ยุติความเป็นธรรม ย้ำให้เห็น
กรรมหรือเวร ประเทศนี้ มีปัญหา
ทำกับข้าว ออกทีวี ไล่บีฑา
ใช้พจนานุกรม เข่นฆ่า บ้าทำลาย....
ปปช. ก็ซ้ำรอย มิน้อยหน้า
ตามไล่ล่า ด้วยเหตุผล คนแหนงหน่าย
รีบยัดเยียด เยื้องย่าง อย่างลืมอาย
ช่างมักง่าย ซะจริงหนา กะลาแลนด์....
๓ บลา
......................................................
"ผลงานวิจัยTDRI "ที่มาที่ไปของหลักฐานไร้มาตรฐานที่"ปปช".นำมาตัดสินคดีจำนำข้าว
เพื่อเอาผิด"รัฐบาลยิ่งลักษณ์" (ยาวหน่อย..แต่ได้ความรู้เกิดปัญญา ทันต่อสถานการณ์ )
ที่มา ประชาไท
นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ชี้งานวิจัยของนักวิชาการไม่ใช่งานสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทําผิด
ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ระบุรายงานวิจัยที่ อสส. อ้างถึง ไม่ใช่ รายงานวิจัยที่บ่งชี้ความผิดของ ‘ยิ่งลักษณ์’
แต่เป็นวิจัยสมัยรัฐบาลทักษิณ
10 ก.ย. 2557 ภายหลังจากโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้า
ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งสำนวนพร้อมมติชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เรื่องละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งทางอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วโดยเซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา
เห็นว่า สำนวนของ ป.ป.ช. มีประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์ โดยมีประเด็นหนึ่งที่ระบุถึง เรื่องการทุจริตนั้น
ควรไต่สวนพยานเพิ่มเติมให้ได้ความว่า โครงการ รับจำนำข้าวที่ยืนยันว่ามีการทุจริตนั้น พบการทุจริตในขั้นตอนใด
และมีการทุจริตอย่างไร นอกจากนั้นมีการกล่าวอ้างถึงรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าว
ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ว่า โครงการดังกล่าวมีการทุจริตและมีความเสียหายจำนวนมาก
แต่ในสำนวนการไต่สวนปรากฏว่า มีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น ดังนั้นจึงให้รวบรวมรายงานวิจัย
ทั้งฉบับเป็นพยานหลักฐานในสำนวนการไต่สวนให้สมบูรณ์ด้วย
จนนำมาสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์รายงานวิจัยโครงการนโยบายจํานําข้าวของทีดีอาร์ไออย่างกว้างขวาง
ล่าสุด(10 ก.ย.) นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ ในฐานะผู้รับผิดชอบจัดทํารายงานวิจัยฉบับดังกล่าว
ชี้แจงกรณี เขียนข้อเขียน ‘ชี้แจงกรณี รายงานวิจัยเรื่องนโยบายจํานําข้าวของทีดีอาร์ไอที่ ป.ป.ช.
อ้างถึงใน สํานวนคดีกล่าวหาอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ระบุว่ารายงานดังกล่าว
ไม่ใช่ รายงานวิจัยที่บ่งชี้ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะไม่ใช่การศึกษาวิจัยโครงการรับจํานําข้าวทุกเม็ด
ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย แต่เป็นการวิจัยนโยบายรับจํานําข้าวฤดูการผลิตปี 2548/49 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ
ขณะที่รายงานในสมัยรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยังไม่เคยส่งให้ ป.ป.ช. ชี้งานวิจัยของนักวิชาการไม่ใช่งานสืบสวนสอบสวน
เพื่อหาผู้กระทําผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ชี้แจงกรณี รายงานวิจัยเรื่องนโยบายจํานําข้าวของทีดีอาร์ไอที่ ป.ป.ช. อ้างถึงใน สํานวนคดี
กล่าวหาอดีตนายกรัฐมนตรี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นิพนธ์ พัวพงศกร
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 โฆษกสํานักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แถลงว่าคณะทํางานเรื่องคดี
ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิด นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เรื่องกระทําผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการฐานละเลยไม่ดําเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจํานําข้าว
มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าสํานวนคดียังไม่สมบูรณ์พอที่จะดําเนินคดีตามข้อกล่าวหา
หนึ่งในประเด็นที่ยังไม่สมบูรณ์ คือ การที่ ป.ป.ช. กล่าวอ้างถึงรายงานวิจัยเรื่องโครงการรับจํานําข้าวของทีดีอาร์ไอ ว่า
“โครงการ (รับจํานําข้าว) ดังกล่าว” มีการทุจริตและมีความเสียหายจํานวนมาก แต่ในสํานวนการไต่สวนมีเพียงหน้าปกรายงานวิจัยเท่านั้น
ข่าวดังกล่าวสร้างความสับสนและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์รายงานวิจัยโครงการนโยบายจํานําข้าวของทีดีอาร์ไออย่างกว้างขวาง
โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ในฐานะผู้รับผิดชอบจัดทํารายงานวิจัยฉบับดังกล่าว ผมขอชี้แจงข้อเท็จจริง
เกี่ยวกับรายงานวิจัยที่ตกเป็นข่าว
ประการแรก รายงานวิจัยฉบับที่ อสส. อ้างถึง ไม่ใช่ รายงานวิจัยที่บ่งชี้ความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เพราะไม่ใช่การศึกษาวิจัยโครงการรับจํานําข้าวทุกเม็ดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย
แต่เป็นการวิจัยนโยบายรับจํานําข้าวฤดูการผลิตปี 2548/49 ในสมัยรัฐบาลทักษิณ เจ้าของผลงานวิจัย (ผู้ว่าจ้าง)
คือ สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชื่อรายงานวิจัยคือ
“โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต : แสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมือง
ของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก” ตีพิมพ์เมื่อตุลาคม 2553 ท่านผู้สนใจสามารถหาต้นฉบับได้จาก ปปช.
และจากเวปไชต์ของทีดีอาร์ไอ(www.tdri.or.th/research/d2011003)
ส่วนรายงานอีกฉบับหนึ่งของผมกับเพื่อนนักวิจัย เรื่อง การทุจริตในการระบายข้าวของโครงการรับจํานําข้าว
ในสมัยรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ คณะกรรมการตรวจรับของสํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยเพิ่งให้ความเห็นต่อเนื้อหา
ของรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2557 รายงานฉบับนี้ยังไม่เคยส่งให้ ป.ป.ช. มีแต่การเปิดเผยบทสรุปผลวิจัย
ให้สื่อมวลชนบางฉบับเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2557 อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้สังคมก็เลยเกิดความเข้าใจผิดว่า ป.ป.ช.
นําหลักฐานจากรายงานวิจัยฉบับหลังไปกล่าวหา น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
วัตถุประสงค์หลักของรายงานฉบับแรกที่ ป.ป.ช. กล่าวถึงในสํานวนไม่ใช่การศึกษาเรื่องการทุจริตโดยตรง
แต่เป็นการศึกษาเรื่องความเสียหายต่างๆที่เกิดจากโครงการรับจํานําข้าว ในสมัยรัฐบาลทักษิณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนการคลัง ผลขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคม และผลตอบแทนพิเศษที่เกิดจากโครงการรับจํานําข้าว
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการทุจริตอย่างกว้างขวาง ประเด็นหลักของรายงานฉบับนี้คือ การแสวงหามาตรการช่วยเหลือชาวนาโ
ดยไม่แทรกแซงตลาด ซึ่งเป็นบ่อเกิดของการทุจริต มาตรการดังกล่าวจะเป็นการป้องกันการทุจริตที่ผลมากที่สุด
กรรมการเจ้าของสํานวนคดี (นายวิชา มหาคุณ) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า
สาเหตุที่มิได้ส่งรายงานวิจัยโครงการนโยบายข้าวของทีดีอาร์ไอให้ อสส.
เพราะ “รายงานของทีดีอาร์ไอเป็นเพียงการยกตัวอย่างว่ามีช่องทางการทุจริตในโครงการรับจํานําข้าวที่ผ่านมาอย่างไรบ้าง
ไม่ได้หยิบยกรายงานวิจัยดังกล่าวมาเป็นเอกสาร หลักฐานในการชี้มูลความผิด นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”
ถ้าเช่นนั้น สื่อมวลชนบางฉบับ สังคม ตลอดจนอัยการสูงสุดเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรายงานวิจัยของทีดีอาร์ไอได้อย่างไร
สาเหตุอาจมีหลายประการ ซึ่งรวมทั้งประเด็นการเมืองที่ผมไม่อยากคาดเดา แต่ผมคิดว่าสาเหตุหนึ่งอาจจะเกิดจากคําบรรยาย
ของ นายวิชา มหาคุณ ในการอบรมหลักสูตรนิติเศรษฐศาสตร์ระยะสั้นแก่เจ้าหน้าที่สํานักงาน ปปช. เมื่อวันที่ 21 กรกฏาคม 2557
ว่า “ถ้าไม่มีการริเริ่มของผู้ทรงคุณวุฒิทางเศรษฐศาสตร์ที่ได้วิเคราะห์ไว้ เช่น สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
ศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าว และการแสวงหาคําตอบของนายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณทีดีอาร์ไอ
ตนฟันธงว่า ปปช.ก็ไม่สามารถที่จะชี้มูลความผิดกับรัฐบาล นส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้
ดังนั้นมิติทางเศรษฐศาสตร์มีความสําคัญมาก (ต่อการทํางานของ ปปช.)”
อันที่จริงนายวิชา มหาคุณ ควรยกความดีความชอบนี้ให้แก่ นายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการ ป.ป.ช.
ผู้ซึ่งริเริ่มให้มีการศึกษาทางเศรษฐศาสตร์เพื่อหามาตรการป้องกันการทุจริตจากการแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร
ในเวลานั้น ป.ป.ช. ได้ว่าจ้างนักวิชาการจากธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทีดีอาร์ไอ
ศึกษาเรื่องการแทรกแซงตลาดข้าว มันสําปะหลัง อ้อย ยางพารา และลําใย และเสนอแนะมาตรการป้องกันการทุจริต
ในเร็วๆนี้ ผมจะเขียนบทความสรุปผลการวิจัยเรื่องการทุจริตการระบายข้าวในโครงการรับจํานําข้าวทุกเม็ด
ของรัฐบาล นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงในสื่อมวลชน แต่วันนี้ผมขออนุญาตทําความเข้าใจล่วงหน้ากับท่านผู้อ่านก่อน
ว่ารายงานวิจัยฉบับใหม่นี้คงไม่สามารถนําไปใช้ชี้มูลความผิดใครคนใดคนหนึ่ง เพราะเป็นเพียงงานวิชาการ
ที่พยายามแสวงหาหลักฐานว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง รูปแบบและพฤติกรรมทุจริตเป็นอย่างไร
และการทุจริตในการระบายข้าวมีมูลค่าเท่าไร สิ่งที่นักวิชาการอย่างผมทําได้ คือ การให้ความรู้และข้อเท็จจริงกับสังคมว่า
โครงการรับจํานําข้าวมิได้มีแค่ประโยชน์ต่อชาวนาเท่านั้น แต่เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดต้นทุน
และความเสียหายต่อสังคมใหญ่หลวงกว่าเม็ดเงินจากผู้เสียภาษีที่นักการเมืองโปรยให้ชาวนาบางส่วน ความเสียหายสําคัญ
คือ การทุจริตของผู้เกี่ยวข้องและผู้มีอํานาจระดับสูง ตลอดจนการนําระบบค้าขายแบบเล่นพวก
เข้ามาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากตลาดข้าว แล้วใช้ชาวนาเป็นข้ออ้าง
งานวิจัยของนักวิชาการไม่ใช่งานสืบสวนสอบสวนเพื่อหาผู้กระทําผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
นักวิชาการมีเพียงหน้าที่ศึกษาหาต้นตอของการทุจริตเพื่อหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติเท่านั้น
โปรดกรุณาอ้างอิงและใช้ประโยชน์งานวิชาการให้ถูกที่ถูกทางด้วยครับ...
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar