ThaiE-News
ฟ้อง ๑๑๒ บิดเบือนข้อหางั่งๆ อ้าง 'จาบจ้วง' เจอคณะราษฎรเตรียมทีมทนายฟ้องกลับเสียบ้าง ให้หลาบจำ
‘วรงค์ ไทยภักดี’ ออกมาทำตัวให้สมกับ ‘ทรงเลี้ยง’ ด้วยการกดดันกระทรวงต่างประเทศให้ตอบโต้สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ “คนต่างชาติเหล่านี้คงไม่รู้เรื่องก็ได้ว่า ผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมจาบจ้วงอย่างน่ารังเกียจอย่างไรบ้าง”
ไม่ต้องไปบอกเขาหรอก ว่าเป็น “การชุมนุมที่ไม่บริสุทธิ์ใจ” เขารู้ดียิ่งกว่าทั้งวรงค์และ ‘บักดอน’ ว่าการชุมนุมของเด็กนั้น กลั่นกรองจากจิตใจที่ฝังแน่นกับหลักสิทธิมนุษยชน เขาจึงได้บอกว่า ‘deeply troubled’ เป็นกังวลอย่างล้ำลึก ที่มีการดำเนินคดีกับเด็กอายุ ๑๖ ปี
และไม่ใช่รายเดียว เขารู้ละเอียดว่ามีการดำเนินคดีกับเยาวชนอายุน้อยอีกหลายคน เพียงเพราะเด็กๆ ออกมาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพอันพึงมีของตนตามปฏิญญาสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ รวีณา ชัมทัศนีย์ โฆษกยูเอ็นบอกด้วยว่า ได้เตือนไทยหลายครั้งแล้ว
ไม่ว่าจะให้ยับยั้งการจับกุมคุมขังผู้เห็นต่าง หรือกระทั่งให้ปรับแก้กฎหมาย (โดยเฉพาะ ม.๑๑๒) ให้สอดคล้องกับปฏิญญา มาตรา ๑๙ อยู่ในครรลองความเป็นอารยะที่นานาชาติ (รวมทั้งไทย) ให้ความเห็นพ้องไว้แล้วด้วย
เขาจะไม่นำพากับข้อแก้ตัวงั่งๆ หาก กต.จะโต้ตามอย่างวรงค์ว่ามีนักการเมือง “ใช้เด็กนักเรียนเป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อจาบจ้วงสถาบัน” ในเมื่อการวิจารณ์สถาบันอย่างสร้างสรร ชี้ให้เห็นความผิดพลาดที่กระทำไปอย่างลุ่มหลง เป็นคุณาธรรม
ปัญหาของการบังคับใช้ ป.อาญามาตรา ๑๑๒ อยู่ที่ การบิดเบือนข้อกล่าวหา ใช้คำว่า ‘จาบจ้วง’ เพื่อเอาไปตีความให้คล้อยตามตัวบท ดูอย่าง ๑๐ ข้อเรียกร้องของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ไม่ได้มีอะไรที่จาบจ้วงเลยสักนิด มีแต่การตีแผ่ความจริง
ความจริงอย่างหนึ่งก็อยู่ที่การใช้กฎหมายหมิ่นกษัตริย์ เป็นเครื่องมือทำร้ายและทำลายผู้ที่มีความคิดก้าวหน้า เห็นต่างกับความเชื่ออันคร่ำครึ อย่างที่ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันบอกว่า “เรามีสิทธิ มีงานทำ มีบ้านอยู่บนแผ่นดิน เนื่องจากพระมหากษัตริย์...”
ในเมื่อความเป็นจริงมันสวนทางกัน ดังที่ อานนท์ นำภา ยกเอาข้อเท็จจริงมาแย้งว่า “ถ้าการเมืองดี ที่สำคัญ เราไม่ต้องไปจ่ายเงินภาษีให้กษัตริย์เอาไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยด้วยครับ” ดังปรากฏในข้อมูลเรื่อง “ปรับปรุงห้องที่ประทับในเครื่องบินพระที่นั่ง”
สนนราคา ๗๕๐ ล้าน บวกค่าตกแต่งห้องน้ำบนเครื่องอีก ๕๔ ล้าน แถมอ้างด้านๆ ว่า ‘สมเหตุสมผล’ เท่านั้นไม่พอ ด้านต่อล่วงหน้าไว้อีก ๑๐ ปี โดยกองทัพอากาศกำหนดอัตราเพิ่มของงบประมาณสำหรับเครื่องบินราชพาหนะ ปีละ ๔.๒๕% เป็นอย่างน้อย
มีตารางอัตราและจำนวนเพิ่ม ‘อย่างมาก’ กำกับไว้เผื่อเหลืออีก ๖.๑๐% ทำให้ในปี ๒๕๗๓ ค่าปรับปรุงเครื่องบินสำหรับราชวงศ์สามารถขึ้นไปได้สูงถึง ๗ หมื่น ๖ พันล้านบาท อันนี้นอกเหนือจากการซื้อเครื่องบินและเฮลิค้อปเตอร์ใหม่ๆ อีกทุกปี
ปี ๖๙ จะซื้อเครื่องบินใหม่อีกหนึ่งลำ โดยใช้งบประมาณผูกพันไปถึงปี ๖๙ พอถึงปี ๖๙ ก็ซื้อเฮลิค้อปเตอร์ใหม่สำหรับการเสด็จพระราชดำเนินของราชวงศ์อีก ๓ เครื่อง ใช้งบประมาณผูกพันไปอีก ๓ ปีเหมือนกัน นอกนั้นเป็นเบี้ยร่ายปลายทางค่าครุภัณฑ์ ค่าซ่อมบำรุง
รวมทั้งสิ้นราว ๑๗,๑๕๐ ล้านบาท เหนาะๆ แต่เฉพาะในปีหน้ามีงบประมาณอีกส่วนหนึ่งไปอยู่ที่สำนักนายกฯ ไว้ใช้อำนวยความสะดวกและรักษาความมั่นคงให้สมพระเกียรติกษัตริย์ไทยอีกเกือบ ๖ พันล้านบาท ไม่นับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ปีละ ๕ พันล้านบาท
ตีเสียว่าถ้าเอางบประมาณเหล่านี้มาใช้บรรเทาอุทกภัย แก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ หรือจัดซื้อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด โดยไม่ต้องประกาศเรี่ยไรจากประชากร หรือกระทั่งเอามาใช้โครงการลดแลกแจกแถมต่างๆ แก่ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า
ไหนๆ เครื่องบินราชพาหนะส่วนพระองค์ ร.๑๐ ก็มีอยู่แล้วหลายลำ รวมกับที่ใช้ของการบินไทยฟรีๆ อีกนับสิบ หากพระองค์จะทรงเฮี้ยบเสียหน่อย อย่าไปเกรงใจกองทัพอากาศ มีพระราชดำรัสอย่างกระซิบว่าไม่เอาแล้วเครื่องบินใหม่ โหยพสกนิกรแซร่วร้องไปถึงบาวาเรียแน่
ฉะนี้ วรงค์จะมาทำส่งเสียง โฮ่งๆ ยูเอ็นเขาเห็นลิ้นไก่จุกกระเดือกอยู่นั่นไง การที่คณะราษฎร ๖๓ ตั้งทีมทนายฟ้องกลับพวกที่เที่ยวแจ้งความ ม.๑๑๒ กับแกนนำม็อบนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกโฮ่งๆ อย่างวรงค์ หรือนายร้อยนายพันที่ทำตามนายสั่ง
“เจอฟ้องกลับฐานแจ้งความเท็จ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๑๓๗ พ่วงคดี ม.๑๑๖ ฐานยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยก โดยเฉพาะแกนนำม็อบเสื้อเหลือง” เสียบ้าง รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่รัฐไปถึงนายกฯ ด้วย ในความผิดประพฤติมิชอบ ม.๑๕๗
เหล่านี้ให้เป็นที่เข็ดหลาบจำกันเสียบ้าง บ้านเมืองจะได้ไม่ดักดานกันอยู่แต่ในครอบกะลา
(https://www.facebook.com/pgpumin/posts/2693754594271036, https://prachatai.com/journal/2020/12/90869, https://vimeo.com/492405551 และ https://www.matichon.co.th/politics
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar