Aum Neko
11h ·
#กษัตริย์ของไทยอาจทำผิดกฎหมายในเยอรมนี
------------------
กษัตริย์ไทยซึ่งตกเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนักทรงโปรดปรานบาวาเรีย
ฝ่ายค้านของเยอรมนีสืบทราบมาว่าพระองค์ไม่ได้เสด็จมาประทับที่นั่นเพียงเพื่อพักผ่อนพระราชหฤทัยแต่ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจจากที่นั่นด้วย
เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลเยอรมันจำเป็นจะต้องออกมาให้ความกระจ่าง
------------------
ภาพที่ออกมาเวลาที่
ร.10
เสด็จมาประทับที่วิลลาส่วนพระองค์ริมทะเลสาบชตาร์นแเบร์กหรือเมื่อเสด็จไปยังสถานที่โปรดของพระองค์ดูเหมือนกับว่าพระองค์เสด็จมาทรงใช้เวลาว่างเพื่อพักผ่อนจากการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเท่านั้น
พระองค์ทรงโปรดการปั่นจักรยานเสือหมอบเลาะเลียบเทือกเขาแอลป์
มีคนเคยเห็นพระองค์กำลังเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวในห้างขายเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในชุดเสื้อเอวลอยโชว์หน้าท้องพร้อมกับสาวข้างกายคนหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาสนมของพระองค์
ครั้งหนึ่งเคยมีคนเห็นพระองค์ทรงนั่งทอดพระเนตรเหล่าข้าราชบริพารในพระองค์ขณะกำลังช่วยกันเก็บสตรอเบอร์รี่ในสวนให้พระองค์
ชีวิตมันจะสะดวกสบายอย่างนี้แหละถ้าเราเป็นกษัตริย์
---------------------
แต่ความจริงนั้นคือ
ร. 10 ไม่ได้เสด็จมาประทับพักผ่อนที่บาวาเรียเพียงเท่านั้น
คนไทยฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทยที่อยู่ในเยอรมนีและผู้ที่วิจารณ์สถาบันกษัตริย์สืบทราบมาว่าพระบรมราชโองการหลายฉบับที่ประกาศใช้สันนิษฐานได้ว่าทรงลงพระนามหรือมีพระบัญชาระหว่างประทับในเยอรมนี
โดยพระองค์น่าจะทรงลงนามในพระบรมราชโองการหรือพระราชกำหนดอย่างน้อยเจ็ดฉบับในช่วงระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาซึ่งรวมถึงพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเจ้าคุณพระสินีนาฏ
พระบรมราชโองการถอดยศนายทหารและพระบรมราชโองการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ด้วย
-------------------
ถ้าหากว่า
ร. 10 ทรงงานจากเยอรมนีจริง พระองค์อาจทรงมีปัญหาเรื่องการต่อวีซ่า
ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาฝ่ายบริการวิชาการของรัฐสภาเยอรมนีได้ข้อสรุปว่าหากองคาพยพของรัฐต่างชาติใช้อำนาจอธิปไตยในขณะที่พำนักอยู่ในประเทศอื่น
นั้นเท่ากับเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยเหนือเขตแดน
ถึงแม้ว่าผู้เชี่ยวชาญประจำรัฐสภาจะกล่าวว่าในแง่กฏหมาย ร.10
กำลังทรงเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่สีเทา – แต่ไม่ว่าจะรัฐใดก็ตาม
รัฐนั้นไม่ควรยอมให้ประมุขต่างประเทศกระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศเจ้าภาพ
------------------
ดังนั้น
สส. Frithjof Schmidt
จึงเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
เขาคิดว่าเยอรมนีต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นข้อครหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับกษัตริย์ไทยในการขัดขวางไม่ให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ความประชาธิปไตย
หากที่ผ่านมาพบว่ามีการกระทำที่ละเมิดกฏหมายเกิดขึ้นจริง
จะต้องมีผลในทางการเมืองตามมา
โดยจะต้องดำเนินการถอนวีซ่าหากยังกระทำการละเมิดต่อไปอีก
-------------------
Schmidt
กล่าวต่อว่ากษัตริย์ทรงมีพระราชโองการให้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ
ยุติบทบาทไม่ให้สมัครเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฝ่ายค้าน
"จากข้อมูลเท่าที่ผมได้รับแจ้งมาพระองค์น่าจะมีพระบรมราชโองการจากเยอรมนี"
-------------------
Schmidt
นำข้อมูลที่รวบรวมได้มาประมวลเป็นกระทู้ขนาดความยาว 7
หน้ากระดาษเสนอต่อคณะทำงานของพรรคกรีนในรัฐสภาซึ่งจะนำไปยื่นต่อรัฐบาลเยอรมันในวันศุกร์นี้
โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมันชี้แจงว่าในแง่กฏหมายว่า ร. 10
ทรงประทับในบาวาเรียในสถานะอะไร และ
รัฐบาลเยอรมันจะดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตพำนักของพระองค์ตามความเหมาะสมหรือไม่
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบว่าหัวหน้าหน่วยสืบราชการลับของไทยว่าเดินทางมาบาวาเรียจริงหรือไม่
และ
คนเหล่านี้พยายามข่มขู่คุกคามคนไทยที่เป็นฝ่ายตรงข้ามตามที่ผู้ลี้ภัยไทยสงสัยหรือไม่
------------------
Schmidt
ติดตามสถานการณ์ในประเทศเผด็จการแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานหลายปีแล้ว
เขากล่าวว่ากษัตริย์ไทยมีบทบาท
"ในเชิงลบต่อประชาธิปไตยและไม่สนับสนุนประชาธิปไตย"
พระองค์ใช้อำนาจเข้าแทรกแซงทางการเมืองโดยตรงและทรงสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการทหาร“
พระองค์ทรงมีพระประสงค์ที่จะขัดขวางไม่ให้ขบวนการทางการเมืองที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้เติบโตจนนำไปสู่การกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตย
--------------------
ข้อมูลที่ Schmidt
ได้รับมาจากการทำงานทางข้อมูลของคณะทำงานด้านประเทศไทยของมูลนิธิเอเชียเฮาส์
เมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนีซึ่งได้ค้นหาข้อมูลใน "ราชกิจจานุเบกษา"
ประกอบกับข้อมูลจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งได้ติดตามรวบรวมข้อมูลการเดินทางและเที่ยวบินของกษัตริย์
เวลาที่เสด็จออกเดินทางและเวลาที่เสด็จมาถึงที่หมาย แล้วนำมาสรุปว่า ร.10
น่าจะทรงประทับบาวาเรียได้ระหว่างวันที่เท่าใดบ้าง
แหล่งที่มาของข้อมูลคือข้อมูลของสายการบิน
รายงานจากสื่อในประเทศไทยและหมายเลขเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวจากฐานข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
-----------------
สมาชิกคณะทำงานด้านประเทศไทยของมูลนิธิเอเชียเฮาส์ไม่พอใจที่กษัตริย์
"นำเงินภาษีของคนไทยไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยหรูหราในเยอรมนีแทนที่จะทรงปฏิบัติพระกรณียกิจอยู่ในประเทศบ้านเกิดของพระองค์"
การสืบค้นข้อมูลในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาทำให้สรุปได้ว่า:
"ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคมของปีนี้พระองค์อยู่ในประเทศไทยโดยเฉลี่ยหนึ่งหรือสองวันต่อเดือน"
หากเราดูจำนวนพระบรมราชโองการที่พระองค์ทรงลงนามในช่วงเวลานี้จะเห็นชัดเจนว่า:
"มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พระองค์จะไม่ได้ทรงงานจากดินแดนของเยอรมนี"
มูลนิธิฯ เรียกร้องให้รัฐบาลกลางของเยอรมนี "ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อขบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทย"
---------------------
การตั้งคำถามว่ากษัตริย์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจขณะประทับพักผ่อนในบาวาเรียหรือไม่
เป็นคำถามที่ละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองของเยอรมันให้ความสนใจมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
Heiko Maas รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า
“รัฐบาลเยอรมนีไม่ต้องการให้ ร. 10
ทรงตัดสินใจทางการเมืองอันเกี่ยวข้องกับประเทศของพระองค์ในบาวาเรีย"
“ทางเยอรมนีได้แจ้งอย่างชัดเจนแล้วว่า การตัดสินใจทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยจะต้องไม่กระทำจากดินแดนเยอรมนี"
นายมาสกล่าวว่า
กษัตริย์ทรงประทับอยู่ที่นี่ในฐานะพระราชอาคันตุกะ
ซึ่งจะเป็นการขัดต่อจุดยืนของรัฐบาลกลางเยอรมนีหากอาคันตุกะว่าราชการจากประเทศเยอรมนี
ซึ่งหากมันเกิดขึ้นจริงทางเยอรมนีจะดำเนินการต่อต้านอย่างที่สุด
ข้อมูลที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลไทยซึ่งอยู่นอกประเทศสืบค้นมาได้นี้ทำให้รัฐบาลกลางแห่งสหพันธ์และนักการทูตของเยอรมนีจำเป็นจะต้องออกมาอธิบายให้ชัดเจน
นอกจากพระบรมราชโองการอย่างน้อยเจ็ดฉบับที่ประกาศออกมาในปีนี้แล้วยังมีพระบรมราชโองการอีกอย่างน้อย
4
ฉบับที่ประกาศใช้เมื่อปีก่อนซึ่งน่าจะทรงมีพระบัญชาหรือลงนามขณะประทับริมทะเลสาบชตาร์นแบร์กในบาวาเรียเช่น
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
-------------------
อีกประเด็นหนึ่งที่สร้างความอึดอัดใจแก่รัฐบาลกลางเยอรมนีคือการที่ผู้คนกว่า
100,000
คนออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนอย่างยืดเยื้อมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้วและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์อย่างจริงจัง
เช่น ให้ยกเลิก ม. 112 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 15
ปีในกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีการแจ้งข้อหา 112 แก่ผู้ร่วมชุมนุมมากกว่า 20 ราย
มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่า
ร. 10 อาจจะมีโอกาสประทับอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์นานมากขึ้น -
หากว่าพระองค์กลายเป็นบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ในประเทศเยอรมนี
*Credit แปล : ล่ามสาวอ่างทอง
söndag 13 december 2020
#กษัตริย์ของไทยอาจทำผิดกฎหมายในเยอรมนีและจะกลายเป็นบุคลที่ไม่พึงประสงค์ในประเทศนั้นด้วย !
Prenumerera på:
Kommentarer till inlägget (Atom)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar