ทวิตเตอร์วันก่อน มีชุดข้อความของนักข่าวอิสระ สายใยหน่วยงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็น เผยถึงการ ‘อุ้มฆ่า’ กลุ่มผู้ลี้ภัยข้อหา ๑๑๒ ในลาวเมื่อสองปีที่แล้ว มีผู้หายสาปสูญทั้งสิ้น ๙ คน รวมทั้งรายที่ฮือฮาไปทั่วโลก มีภาพท้ายรถขณะปฏิบัติการกลางกรุงพนมเปญ
พี่สาวของ ‘ต้าร์’ ผู้ถูกลักพาตัว ไปให้การแก่ศาลกัมพูชาแล้ว เชื่อว่าเป็นขบวนการเดียวกับการกระทำในลาว ซึ่งมีหลักฐานศพลอยเกยฝั่งแม่น้ำโขง ๓ ศพ คิดว่าศพที่สามซึ่งหายไปหลังจากมีทหารไทยไปตรวจชันสูตร เป็น สุรชัย แซ่ด่าน
อีกสองศพซึ่งอยู่ในสภาพเหมือนกันกับศพที่สาม “ลำคอถูกรัดด้วยเชือกป่านขนาดใหญ่ ถูกของแข็งทุบใบหน้า คว้านท้องยัดด้วยเสาปูนยาว ๑ เมตร ใส่กุญแจมือไขว้ไว้ด้านหน้า ห่อด้วยกระสอบป่าน เย็บติด ๒-๓กระสอบแล้วหุ้มด้วยตาข่าย”
‘Alexandra Helena’ ผู้รายงานระบุ “ทีมปฏิบัติการลงพื้นที่ในสังหารอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้นำโดย ‘วิจักขณ์ ตารมย์’ หัวหน้าทีม...โดยมี ‘อาจินต์ วังวรรธนะ’ และลูกน้องดำเนินการ...และเป็นผู้บังคับให้ผู้ตายพูดขอขมาต่อในหลวงวชิราลงกรณ์ และส่งคลิปให้”
ทวี้ตกล่าวด้วยว่า “ปัจจุบันทีมปฏิบัติการชุดนี้ มีตำแหน่งใหญ่โตอย่างรวดเร็วในวงการตำรวจ” ภายใต้บังคับบัญชาของ จิรภพ ภูริเดช น้องชายของ จักรภพ ภูริเดช ราชองครักษ์ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัวและราชินี ซึ่งกำกับงานด้านพีอาร์และการเงินของราชสำนัก
เป็นที่กล่าวขวัญกันในขณะนี้ว่า ทีมตำรวจล่าสังหารนี้ปฏิบัติงานอย่างกึ่งเอกเทศภายในหน่วยกองปราบฯ ของตำรวจ รองรับคำสั่งตรงจากราชองครักษ์ โดยประสานกับหน่วยควบคุมมวลชนภายในตำรวจสันติบาล และหน่วย ตชด.
ทำให้เป็นที่น่าหวาดผวา ถึงขั้นสยองขวัญแก่บรรดานักกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย และการปฏิรูปทางการเมืองในไทย รวมไปถึงความต้องการปรับเปลี่ยนพระราชอำนาจกษัตริย์ ให้ตรงตามนิยามแท้จริงของระบอบรัฐธรรมนูญ
หากเกิดมีนักกิจกรรมคนใดคนหนึ่งต้องชะตาขาดแบบผู้ลี้ภัยในลาวแล้ว เท่ากับว่าประเทศไทยกลับไปสู่ยุคมืด เหมือนเมื่อครั้งมีการล่าสังหารนักการเมืองโดยตำรวจยุคเผด็จการครองเมือง แต่นี่หนักกว่าเพราะจะเป็น ‘ฟาสซิสต์’ แบบมุสโสลินีของอิตาลี
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar