พรรคฝ่ายค้านยกรัฐธรรมนูญมาตรา 158 มาอ้างว่าประยุทธ์เป็นนายกฯ เกิน 8 ปีไม่ได้ จะต้องพ้นตำแหน่งในวันที่ 23 ส.ค.2565 นักกฎหมายจะตีความว่าอย่างไร
พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ศรีธนญชัย สมมติตัวเองเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะตีความว่า ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้ถึงปี 2570 เพราะรัฐธรรมนูญประกาศใช้ปี 2560 เอาไปบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2557 ไม่ได้ ส่วนการเป็นนายกฯ ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2562 ก็เป็นการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ 2557 ต่อเนื่องมาตามบทเฉพาะกาล ยังไม่นำมาตรา 158 มาใช้
นี่คือตีความตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็อย่าไปด่า ปัญหาอยู่ที่ “กฎหมาย” ต่างหาก
ประยุทธ์ทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจเถื่อนตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ออกประกาศคำสั่งเป็นกฎหมายบังคับ ประกาศใช้รัฐธรรมนูญรัฐประหาร ตั้ง สนช. ตั้ง กรธ. มาร่างรัฐธรรมนูญเอง ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วยังยื้ออีก 2 ปีกว่าจะเลือกตั้ง ระหว่างนั้นก็อ้างบทเฉพาะกาลเป็นหัวหน้ารัฐประหารอยู่
พอมีเลือกตั้ง ก็เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าทำได้ เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นรัฏฐาธิปัตย์
คือมีอำนาจหัวหน้ารัฐประหารระหว่างเลือกตั้ง ยังลงแข่งกับคนอื่นได้ เลือกตั้งเสร็จตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตัวเองเป็นนายกฯ แล้วค่อยยุบ คสช. จากนั้นค่อยนับวาระการเป็นนายกฯ ตามมาตรา 158
ถูกต้องตามกฎหมายหมดเลยนะ แต่ไม่มีความชอบธรรมแม้แต่น้อย ไม่มีความชอบด้วยกฎหมายเลยสักนิด
ดังนั้นหากตีความตามกฎหมาย ก็ต้องบอกว่าเป็นนายกฯ ได้ถึงปี 2570 แต่ว่าตามความชอบธรรม ไม่มีความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯ แม้แต่วินาทีเดียว
เป็นคนปล้นอำนาจ แล้วเขียนกติกาเอง พอตีความตามกติกา เคารพกติกา ก็เอาผิดคนปล้นไม่ได้ นี่แหละกฎหมายวิบัติ กติกาวิปริต จนจะทำประเทศฉิบหาย
ยืนยัน ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้อีก 6 ปี แต่ประเทศไทยจะอยู่ถึงไหมไม่รู้ แค่ 7 ปีก็สาหัส กระทั่งพรรคพลังประชารัฐคิดหนัก “กำจัดจุดอ่อน” ถ้าไม่มี 250 ส.ว. ถ้าไม่มีอำนาจรัฐราชการ สมัยหน้าส่งเสาไฟฟ้าชิงนายกฯ ยังได้คะแนนมากกว่า
น้ำท่วมมีแต่คนถามหา “หนูดี” ไปชัยภูมิได้เสียงตะโกน I Here Too ไปนนทบุรีก็เจอ “ทะลุฟ้า” ทั้งที่ใช้ คฝ.ปราบ ใช้กำลังรุนแรง ยัดข้อหา ประชาชนที่ต่อต้านก็ไม่กลัว
อย่าพูดถึงปี 2570 เลย เอาแค่อยู่ถึงวันที่ 23 ส.ค.ปีหน้าหรือเปล่า ในสถานการณ์ที่แก้กฎหมายเลือกตั้งเสร็จ ทุกฝ่ายจะกดดันยุบสภา และยังไม่รู้ว่าพรรคไหนจะส่งตู่ชิงนายกฯ
ที่มีข่าวพรรคฉิ่งฉับก็สะท้อนความสับสน ไม่มั่นคง ของระบอบประยุทธ์ “ประชาธิปไตยปลอม” ทำท่าจะไปไม่รอดเพราะกวาดนักการเมืองระบบอุปถัมภ์มารองมือรองตีน แล้วกั๊กอำนาจไว้เฉพาะทหารข้าราชการ
ปัญหาระหว่างประยุทธ์กับ พปชร. ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวระหว่างตู่ป้อมแป้ง แต่เป็นปัญหาเชิงระบบ ระหว่างรัฐราชการกับพรรคการเมือง นักการเมืองจากเลือกตั้งต้องการช่วงชิงอำนาจจากแก๊งก๊วนรัฐประหารสืบทอดอำนาจ
ปัญหาระหว่างประชาชนกับประยุทธ์ก็เช่นกัน ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวกับ I Here Too เป็นการต่อสู้กับเครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยม
7 ปีประยุทธ์ นับแปดไปหลายครั้งแล้ว ล้มเหลวทุกด้าน ทั้งเศรษฐกิจ โควิด ภัยแล้ง น้ำท่วม แต่กรรมการช่วยไว้ ประยุทธ์เป็นผู้รับใช้เครือข่ายอำนาจ เป็นด่านสุดท้ายของรัฐราชการ ทหารตำรวจ เทคโนแครต ที่ช่วยกันวางนโยบายกำหนดมาตรการร่างคำปราศรัย แต่ประยุทธ์ยังไม่วายพูดนอกบทแบบน้ำท่วมให้สวดมนต์ น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา
พูดกันเสมอว่า ถ้ามีคนใหม่ที่ได้รับการยอมรับของชนชั้นนำทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ประยุทธ์ก็จบ แต่หาได้ไหม เพราะเครือข่ายชนชั้นนำก็ถอยหลังจนไม่สามารถเปลี่ยนประยุทธ์
ระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 ได้เปลี่ยนความหมายของ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” จนขัดแย้งกับประชาชน จนต้องใช้อำนาจรัฐราชการทหารตำรวจเป็นเสาค้ำ
ระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ขยายอำนาจรัฐราชการ เพิ่มความใหญ่โตมโหฬาร จนกลายเป็นรัฐปรสิต เสพภักษาหารจากเลือดเนื้อประชาชน แล้วสามัคคีกันดันก้นประยุทธ์
ความเสื่อมที่มาด้วยกัน ทำให้ทุกเครือข่ายต้องค้ำประยุทธ์ ถ้าล้มเหลวก็คว่ำหมด รวมทั้งเครือข่ายสลิ่มดันทุรัง รักลุงเชียร์ลุงมาตลอด จะเปลี่ยนประยุทธ์ได้ไง
เพียงแต่อุปสรรคของการโค่นประยุทธ์ คือสังคมหวาดกลัวอนาคต กลัวความไม่แน่นอน กลัวเกิด Chaos ต่างคนต่างเอาตัวรอด เช่นโควิดจางก็ตั้งความหวังฟื้นเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจช่วยกันตีปี๊บปั่นข่าวดี ให้หุ้นขึ้น ให้กระตุ้นการใช้จ่าย ทั้งที่รู้แก่ใจว่ามองไปข้างหน้ามีแต่แย่ แต่ทำไงได้ ไม่ขายข่าวดีก็ขายสินค้าไม่ออก แล้วก็พากันหลับตาข้างหนึ่ง มองไม่เห็นพลังต่อต้าน ทั้งทะลุฟ้าทะลุแก๊ซ มองไม่เห็นความอยุติธรรม ความรุนแรง ที่กำลังปะทุ
ไม่ต้องตีความกฎหมายให้ยุ่งยาก ถ้าประยุทธ์ยังอยู่เกินแปดปี คือหายนะ
เพราะประยุทธ์คือสัญลักษณ์ของการเผชิญหน้า ระหว่างเครือข่ายอำนาจกับประชาชน สัญลักษณ์ของการบังคับขืนใจ ไม่สามารถประนีประนอม และไม่สามารถหาใครมาทดแทน
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_6650949
รู้ทั้งรู้ โควิดไม่ใช่แวมไพร์ ยังคงคำสั่งไร้สาระ เป็นอุปสรรคทำมาหากิน ทั้งคนทำงาน คนนั่งร้านอาหาร คนเดินทางท่องเที่ยว ต้องรีบกลับบ้าน สวนความต้องการของรัฐบาลเองที่อยากกระตุ้นให้คนใช้จ่าย
พรก.ฉุกเฉินก็เช่นกัน ไม่มีความจำเป็นอะไรแล้ว คำสั่งห้ามรวมตัวมีไว้จับม็อบ แต่ตลาดนัดคนเพียบ แม้ยังติดเชื้อวันละหมื่น คนไทยตระหนักแล้วว่าต้องใช้ชีวิตอยู่กับโควิด ฉีดวัคซีน ใส่หน้ากาก ล้างมือ ที่เหลือคือสวดมนต์
การคงเคอร์ฟิวและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นแค่อวดศักดา ว่าสามารถออกคำสั่งเหลวไหลไร้สาระเป็น “กฎหมายศักดิ์สิทธิ์” แล้วประชาชนต้องเชื่อฟัง ต้องร้องขอความเมตตา แล้วผู้มีอำนาจจะผ่อนคลายให้เป็นขั้น ๆ ตามหลักจิตวิทยาโจรจับตัวประกัน
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย อยากให้เปิดร้านถึงสี่ทุ่ม เลื่อนเคอร์ฟิวไปห้าทุ่ม อยากให้นั่งดื่มแอลกอฮอล์ได้ ฯลฯ ก็ต้องผิดหวัง ทั้งที่ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ อุตส่าห์ไปชูป้ายขอบคุณ ตู่-ป้อม-เฮ้ง
ปฏิบัติการจิตวิทยา “โจรจับตัวประกัน” เกิดขึ้นในสภาพที่ประชาชนแทบไม่หวังพึ่งรัฐแล้ว พึ่งตัวเอง ช่วยเหลือกันเอง ไม่ว่าน้ำท่วม โควิด หรือเศรษฐกิจ
อำนาจรัฐต่างหากเป็นอุปสรรคกดทับอยู่ด้านบน ด้วยกฎเกณฑ์คำสั่ง ด้วยความล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพ ต้องให้ร้องขอหรือต้องด่า จึงแก้ปัญหาให้ทีละเปลาะ แต่อ้างเป็นบุญคุณช่วยสงเคราะห์
เช่น จัดหาวัคซีนล่าช้าแทงม้าตัวเดียว ติดเชื้อล้านห้ากว่าจะซื้อได้ ขอบริจาคได้ ยังลอยหน้าลอยตาอ้างผลงาน อ้างบุญคุณ น้ำท่วมแทบทุกปี ไม่เคยแก้ปัญหายั่งยืน กลายเป็นเทศกาลเดินสายแจกถุงยังชีพ แถม Propaganda “ทหารมีไว้ทำไม”
ซ้ำร้ายยังมีไว้พูดอะไรโง่ ๆ เช่นแนะนำให้สวดมนต์ หรือเปลี่ยนอาชีพไปเลี้ยงปลา
เศรษฐกิจไทยก็ขับเคลื่อนด้วยภาคเอกชนเอาตัวรอดกันเอง ปรับตัวกันเอง เช่นการปรับตัวสู่ธุรกิจดิจิทัลท่ามกลางวิกฤตโควิด ดร.สันติธาร เสถียรไทย ยกผลสำรวจของ Sea Insights และ World Economic Forum ชี้ว่า กลุ่มเปราะบาง ผู้หญิง แม่บ้าน และธุรกิจขนาดเล็ก MSME ได้รับผลกระทบมากที่สุด แต่ก็ปรับตัวได้ดีที่สุด MSME กว่า 50% เริ่มต้นธุรกิจใหม่ในช่วงโควิด
แต่อุปสรรคคือ เครื่องมือคุณภาพต่ำ สัญญาณไม่ดีพอ และปัญหาความปลอดภัยในโลกออนไลน์
ซึ่ง DES และตำรวจไซเบอร์มัวแต่ไล่จับคนเห็นต่างทางการเมือง และความผิดทางศีลธรรม การสรรหา กสทช. ก็โดน สนช. ส.ว.คว่ำมา 3 ครั้ง ปล่อยให้ชุดเดิมรักษาการ 6 ปี
รัฐล้าหลังเครือข่ายอำนาจอนุรักษ์นิยมเป็นตัวบดบังศักยภาพประเทศ ทั้งเพิ่มอำนาจรัฐราชการสร้างกฎระเบียบอุปสรรค ทั้งถดถอยจากประเทศที่มีเสรีภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ที่คนจากโลกตะวันตกเคยรู้สึกว่าอยู่ได้สบายใจ ความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของอำนาจ ก็ทำให้ต่างชาติไม่อยากลงทุน
เอาง่าย ๆ ที่รัฐบาลอยากดึงดูด “ล้านมั่งคั่ง” มาซื้อบ้าน คอนโด ถ้าคอนโดสร้างเสร็จแล้ว จู่ ๆ ศาลสั่งทุบจะทำไง ซื้อบ้านริมทะเล หรือซื้อหุ้นรีสอร์ท จู่ ๆ บอกรุกป่าตั้งแต่ 40 ปีก่อน โดนเพิกถอนโฉนด
อยู่เมืองไทยวิจารณ์อำนาจไม่ได้นะ ด่ารัฐบาลตัวเองก็อาจถูกส่งกลับ ทำผิดกฎหมายมาเลเซีย “แต่งหญิง” ก็จะส่งกลับ ต้องพับเพียบเรียบร้อยทางศีลธรรม ห้ามดู Pornhub OnlyFans ห้ามยุ่งเกี่ยวกับ Sex Creators, Sex Workers ถ้ากลายเป็นเหยื่อข่มขืนฆ่า ก็โทษว่าเพราะแต่งตัวโป๊
รัฐไทยคือตัวขัดขวางความเจริญของประเทศทุกด้าน การเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ ทุกประเทศต้องทำ แต่ไม่ใช่กู้ซื้ออาวุธ สิ้นเปลืองกับงบประจำ สร้างอาคาร ทำป้าย ขยายตำแหน่ง ฯลฯ เป็นรัฐปรสิตเกาะหลังประชาชน
เฉือนรัฐราชการทิ้งครึ่งหนึ่ง โละอำนาจส่วนเกินทิ้ง ประเทศนี้จะไปโลด
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/column/481076
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar