10 ธันวา วันรัฐธรรมนูญ วันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตื่นเช้ามาประชาชนทั้งประหลาดใจ ทั้งขบขัน แกมสมเพช เมื่อเห็นตำรวจตั้งตู้คอนเทนเนอร์กั้นรั้วลวดหนาม ล้อมเทเวศร์ ล้อมทำเนียบรัฐบาล อ้างว่ามีการชุมนุม ทั้งที่มีแค่ม็อบเฟสต์ที่อนุสรณ์สถาน มีกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ไปยื่นหนังสือ UN แล้วตอนเย็นก็จะมีตัวแทนคนพิการไปชุมนุมหน้ากระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
มองอย่างไรก็ไม่เห็นว่าม็อบจะสร้างความรุนแรง หรือจะบุกไปที่ไหน เพราะโดยจังหวะ โดยสถานการณ์ ไม่ใช่ช่วงร้อนแรง เป็นแค่การจัดกิจกรรม “เบาๆ” ไม่ใช่ “ม็อบเบิ้มๆ” ซึ่งก็คล้ายที่จัดมาหลายครั้ง เป็นเฟสติวัล มีปราศรัย มีคอนเสิร์ต แม้เข้มข้นที่เนื้อหา “ยกเลิก 112 สิแล้วเราจะเล่าให้ฟัง”
ไม่ทราบหน่วยข่าวกรองที่ไหน สมองกุ้ง ขี้ขึ้นขมอง หรือโดนแกง กลัวม็อบไปล้อมทำเนียบ (หรือทรัพย์สินฯ) แล้วนายจะลงโทษ เลยตั้งตู้คอนเทนเนอร์เป็นกำแพงเบอร์ลิน ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน พ่อค้าแม่ขายย่านนั้น กระทั่ง Wevo อาสาไปเจรจา ตำรวจก็ไม่เปิดทาง พยายามจะรื้อลวดหนามก็เกือบโดนทุบด้วยโล่กระบอง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Wevo โตโต้ ปิยรัฐ กลายเป็นพระเอกของชาวบ้าน แล้วใครเป็นผู้ร้าย?
เช่นเดียวกับคืนวันก่อน ที่แยกอุรุพงษ์ Wevo ไปเก็บรั้วลวดหนามที่เจ้าหน้าที่วางทิ้งเรี่ยราด แป๊บเดียวเท่านั้น ตำรวจมา 200 นึกว่ามียางอาย จะมาช่วยเก็บไปให้เรียบร้อย ที่ไหนได้ ไม่ทราบเสียหน้าหรือเปล่า ลุยจับจิตอาสาที่แรกหาว่าขโมยทรัพย์สินราชการ ต่อมาก็อ้างว่ามั่วสุมเกิน 10 คน มีคนโดนตำรวจกระทืบ กลายเป็นถูกตั้งข้อหาต่อสู้ขัดขวาง
ชาวบ้านเลยแซวกันว่านี่ถ้า Wevo ใส่เสื้อเหลืองคงไม่มีความผิด
ตู้คอนเทนเนอร์เป็นสัญลักษณ์ที่น่าอับอาย ว่ารัฐโดนแกง ตั้งแต่ครั้งม็อบหลอกจะไปทรัพย์สิน ไปราบ 1 ซึ่งชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ทำไมเอากลับมาใช้ ทั้งที่รอบนี้ม็อบไม่ได้ประกาศไปไหน ไม่ได้ระดมคน ไม่ได้มีประเด็นร้อนแรงเฉพาะหน้า
นี่แสดงว่าผู้มีอำนาจรู้สึกหวาดไหว ไม่มั่นคง เจ้าหน้าที่ก็หวาดกลัวจะโดนลงโทษ กลัวขึ้นหัวสมอง จนวางมาตรการป้องกันสูงสุดไว้ก่อนโดยไม่คำนึงผลด้านกลับ
จะว่าไปเรื่องนี้ก็คล้ายกับกรณี พ.ท.หญิงลัดดา แทมมี่ ดักเวิร์ธ รวมกับ 7 ส.ว.สหรัฐ เสนอคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ ลงมติสนับสนุนเสรีภาพการชุมนุม เรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังความคิดเห็นประชาชน
ที่จริงนี่ไม่ใช่ข่าวใหญ่ในสหรัฐ ไม่ใช่ท่าทีของรัฐบาลหรือวุฒิสภา แต่รัฐไทยคนไทยฝ่ายอนุรักษ์ดิ้นพล่าน ราวถูกขี้เถ้า “แทมมี่” ที่คนไทยเคยภาคภูมิใจซาบซึ้งน้ำตาไหล สายเลือดไทยได้เป็น ส.ว.มะกัน เคยมาเยือนไทยเข้าพบประยุทธ์ ฯลฯ กลายเป็น “เผือก” ไม่ใช่คนไทย ถูกดาราไทยบูลลี่ “พิการซ้ำซ้อน”
ส.ว.ไทยก็แห่ออกมาโต้ จนเป็นที่หัวร่องอหาย ส.ว.ตู่ตั้งมาโหวตตู่ มีศักดิ์ศรีอะไรไปตอบโต้เขา
อาการนี้คือ “สันหลังหวะ” แตะหน่อยไม่ได้ โวยวายจนบานปลาย ข่าวเล็กๆ ในอเมริกากลายเป็นดราม่าใหญ่โตของอนุรักษนิยมไทย
เพจปลดแอก โพสต์สัญลักษณ์ RT Movement เป็นรูปคล้ายค้อนเคียว ก็เต้นกันใหญ่ ประยุทธ์สั่งสอบ บ.ก.ลายจุดขำกลิ้ง อ้าว จำไม่ได้หรือ ประยุทธ์แนะนำให้อ่านหนังสือสีจิ้นผิง ประเทศไทยยุคนิยมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดิ้นกับรูปค้อนเคียว
รัฐไทยจะอดทนอยู่ในสถานะนี้ได้นานเท่าไหร่ ม็อบไม่ต้องทำอะไรมากเลยนะ เดี๋ยวปีใหม่แค่ชวนกันไปจัดงานรื่นเริงสนามหลวง รัฐก็คงจะคลั่งตั้งตู้คอนเทนเนอร์อีก งานวันเด็ก “นักเรียนเลว” นัดกันแสดงออกอะไรสักอย่าง แอนตี้คำขวัญ “รวมไทยสร้างชาติ” ทำเนียบอาจห้ามเด็กนั่งเก้าอี้นายกฯ เพราะกลัวจะไปชูสามนิ้ว
อำนาจรัฐ สื่อฝ่ายอนุรักษ์ พยายามตีปี๊บว่าม็อบแผ่ว หมดพลังแล้ว ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ ข้อเรียกร้อง 3 ข้อเหมือนชนตึก ตัวเองกลับจะติดคุก
ก็ใช่อยู่แล้ว อำนาจแน่นเหนียวเป็นปึกแผ่นทั้งปืนทั้งกฎหมาย ม็อบเป็นล้านก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลได้
แม้แต่คนที่เคยชินกับการเคลื่อนไหวแบบเก่าๆ ยังเข้าใจผิด คิดว่าต้องชุมนุมใหญ่จนเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ม็อบพันธมิตรนกหวีด “ชนะ” เพราะสมคบรัฐประหาร ตรงกันข้ามกับม็อบเสื้อแดงตายเกลื่อนโดนยัดคุกตะราง
ม็อบคนรุ่นใหม่ใช้การแสดงพลังเพื่อ “ปักธง” ให้สังคมสนใจข้อเรียกร้อง เช่นที่ไปสถานทูตเยอรมัน (ขู่)ไปสำนักงานทรัพย์สิน ราบ 1 (แล้วแกง) พวกเขาไม่ได้ต้องการยึดอะไร ไม่ได้ต้องการยึดอำนาจ แค่ทำให้ประเด็นที่ไม่เคยพูดกันกลายเป็นข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง ประกาศความต้องการของคนรุ่นใหม่ แล้วคอยดูว่าอำนาจจะรับมืออย่างไร จะจัดการอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร
ซึ่งยิ่งรัฐเป็นฝ่ายเต้น หวั่นไหว กลัวเกินไป ไม่สามารถจัดการให้เหมาะสม ผสมความห่วยในการจัดการปัญหาต่างๆ เศรษฐกิจปากท้อง ความเหลื่อมล้ำ ไปเยี่ยมน้ำท่วมโชว์ทำกับข้าว ฯลฯ
คนรุ่นใหม่ก็แค่ตั้งมั่น หักล้างความคิด รุกทางวัฒนธรรม แล้วคอยดูว่าใครจะเพลี่ยงพล้ำเอง
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_5504757
ที่มาภาพ: เฟสบุ๊ค Banrasdr Photo
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar