Thai E-News
"การผ่านร่างกฎหมายป้องกันทรมานและบังคับสูญหาย จะเป็นมาตรฐานโจ่งแจ้งให้ตำรวจปราบม็อบเพลามือความระห่ำ"
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเผาพระบรมฉายาลักษณ์กษัตริย์ติดๆ กันสามแห่งในช่วงนี้ เป็นเพราะตำรวจควบคุมฝูงชนกระทำรุนแรงต่อผู้ชุมนุม มากเกินกว่าหลักการสากลที่พวกผู้บัญชาการ และโฆษกฯ ออกมาตอแหลกัน แม้นว่าส่วนที่ ‘ทั่นใหม่’ เต้นแร้งเต้นกา ก็ด้วย
หลังจากเหตุเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่ดินแดงเมื่อ ๑๒ กันยา จุลเจิม ยุคล เรียกร้องให้นายกฯ ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร.ประกาศกฏอัยการศึก อ้างว่า “ปล่อยให้พวกมันย่ำยีสถาบันฯ และทำลายทรัพย์สินของทางราชการซึ่งมาจากเงินภาษีของพวกเรา”
มิพักต้องย้อนถามว่าเงินภาษีนั่นเอาไปใช้เหมาะสมแค่ไหนกับการสร้างซุ้ม หลายแห่งราคาแพงรากเลือด กับการบริภาษณ์พวกหัวโจกรัฐบาลและผู้บัญชาการเหล่านั้น “หดหัวอยู่แต่ในกระดอง” และ “ลาออกเถอะ” หรือไม่ก็
“เอาไอ้พวกหนักแผ่นดินขึ้นศาลทหาร เข้าคุกทหาร แทนคุกเอกชน หรือส่งไปอบรมที่ค่ายให้หมด” หากจุลเจิมพูดในนามของกษัตริย์ จากการที่เป็นนายทหารราชวัลลภละก็ จะยิ่งทำให้การเผาพระฉายาลักษณ์หนักขึ้นเป็น ‘ไหม้ลามทุ่ง’
อย่างที่ Thanapol Eawsakul ว่าให้จับตาดูกันดีๆ ทั้งประยุทธ์ ณรงค์พันธ์ และสุวัฒน์ จะออกอาการอย่างไร เขายกอุทธาหรณ์จากคำปราศรัยของ อานนท์ นำภา เมื่อ ๓ สิงหา เรื่องจุลเจิมขู่ศาลที่ให้ประกันตัวแกนนำกลุ่มเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ
“ขอแนะนำให้ศาลส่งสำนวนคดี ๑๑๒ ทั้งหมดไปให้จุลเจิมพิพากษาเอง” อาจจะมีการ ‘บังคับบุคคลให้สูญหาย’ เหมือนที่เกิดกับกลุ่มปักหลักต่อต้านสถาบันฯ ในลาว ๗-๘ คน บางรายกลายเป็นศพขึ้นอืดริมฝั่งโขง อีกรายมีคลิปเหตุการณ์ในพนมเปญ
พอดีเย็นวันนี้จะมีการอภิปรายในสภาผู้แทนฯ พิจารณาร่าง พรบ.ป้องกันการทรมานและอุ้มหาย เป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งมี “นานาชาติร่วมสนับสนุนให้ไทยตรากฎหมายนี้ออกมา ให้สอดคล้องกับที่ไทยรับข้อเสนอแนะที่ยูเอ็น” เอาไว้
วิธีการอย่างนั้น ทางการไทยทำไม่รู้ไม่ชี้มาตลอด อาจเป็นเพราะหากไม่ใช่ฝ่ายทหารของรัฐบาลชุดนี้ทำเอง หรือคนที่สั่งรัฐบาลไม่กล้าแตะต้อง แบบเดียวกับคนที่อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร ๒๕๔๙ โค่นแลนด์สไล้ด์ของทักษิณ ชินวัตร ‘พี่โทนี่’ เพิ่งมาบอกทางคลับเฮ้าส์เมื่อวาน
ว่าเป็น ‘มือที่มองไม่เห็น’ ทำให้ สุรพศ ทวีศักดิ์ อึดอัดขัดข้องนิดหน่อย ติงว่า “ยังยืนอยู่ที่เดิม ขณะที่คนรุ่นใหม่พูดแบบ ‘ทะลุเพดาน’ และเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เป็น ‘วาระหลัก’ ของการสร้างประชาธิปไตยแล้ว” แต่กับม็อบรายวันที่ดินแดง
พี่โทนี่ “ขอร้องรัฐบาลหันหน้าคุยกับเยาวชน แทนที่จะฆ่า เตือนหนักเข้า นายกฯ อาจต้องขึ้นศาล”...อาญาระหว่างประเทศ หรือ ‘ไอซีเจ’ อย่างที่ chamnan chanruang @chamnanxyz ชี้ แม้นว่าขณะนี้ ศาลมีความกรุณาเล็กน้อย
ศาลอุทธรณ์ ภาค ๑ ได้อนุญาตให้ประกันตัว ๕ แกนนำราษฎร คือ ‘ฟ้า’ พรหมศร ‘เพ็นกวิ้น’ พริษฐ์ ชีวารักษ์ ‘ไม้ค์’ ภาณุพงศ์ จาดนอก ‘บอย’ ชายชาติ แกดำ และณัฐชนน ไพโรจน์ แล้ว แต่เพ็นกวิ้นกับบอยอาจถูกขังต่อไปในคดีอื่นๆ
การผ่านร่างกฎหมายป้องกันทรมานและบังคับสูญหาย จะเป็นมาตรฐานโจ่งแจ้งให้ตำรวจปราบม็อบเพลามือความระห่ำไล่ตีผู้ชุมนุม และยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา ใส่ฝูงชนที่ออกมาใช้สิทธิเรียกร้องบนท้องถนน อย่างระมัดระวังไม่ละเมิดกติกาสากลมากขึ้น
รวมทั้งการจับกุมตัวเยาวชนที่เข้าไปอยู่ในบริเวณสลายการชุมนุม แบบจับก่อนปล่อยทีหลัง ก็ถือเป็นการใช้กำลังตามอำเภอใจเหมือนกัน ดังกรณีที่ Love Prasertsri นำมาเล่าว่า “เด็ก ป.๖ อายุ ๑๒ ปีใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ
เบื่อการเรียนออนไลน์ ปั่นจักรยานจากบ้านที่อยู่บางซื่อมาดูการชุมนุมที่ดินแดง แล้วถูกตำรวจจับกุม เพราะโซ่จักรยานหลุดระหว่างกำลังกลับบ้าน” หนูน้อยถูกสวมเครื่องพันธนาการ ใส่สายรัดข้อมือ ถูกควบคุมตัวอยู่นานกว่าที่มารดาจะได้ไปรับ
กรณีอย่างนี้ในประเทศที่ปฏิบัติตามหลักการมนุษยธรรมในกฎหมายอย่างเคร่งครัด จะไม่จับก่อนเช่นนี้ ตำรวจจะปล่อยตัวผู้ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีการจับกุมไป เคยเห็นไล่ตะเพิดให้ ‘go home’ เท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นเด็กเล็กอายุ ๑๒ ปีเช่นนี้ จะพาตัวส่งถึงบ้านด้วยซ้ำ
(https://www.facebook.com/love.prasertsri/posts/5004565812928757, https://tlhr2014.com/archives/34245, https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000090690 และ https://www.facebook.com/IsaanRecordThai/posts/4358557377527395)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar