53

ถามจริง คนดีในสายตา ส.ว. ในสายตาผู้ยกตนมีศีลธรรม คือคนแบบไหน ก็คือคนมีสัมมาคารวะ เคารพผู้ใหญ่ ว่านอนสอนง่าย แต่คนแบบนี้จำนวนไม่น้อย กลายเป็นพวกโอนอ่อนผ่อนตาม รับใช้นาย เพื่อจะได้อุปถัมภ์ค้ำชู

คนโกงในยุคปัจจุบันมันไม่ได้มีแต่พวกปากห้อย ถ่อยสถุล มูมมาม พวกหล่อสวยเรียบร้อย ปากหวาน มีคอนเน็กชั่น รู้จักจัดสรรผลประโยชน์ หรือถ้าเป็นพี่ใหญ่ก็ “พี่มีแต่ให้” นั่นแหละตัวดี

คนหัวแข็งไม่ยอมใครต่างหาก ที่มีโอกาสสูงกว่าว่าไม่คล้อยตามระบบ “กตัญญู มีวินัย” ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายอันดี ว่าหลังคุณป้า ส.ว.พูดเรื่องนี้ ก็โดน “ทัวร์ลง” แทบทุกเพจข่าว

แบบเดียวกับกรณีผู้กำกับโจ้ หลังแถลงข่าว โดนด่าขรม คนรู้ทันว่าองค์กรตำรวจช่วยกันสร้างภาพ หาทางลง ก่อนที่จะโดนขุดแผลเหวอะหวะ

ค่านิยมคนรุ่นใหม่เปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่เชื่อตาม “ผู้ใหญ่” แบบง่ายๆ เขาเห็นแล้วว่าปัญหาสังคมไทยคือระบบอุปถัมภ์ ที่เที่ยวสั่งสอนให้เคารพเชื่อฟัง แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยการวิ่งเต้นเส้นสาย เอื้อผลประโยชน์ ใช้อำนาจอภิสิทธิ์ เป็นปรสิตสังคม

คนรุ่นใหม่ไม่ยอมรับโครงสร้างศีลธรรมเดิม คำสอนแบบเดิมๆ ยึดติดกับรูปเคารพ ไหว้พระ ท่องคาถา คนรุ่นสลิ่มก็คลั่งบ้า จะเป็นจะตาย โลกแตกสลาย ทั้งที่มันสำคัญที่สารัตถะ เช่นในโลกนี้คนไม่มีศาสนามีเยอะไป ไม่นับถือศาสนาก็เป็นคนดีได้ ดีกว่าพวกงมงายด้วยซ้ำ ประเทศอื่นๆ ที่เขาไม่มีรูปเคารพ เขาก็มีจริยธรรมสังคม จากการวางระบบการปกครองให้โปร่งใส

ระบอบเผด็จการแบบไทยๆ หัวใจคือ “คนดีปกครองบ้านเมือง” คนดีที่ไม่มาจากเลือกตั้ง คนดีที่อภิสิทธิ์ชนหนุนหลัง แล้วก็ให้อำนาจเบ็ดเสร็จ เพิ่มอำนาจ อ้างว่าปราบโกงได้

ฝรั่งเกาหลีที่ว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยคอร์รัปชั่น มาดูของจริงจะตกใจ เรามีกลไกปราบโกงมากมาย กกต.กำจัดนักการเมืองโกงด้วยสูตรเศษมนุษย์ ป.ป.ช. ป.ป.ท. ไล่จับเทศบาล อบจ.อบต. ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน ข้าราชการทำผิดระเบียบ ขึ้นศาลทุจริต (แต่เปิดบัญชีทรัพย์สินประยุทธ์ไม่ได้ เสาไฟกินรีก็หลงหูหลงตาไป) สตง.ไล่จับท้องถิ่นฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า เพราะทำผิดหน้าที่

แล้วอย่าบอกว่ากฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ เคยมีประเทศไหน เจ้าสัวติดอันดับโลกเอาที่ดิน 300 ไร่มาทำเกษตรผสมผสาน เพื่อไม่ต้องเสียภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่า เคยมีประเทศไหน ศาลเคร่งครัดสั่งถอนใบอนุญาตก่อสร้างตึกสามพันล้าน หลังสร้างเสร็จแล้ว

ปราบโกงแบบไทยๆ หัวใจคือ “พูดหยุดโกง” มาจากพื้นฐานความคิดอนุรักษนิยมไทย ที่คิดว่าการสั่งสอนอบรมยัดเยียด โดยผู้มีอำนาจไม่เป็นแบบอย่าง โดยระบอบการปกครองไม่โปร่งใส จะทำให้เด็กเชื่อฟังได้ เหมือน ผอ.โรงเรียน เจ้ายศเจ้าอย่าง เจ้าขุนมูลนาย วิ่งเต้นเส้นสาย บังคับเด็กกราบไหว้ ทั้งที่เด็กจะรักก็ด้วยการดูแลเอาใจใส่ จะเคารพก็ด้วยการทำตัวให้เป็นแบบอย่าง

พูดอีกอย่าง หัวใจของศีลธรรมอนุรักษนิยมคือตัวแบบ รูปเคารพ ที่ทำให้คนเคารพได้จริงๆ ไม่ใช่ด้วยการบังคับ หรือ propaganda ภายใต้ระบอบอภิสิทธิ์ชน

เศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอยเพราะคอร์รัปชั่นหรอก มันมากกว่านั้น มันเป็นทั้งโกงและคลั่งปราบโกง ภายใต้อำนาจนิยม ผนง.

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6587806

2021-08-27 13:16

หลายโรงพยาบาลที่เปิดรับบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ที่จริงมีเงิน แต่ให้ชาวบ้านซื้อของมาบริจาค ง่ายกว่าเร็วกว่าทำ TOR ตั้งกรรมการประมูลตรวจรับ

ป.ป.ช.ใช้งบพีอาร์ “โครงการสื่อรณรงค์ต้านโกง” ให้ดาราคนดังออกมา “พูดหยุดโกง” เป็นที่ขบขันเย้ยหยันทั่วไป

ประการแรก มันพ้นยุคสมัยแล้วที่ใช้งบพีอาร์ทำป้ายจัดงานอีเวนท์ “จงทำดี ๆ” แล้วคิดว่าจะล้างสมองครอบงำคนได้ เรื่องอย่างนี้ เอเยนซี PR ภาคเอกชนรู้กันทั่วไป จะทำโฆษณาให้จับใจต้องมี content ไม่ใช่นกแก้วนกขุนทอง ซ้ำโดนจับได้ “จ้างทำดี”

ประการที่สอง “หยุดโกง” ไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยการสั่งสอนประชาชน ถ้าระบอบการปกครองไม่โปร่งใส ผู้มีอำนาจตรวจสอบไม่ได้ เหมือนยัดเยียดให้เด็กท่องค่านิยม 12 ประการ เด็กยิ่งต่อต้าน เมื่อเห็นการโกงอำนาจ ผูกขาดอำนาจ โดยเครือข่ายชนชั้นนำที่อ้างตน “คนดีย์”

ประการที่สาม ป.ป.ช.นั่นแหละตัวดี แต่งตั้งจากรัฐประหาร เครือข่ายขุนนางอำมาตย์ เป็นเครื่องมือกำจัดฝ่ายตรงข้าม แต่ละเว้น “นาฬิกาเพื่อน” ยังเอางบพีอาร์ 78.8 ล้านมาละลายน้ำ

“หยุดโกง” วันนี้จึงเป็นเรื่องตอแหล ดัดจริต หัวร่ออ้วกแตก หลอกใครไม่ได้ สังคมสมัยใหม่ไม่เชื่อองค์กรเทวดาลอยมาปราบโกงอีกแล้ว

แนวคิดปราบโกงมี 2 แนว แนวอนุรักษ์นิยม คือเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สาปแช่ง นรกสวรรค์ ท่องศีลธรรม ให้คนดีปกครองบ้านเมือง (แต่มาจากรัฐประหาร) แล้วก็ตั้งองค์กรศักดิ์สิทธิ์ ให้อิทธิฤทธิ์อำนาจเบ็ดเสร็จ โดยเชื่อว่าจะมีเปาบุ้นจิ้น ลอยลงมา ทั้งที่เป็นมนุษย์ธรรมดา กินปี้ขี้นอน มีอคติ มีรักโลภโกรธหลง ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าศาล องค์กรอิสระ

แนวคิดลิเบอรัล เสรีประชาธิปไตย คือใครมีอำนาจมีโอกาสก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ทุกอำนาจจึงต้องตรวจสอบได้ ต้องถูกถ่วงดุล การสอนคนท่องศีลธรรมเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ พอเข้าระบบไปก็คล้อยตามหมด ต้องสอนให้คนเป็นกบฏ กล้าต่อต้านอำนาจอภิสิทธิ์ชน

องค์กรศักดิ์สิทธิ์เป็นพิษร้ายแทรกอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2540 พอปลุกเกลียดชังนักการเมืองโกง รัฐธรรมนูญ 2550, 2560 ยิ่งเพิ่มเขี้ยวเล็บศาลองค์กรอิสระ ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไล่ “จับโกง” ด้วยการตีความ ทำผิดกฎหมายผิดระเบียบ ละเว้น “ปล่อยปละละเลย” ไม่เคยจับได้เส้นทางการเงิน มีแต่ฝรั่งจับให้ เช่นอดีตผู้ว่า ททท.

หลังรัฐประหาร 2557 อาการ “บ้าจี้” ปราบโกง (ที่หนุนส่งโดยองค์กรภาคเอกชน) ยิ่งกำเริบหนัก นอกจากสองมาตรฐาน ใช้เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ยังย้อนกลับมามัดมือมัดเท้าคนทำงานภาครัฐ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง กับการจัดตั้งศาลทุจริต ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะเป็นศาลพิเศษที่ให้ถือเอาสำนวน ป.ป.ช.เป็น “หลักในการแสวงหาความจริง” จำเลยต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ตัวเอง ต่างจากคดีอาญาทั่วไปที่อัยการต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์

ข้าราชการจึงต้องเคร่งครัดระเบียบราชการจุกจิก แม้แต่ฉุกเฉินโควิด การจัดซื้อจัดจ้างยังเต่าคลาน หลายโรงพยาบาลที่เปิดรับบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ที่จริงมีเงิน แต่ให้ชาวบ้านซื้อของมาบริจาค ง่ายกว่าเร็วกว่าทำ TOR ตั้งกรรมการประมูลตรวจรับ

ที่แพทย์ชนบทเปิดศึกกับองค์การเภสัชเรื่องจัดซื้อชุดตรวจ ATK ก็เหมือนกัน เมื่อก่อน สปสช.ซื้อยาเอง ซื้อของดีมีคุณภาพ ราคาถูก เพราะรวมมาซื้อที่ละมาก ๆ มีอำนาจต่อรอง แต่โดน สตง. (ซึ่งหลังรัฐประหารไล่เอาผิด อปท.ซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้า) หาว่าทำไม่ได้ กฎหมายห้าม ต้องโอนเงินให้ รพ.ราชวิถีไปสั่งซื้อจาก อภ. ซึ่งก็เปิดประมูลได้ชุดตรวจที่ WHO ไม่รับรอง แต่ราคาต่ำสุด ถูกต้องตามระเบียบทุกประการ

ทีทหารซื้อรถถัง เครื่องบินไม่ยักเปิดประมูลอย่างนี้บ้าง

อันที่จริง ความหมายของการ “โกง” ในปัจจุบัน ไม่จำกัดแค่คอร์รัปชั่นเท่านั้น แต่รวมถึงการถลุงงบประมาณไปในทางที่ไม่จำเป็น เช่นงบ 2565 แทนที่จะกอบกู้โควิด ราชการกลับเอางบไปทำรั้ว ทำประตู ซื้อตู้แช่ไวน์ ฯลฯ แม้ไม่โกงสักบาท คนรุ่นใหม่ก็ตั้งฉายาให้แล้วว่า “รัฐปรสิต”

ใครเอาเงินภาษีไปถลุงอย่างมีอภิสิทธิ์ ก็โกงสิทธิของประชาชนโดยตรง

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/column/471589

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar