ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าก่อให้เกิดความเสียหาย
คลิกดู-ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัตินายกฯ-อนาคตใหม่ล้มล้างการปกครองฯ
ด่วน! มติศาลรธน. 5ต่อ4 รับคำร้องยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง
https://www.prachachat.net/politics/news-351656
................................................................
โปรเจ็กสุดท้ายในชีวิตที่ในหลวงทำคือการสตาร์ท"ตุลาการภิวัฒน์" เมื่อ10ปีก่อน-นี่เป็นหายนะที่จะอยู่กับประเทศไทยไปอีกนาน
โปรเจ็กสุดท้ายในชีวิตที่ในหลวงทำ คือการ launch หรือสตาร์ท เมื่อสิบปีก่อน สิ่งที่เรียกว่า "ตุลาการภิวัฒน์" - คือการทำให้ "กระบวนการยุติธรรม-ศาล" ทั้งหมด กลายเป็นกลไกการเมือง สำหรับจัดการปัญหาการเมืองและผู้เล่นทางการเมือง
ผลก็คือ - พร้อมๆกับตัวในหลวงและสถาบันกษัตริย์เอง - กระบวนการยุติธรรม-ศาลทั้งหมด ไม่สามารถเป็นตัวกลางหรือจุดร่วมที่ทุกฝ่ายในสังคมจะยอมรับร่วมกันได้อีก
นี่เป็นหายนะที่จะอยู่กับประเทศไทยไปอีกนาน
............
หมายเหตุ: ผมมองว่า การจัดการปัญหาการเมืองด้วยกระบวนการทางกฎหมาย อาจจะทำได้ในบางกรณีอย่างจำกัดมากๆนะ แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่ทำให้กระบวนการยุติธรรม-ศาลทั้งระบบกลายเป็นเครื่องมือการเมืองแบบนี้
'พล.อ.ประยุทธ์'ขึ้นเขียงศาลรธน. จ่อฟันไร้คุณสมบัติ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
https://www.prachachat.net/politics/news-351672
https://www.prachachat.net/politics/news-351672
https://www.prachachat.net/politics/news-351656
................................................................
โปรเจ็กสุดท้ายในชีวิตที่ในหลวงทำคือการสตาร์ท"ตุลาการภิวัฒน์" เมื่อ10ปีก่อน-นี่เป็นหายนะที่จะอยู่กับประเทศไทยไปอีกนาน
โปรเจ็กสุดท้ายในชีวิตที่ในหลวงทำ คือการ launch หรือสตาร์ท เมื่อสิบปีก่อน สิ่งที่เรียกว่า "ตุลาการภิวัฒน์" - คือการทำให้ "กระบวนการยุติธรรม-ศาล" ทั้งหมด กลายเป็นกลไกการเมือง สำหรับจัดการปัญหาการเมืองและผู้เล่นทางการเมือง
ผลก็คือ - พร้อมๆกับตัวในหลวงและสถาบันกษัตริย์เอง - กระบวนการยุติธรรม-ศาลทั้งหมด ไม่สามารถเป็นตัวกลางหรือจุดร่วมที่ทุกฝ่ายในสังคมจะยอมรับร่วมกันได้อีก
นี่เป็นหายนะที่จะอยู่กับประเทศไทยไปอีกนาน
............
หมายเหตุ: ผมมองว่า การจัดการปัญหาการเมืองด้วยกระบวนการทางกฎหมาย อาจจะทำได้ในบางกรณีอย่างจำกัดมากๆนะ แต่ไม่ใช่ในลักษณะที่ทำให้กระบวนการยุติธรรม-ศาลทั้งระบบกลายเป็นเครื่องมือการเมืองแบบนี้
Somsak Jeamteerasakul
ในหลวงวชิราลงกรณ์ ("พระบรมฯ") กับประชาธิปไตย
แก่นหรือหัวใจของประชาธิปไตยคือ ประชาชน (สาธารณะ, สังคม) สามารถควบคุม ตรวจสอบ เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ และกำหนดทิศทางของรัฐและบุคคลากรผู้มีอำนาจรัฐได้
ปัญหาอำนาจทางการเมือง-กฎหมาย และทางวัฒนธรรม ของสถาบันกษัตริย์เป็นปัญหาใจกลางของประชาธิปไตยไทยมาโดยตลอด ก็เพราะอำนาจทุกด้านดังกล่าว เป็นสุดยอดสมบูรณ์ ของการ #ไม่สามารถ ควบคุม ตรวจสอบ เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะได้เลย
องค์กรอำนาจรัฐส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ศาล องค์กรอิสระ ข้าราชการประจำ ฯลฯ ที่มีอำนาจที่ไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ได้ ล้วนแต่อิงหรือขึ้นต่อ การมีสถานะที่ไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ของสถาบันกษัตริย์ทั้งสิ้น
อันที่จริง แม้แต่นักการเมือง ก็ได้ประโยชน์จากสถานะควบคุม ตรวจสอบ เอาผิดไม่ได้ของสถาบันกษัตริย์ดังกล่าว
ประเด็นที่ "คนรักเจ้า-เกลียดนักการเมือง" ไม่เคยเข้าใจเลยคือ ถ้าไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด สถาบันกษัตริย์และส่วนอื่นๆของอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯได้ ก็ไม่มีทางจะตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด นักการเมืองได้เช่นกัน เพราะประชาชนที่สนับสนุนนักการเมืองไม่มีวันยอมให้มีการเอาผิด ตรวจสอบ ควบคุม ฝ่ายเดียว
(แม้แต่ข้ออ้างเรื่อง "กษัตริย์ทำงานหนัก" และ "ความจงรักภักดีของประชาชน" ถ้าไม่ผ่านให้มีการตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์แบบเดียวกับที่ทำได้กับนักการเมือง แต่ใช้วิธีโปรแกรมฝังหัวทั้งทางระบบการศึกษาและทางสังคมวงกว้างอื่นๆ ก็ไม่มีทางจะอ้างได้ว่า เป็นข้ออ้างที่ชอบธรรมและสามารถทำให้ได้รับการยอมรับโดยแท้จริงทั้งสังคมได้)
วิกฤติไทยสิบปีที่ผ่านมา รวมศูนย์ใจกลางอยู่ที่ปัญหานี้
ประเด็นที่ "คนรักเจ้า-เกลียดนักการเมือง" ไม่เคยเข้าใจเลยคือ ถ้าไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด สถาบันกษัตริย์และส่วนอื่นๆของอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯได้ ก็ไม่มีทางจะตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด นักการเมืองได้เช่นกัน เพราะประชาชนที่สนับสนุนนักการเมืองไม่มีวันยอมให้มีการเอาผิด ตรวจสอบ ควบคุม ฝ่ายเดียว
(แม้แต่ข้ออ้างเรื่อง "กษัตริย์ทำงานหนัก" และ "ความจงรักภักดีของประชาชน" ถ้าไม่ผ่านให้มีการตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์แบบเดียวกับที่ทำได้กับนักการเมือง แต่ใช้วิธีโปรแกรมฝังหัวทั้งทางระบบการศึกษาและทางสังคมวงกว้างอื่นๆ ก็ไม่มีทางจะอ้างได้ว่า เป็นข้ออ้างที่ชอบธรรมและสามารถทำให้ได้รับการยอมรับโดยแท้จริงทั้งสังคมได้)
วิกฤติไทยสิบปีที่ผ่านมา รวมศูนย์ใจกลางอยู่ที่ปัญหานี้
พูดแบบง่ายๆคือ คุณไม่มีทางเอาผิดชินวัตรโดยปกติสงบสุขได้
ถ้าคุณไม่ยอมให้มีการเอาผิดสถาบันกษัตริย์และกองทัพ ฯลฯ
การพยายามดันทุรังเอาผิดฝ่ายเดียว
ยกสถานะฝ่ายเดียวให้อยู่นอกเหนือการควบคุมตรวจสอบเอาผิด ("สองมาตรฐาน")
ก็นำไปสู่ทางตัน ความไม่สงบสุขอย่างยืดเยื้อที่เห็นกัน
ทีนี้ มาถึงกรณีพระบรมฯหรือ "ในหลวงวชิราลงกรณ์" กษัตริย์องค์ใหม่
มีแนวโน้มหรือสัญญาณอะไรที่ส่อให้เห็นว่ากษัตริย์องค์ใหม่จะเปลี่ยนแปลงสถานะของสถาบันฯ ให้ไปในทางที่ตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ได้?
ทีนี้ มาถึงกรณีพระบรมฯหรือ "ในหลวงวชิราลงกรณ์" กษัตริย์องค์ใหม่
มีแนวโน้มหรือสัญญาณอะไรที่ส่อให้เห็นว่ากษัตริย์องค์ใหม่จะเปลี่ยนแปลงสถานะของสถาบันฯ ให้ไปในทางที่ตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ได้?
ที่ผ่านมา ต้องเรียกว่าเป็นศูนย์เลย หรือติดลบด้วยซ้ำ
เอาง่ายๆ พระบรมฯมีแนวโน้มจะเปิดให้มีการควบคุมตรวจสอบเอาผิด
วิพากษ์วิจารณ์ การใช้จ่ายเงินสาธารณะจำนวนมหาศาลเพื่อซัพพอร์ตหรือสนับสนุน
"ไลฟ์สไตล์" ของพระองค์ในหลายปีที่ผ่านมาหรือ? หรือให้ตรวจสอบกรณีการกวาดล้างบุคคลใกล้ชิดเช่นกรณีหมอหยอง (ที่มีคนตาย 3
ศพในระหว่างการคุมตัว) หรือ?
ที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่างรูปธรรม"เล็กๆ"
ความจริง ยิ่งถ้าพูดไปให้ไกลถึงเรื่องสำนักงานทรัพย์สิน เรื่องกฎหมาย 112
เรื่องการยกเลิกการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสถาบันฯ
(ต่อพระราชบิดาที่สิ้นพระชนม์ ซึ่งพระองค์ได้ประโยชน์
และต่อพระองค์เองโดยตรงด้วย) ที่ทำอย่างระดับซึมลึกถึงอนุบาล ฯลฯ
ยิ่งไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย (ติดลบด้วยซ้ำเช่นกัน)
กระแส
"เชียร์พระบรมฯ" ที่เกิดขึ้นในหมู่คนที่คิดว่ากำลังต้องการต่อสู้เพื่อ
"ประชาธิปไตย" จึงเป็นอะไรที่ถ้าไม่ชวนให้เศร้า ก็ชวนให้ตลก
และเป็นเพียงภาพสะท้อนว่า ความเข้าใจเรื่อง อะไรคือ ประชาธิปไตย ของพวกเขา
มีข้อจำกัดอย่างมาก
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar