fredag 15 oktober 2021

กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติ และ เป็นอาชญากรรมนิรันดร

สมศักดิ์ เจียม@somsakjeam

"กษัตริย์ไม่ทรงยุ่งการเมือง เพราะมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ" นี่เป็นข้ออ้างที่ใช้กันมานาน แต่ปรากฎว่า ในสมัยวชิราลงกรณ์ แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง facebook.com/somsakjeam/pos

Bild 

Bild 

Somsak Jeamteerasakul
14h ·

"กษัตริย์ไม่ทรงยุ่งการเมือง เพราะมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ" นี่เป็นข้ออ้างที่ใช้กันมานาน แต่ปรากฎว่า ในสมัยวชิราลงกรณ์ แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง
ทุกวันนี้ กษัตริย์ลงนามแต่งตั้ง โยกย้าย ลงโทษ นายทหารตำรวจพลเรือน "ข้าราชการในพระองค์" ได้โดยไม่ต้องมีผู้ลงนามรับรอง, สามารถแต่งตั้งโยกย้ายพระรูปใดก็ได้โดยไม่ต้องมีคนรับรอง, สามารถเอาเงินจาก สนง.ทรัพย์สินฯ (ที่เคยอ้างว่า "เป็นของแผ่นดิน") ไปทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีคนรับรองรู้เห็น ฯลฯ
ความจริงการ "ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ" นี้ เป็นหลักหมายสำคัญอย่างหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ที่ยอมรับกันทั่วโลกและไทยพยายามสร้างไว้ตั้งแต่ 2475 แม้จะมีการพยายามลดทอนความหมายเรื่อยมา
รัชกาลที่ 9 นั้นพยายาม "ลักไก่" ด้วยการไม่ยอมส่งปาฐกถาที่มีต่อผู้คนให้รัฐบาลตรวจก่อน (ดังตัวอย่างที่โพสต์ให้ดูนี้ เป็นปาฐกถาต่อนิสิตจุฬาฯปี 2503) จนกระทั่งในภายหลังได้มีโอวาสประจำในวันที่ 4 ธันวาคม โดยแสดงสด และการพูดครั้งสำคัญๆอื่นๆ
แต่ก็ยังมีการพยายาม "รักษารูปแบบ" ให้รัฐบาล "เซ็นรับรอง" การตัดสินใจของพระองค์ (การรับสนองพระบรมราชโองการจึงมีความหมายกลับหัวกลับหาง แทนที่จะเป็นการตัดสินใจของ "ผู้เซ็นรับสนอง" ก็เป็นเพียงมีลายเซ็นเพื่อรับผิดชอบแทนเท่านั้น)
มาถึงสมัยวชิราลงกรณ์ "การรับสนอง" ถูกยกเลิกไปอย่างสำคัญ แต่เงินเดือนที่ใช้ในการแต่งตั้งต่างๆ ยังเป็นงบประมาณแผ่นดินเช่นเดิม
ตัวอย่าง คำสั่งต่างๆที่ไม่มีการเซ็นรับรอง 112 ฉบับ
https://prachatai.com/journal/2021/09/95103
ประเทศไทยไม่ใช่ปกครองด้วยประชาธิปไตย
.....
ในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ กษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ ไม่ทรงใช้อำนาจโดยแท้ในทางการเมือง การบริหาร การลงพระปรมาภิไธยในพระบรมราชโองการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน ต้องมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจโดยแท้ในเรื่องนั้น ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเสมอ และเป็นผู้รับผิดชอบ
.
ในขณะที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ เป็นผู้มีอำนาจปกครองแผ่นดิน ทรงใช้พระราชอำนาจโดยแท้ตราพระราชบัญญัติ ประกาศกฎหมายต่างๆ บริหารบ้านเมืองด้วยพระองค์เอง
.
ชม สนามกฎหมาย ตอนที่ 14 การลงพระปรมาภิไธยและการลงนามรับสนองฯ : กรณีโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ https://www.youtube.com/watch?v=7WgNymyiyVA

ที่มา FB Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล

กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติ และ เป็นอาชญากรรมนิรันดร  


Bild

#เผด็จการเพื่อประเทศชาติ คือ #คำพูดภูมิพลพระราชดำรัส สุดอเมซิ่งของภูมิพล พูดไว้เมื่อ 14 ธันวา 2519 ขี้ข้าจึงนำมาพูดซ้ำในวันที่ 29 ธันวา 2557"อีกด้านหนึ่งยากที่จะพูดเหมือนกัน แต่ว่าต้องพูด ว่ามีบทบาททางการเมือง มิใช่ว่าทหารจะต้องไปเล่นการเมือง แต่หากว่าการเมืองมาเล่นทหาร และเห็นได้ชัด อันนี้ก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับท่านทั้งหลายที่เป็นนายพลเช่น หนังสือพิมพต่างประเทศเขียนไว้และเจาะจงว่า นายพลไทยยึดอำนาจ นายพลไทยเป็นเผด็จการ ซึ่งถ้่าเป็นเช่นนั้นจริงก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของท่านนายพลไทยไม่ใช่น้อย เพราะว่าถ้า #เผด็จการก็ต้องเผด็จให้ดี #เพราะว่านายพลไทยและทหารไทยทั้งหลาย ไม่เคยเผด็จการเพื่อให้เป็นเผด็จการแบบฝรั่ง #พยายามที่จะทำเพื่อประเทศชาติ"พระราชดำรัส พระราชทานในพิธีประดับยศนายทหารชั้นนายพล ณ พระที่นั่งบรมพิมาน วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2519http://www.openbase.in.th/files/14122519.pdf// Nadier

  

 
วชิราลงกรณ์ไม่เป็น"เดอะแบก"ก็เพราะขี้เกียจทำ มีคนให้ใช้ทำแทนได้ ตัวเองอยู่สบายๆไม่ดีกว่าหรือ "ทั้งนี้ทั้งนั้น ย้อนกลับมามองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอง ผู้ที่สมควรแบกมากที่สุดมากกว่าให้ใครมาแบกถวาย..แต่ยังมิได้เห็นบทบาทที่ออกมาด้วยพระองค์เองมากนัก.." facebook.com/somsakjeam/pos
Bild

Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ....... คัดมาจากบทความตอนหนึ่งของการเสวนาของคณะนิติราษฎร์ เมื่อ ๓๐ กย. ๒๕๕๕ ( จากการอธิบาย ของ Saint - just เราก็สามารถสรูปได้ว่า ภูมิพลก็คือ " ทรราชและ อาชญากรรมนิรันดร " ต่อประชาชนเพราะปล้นอำนาจมาจากปวงชนชาวไทย )  

วิจารณ์ลักษณะที่สอง  ในสังคมการเมือง อำนาจเป็นของประชาชนเสมอ เพียงแต่ว่ายุคใดสมัยใด อำนาจนั้นจะถูก “แย่งชิง” ไปหรือไม่ หรือประชาชนจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ใคร ดังนั้น หากจะย้อนกลับไปหาความเป็นเจ้าของอำนาจ ในท้ายที่สุดก็จะเจอประชาชนในฐานะเจ้าของอยู่ดี การอ้างว่ากษัตริย์เป็นผู้ทรงอำนาจ เป็นผู้ปกครอง มาตั้งแต่นมนาน ในสังคมการเมืองหนึ่งอาจไม่เคยขาดซึ่งสถาบันกษัตริย์เลย นั่นอาจเป็นการอ้างตามประวัติศาสตร์ของพวกราชาชาตินิยม ประวัติศาสตร์ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องเป็นโค้ดของเรา Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ   

Saint-Just เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime éternel) ต่อประชาชน มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสัมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ   Saint-Just อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur) อำนาจของประชาชนไป

หรือในประกาศคณะราษฎร “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่าประเทศของเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง”

หากพิจารณาตามแนวทางนี้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหรือไม่ เพราะ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนเสมอ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตลอดกาล เพียงแต่ว่าบางช่วงบางตอน ถูก “ฉกฉวยแย่งชิงขโมย” ไป และสักวันหนึ่ง ประชาชนก็เอากลับคืนมาจนได้

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar