ม็อบ10กุมภา “กลับมาแล้วเหมือนเดิม...ซ้ำเพิ่มมากกว่า” ไม่ว่าประยุทธ์จะ ‘สำราก’ ขนาดไหน
“กลับมาแล้ว เหมือนเดิม...ซ้ำเพิ่มมากกว่า” ถ้าจะเอาอารมณ์โลกสวยมาประกอบกับการต่อสู้ของม็อบราษฎรระลอกใหม่ จากเคาะกาละมังและโขกกะลาบนสกายว้อค ถึงยาตราไปยัง สน.ปทุมวัน ดันแถวตำรวจถอยก่อนประกาศ พบกันใหม่ ๑๖ และ ๑๙ ก.พ.
“ทุกคนไม่ได้หายไปไหน แต่รอจังหวะว่าจะกลับมาตอนไหนที่ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทัน อยากให้ทุกคนเตรียมพร้อมในการลงถนนสู้ด้วยกัน ขอให้ทุกคนตั้งสติ เตรียมพร้อมในทุก ๆ วัน” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แจ้งว่าจะมีการประกาศวันต่อวัน
รุ้ง-ไม้ค์-ครูใหญ่ และอีกหลายๆ คนยังยืนหยัดข้อเรียกร้องเดิมของกลุ่มเยาวชน ขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จากประชาชน และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ “ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องปฏิวัติ” ตามคำพูดของภาณุพงศ์ จาดนอก
ไม่ว่า อานนท์ พริษฐ์ สมยศ และแบ๊งค์ ชุดสี่คนที่ถูกคุมขังล่าสุดจะติดอีกนานแค่ไหน ดังที่มีการประเมินว่าหากศาลไม่ยอมปล่อยตัวตอนทนายยื่นอุทธรณ์คำสั่งละก็ ความเผ็ดร้อนทางการเมืองในไทยจะกระหึ่มอีกรอบด้วยฉากหลังของการต้านเผด็จการพม่า
ในเมื่อสิ่งที่อานนท์ หนึ่งในผู้ถูกควบคุมตัว ฝากข้อความจากเรือนจำ “อัยการฟ้องผมดังนี้ ผมพูดผิดตรงไหน” ให้สาธารณชนและประชาสากลพิจารณา “เจ้าของคอกม้าคือพระมหากษัตริย์ เป็นที่มาของการรัฐประหาร ๑๙ กันยา” (จากคำพูดของ เปรม ติณฯ)
“ปี ๒๕๖๐ รัฐธรรมนูญผ่านการลงมติ ทูลเกล้าฯ ขึ้นไป ในหลวงองค์ปัจจุบันสั่งให้แก้ ถ้าเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยทำไม่ได้” และ “หนึ่งในข้อเสนอของธรรมศาสตร์และการชุมนุม คือการปรับลดงบประมาณของสถาบันกษัตริย์
ปีนึง ๒ หมื่นล้าน เอาไปทำอะไร ในขณะที่คนอดมื้อกินมื้อ ท่านไม่เห็นหรือว่าบ้านเมืองมันเดือดร้อน” เป็นส่วนหนึ่งในคำฟ้องที่ว่าจำเลย “บังอาจหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย...” ไหม เนื้อหาล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง
หากจะบอกว่านี่เป็นเพียงการสั่นกระดิ่งถวายฎีกาในบริบทของสังคมยุคศตวรรษที่ ๒๑ แล้วมันจะเป็นการบังอาจเชียวหรือ โดยเฉพาะในเมื่อหลักนิติธรรมสากลตามสามัญสำนึกของมนุษยชน การ ‘บังอาจ’ มิใช่เป็นสิ่งคอขาดบาดตายหรืออาชญากรรมร้ายแรง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar