onsdag 24 februari 2021

"สู้ไป กราบไป" สมควรมีได้ (หรือ?)

ใครที่มีความเห็นต่อการต่อสู้ของทักษิณ ("สู้ไป กราบไป") สมควรมีได้ ผมมองไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องลบทิ้ง-ขอโทษแต่อย่างใด ทุกวันนี้ สี่คนยังถูกขังอยู่ ใครก็ตามที่มัวแต่เอาใจเจ้า และบอกว่าต้องสู้ทางอื่น อย่าแตะสถาบันกษัตริย์ สมควรถูกวิจารณ์

Bild 

Somsak Jeamteerasakul

ทักษิณ กับการ "เปลี่ยนระบอบ"
 
(ช่วงท้ายของกระทู้จะเรสปัญหาเชิงทฤษฎีบางอย่าง เรื่อง democratization, bourgeois revolution ซึ่งอาจจะยากนิด ถ้าใครไม่สนใจก็ผ่านไปได้)
เมื่อเร็วๆนี้ ในวงสนทนากับมิตรสหายจำนวนหนึ่งที่นี่ ผมเสนอขึ้นว่า
ความจริง ทักษิณ ถ้าได้ไปเป็นนายกฯของประเทศอย่างจีนหรือสิงคโปร์ คง "ไปได้สวย"
นั่นคือ เขา "เหมาะ" หรือสอดคล้องที่จะไปเป็นผู้นำในประเทศที่ระบบการเมืองมัน settled หรือ "ลงตัว" แล้ว   เพราะในบรรดาอีลึตไทยทั้งหลาย ต้องยอมรับว่า เขามีวิสัยทัศน์หรือเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาในแง่เศรษฐกิจของประเทศในปริบทของเศรษฐกิจโลกมากกว่าคนอื่นๆ

แต่ - และนี่เป็นประเด็นสำคัญมาก - โดยที่ประเทศที่ระบบต่างๆ "ลงตัว" แล้วที่ว่า (จีน สิงคโปร์) ไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย    อันที่จริง เขาอาจจะเหมาะกว่าด้วยซ้ำ กับประเทศดังกล่าว ที่มีลักษณะไปในทาง authoritarian อย่างจีน สิงคโปร์

เพราะเอาเข้าจริง ทักษิณไม่ได้มีวิสัยทัศน์ทางการเมืองแบบประชาธิปไตยอะไร วิสัยทัศน์ทางการเมืองของทักษิณ (ยิ่งโดยเปรียบเทียบกับเรื่องวิสัยทัศน์การพัฒนาเศรษฐกิจที่กล่าวข้างต้น) ต้องนับว่าเป็น "ศูนย์" เลย ทักษิณไม่มีความเข้าใจหรือไม่มีไอเดียว่า ถ้าจะ "สร้างระบอบประชาธิปไตย" ต้องทำอย่างไรบ้าง หรือ "ระบอบประชาธิปไตย" จะต้องมีลักษณะอย่างไรบ้าง (นอกเหนือจากไอเดียประเภทที่เรียกว่า populism คือ เรื่องเลือกมาจากเสียงส่วนใหญ่ - จบ)

เอาเข้าจริง ทักษิณสามารถ fit in หรือเข้าได้กับ (เคยเข้าได้มาแล้วกับ) สิ่งที่เรียกว่า "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ปัญหาว่า ทำไม ทักษิณจึงเกิดปัญหากับ "ระบอบ" ที่ว่านี้ เป็นประเด็นใหญ่ที่ไม่สามารถพูดได้ในทีนี้ นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ผมนำเสนอในการสัมมนาที่นี่เมื่อเดือนก่อน ภายใต้หัวข้อ "แฝดสยามแยกร่าง" Siamese Twin Separated ไอเดียคือทักษิณกับกษัตริย์นิยมนั้น ความจริงเป็น "แฝดสยาม" ที่ติดกันมาอย่างแนบแน่นมาก่อน จนถึงปี 2006

เรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นสำคัญอีกเรื่องคือ เอาเข้าจริง ประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกหรือสนับสนุนทักษิณ ("เสื้อแดง") แท้จริงแล้วสนับสนุนด้วยเหตุผลในเชิงวิสัยทัศน์ในแง่การพัฒนาเศรษฐกิจดังกล่าว ไม่ใช่ด้วยเหตุผลในเชิงความเป็นประชาธิปไตยหรือการมีวิสัยทัศน์หรือข้อเสนอเกี่ยวกับการสร้างระบอบประชาธิปไตย เพราะเอาเข้าจริงทักษิณไม่มี ไม่เคยเสนอ หรือมีท่าทีจะมี หรือจะเสนอว่าจะ "เปลี่ยนระบอบ" ในแง่ทำให้เป็นประชาธิปไตยอย่างไร (ตั้งแต่ปัญหาสถานะสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ไปถึงเรื่องกฎหมายต่างๆ เช่น ๑๑๒ เรื่องสิทธิ เสรีภาพ ไปจนกระทั่งแม้แต่เรื่องทำให้ศาสนาสอดคล้องประชาธิปไตย ด้วยการเอาออกจากรัฐ (อันที่จริง เสื้อแดงเป็นขบวนการเมืองเดียวที่เคยเสนอข้อเสนอลักษณะถอยหลังเข้าคลองเรื่องทำให้ศาสนาพุทธเป็น "ศาสนาประจำชาติ" ด้วยซ้ำ)

ในแง่นี้ ความเป็นขบวนการเมืองที่เรียกร้องประชาธิปไตยของผู้สนับสนุนทักษิณ ("เสื้อแดง") มีลักษณะจำกัดอย่างมาก คือจุดสำคัญแทบจะจุดเดียวที่โฟกัสคือเรื่องว่า ขอให้คนที่เลือกจากเสียงส่วนใหญ่เป็นรัฐบาล - นี่คือเนื้อหาของ "ประชาธิปไตยในความหมายของคนเสื้อแดง" - "เป้าหมายประชาธิปไตย" ในแง่นี้ เป็นอะไรที่ขึ้นต่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้น คือต้องการให้ได้รัฐบาลทักษิณ (ด้วยเหตุที่เชื่อในเชิงวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ)
...............
เรื่องนี้ (ที่ประชาชนสนับสนุนทักษิณมาจากเรื่อง "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" เป็นหลัก ไม่ใช่มาจากเรื่องทางหลักการประชาธิปไตย หรือการจะสร้างให้ระบอบประชาธิปไตยออกมาแบบไหน) ยังเรสปัญหาสำคัญในเชิงทฤษฎีที่น่าสนใจ
 
คือถ้ามองให้กว้างออกไป เอาเข้าจริง สิ่งที่เรียกว่า "คลื่นลูกที่สาม" (และสี่) ของการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย (Third Wave Democracy) คือการที่ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ตะวันตก เป็นอดีตประเทศ "โลกที่สาม" หรือ "ค่ายคอมมิวนิสต์" เริ่มเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในทศวรรษ 1980 และ 1990 เป็นต้นมา โดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่เรียกว่า "การปฏิวัติประชาธิปไตย" (หรือ "การปฏิวัติกระฎุมพี") สมัย "คลาสสิค" จากศตวรรษที่ 16 ถึงศตวรรษที่ 19 ถึงครึ่่งแรกของศตวรรษที่20 
 
- จะเห็นว่า "คลื่นลูกที่สามประชาธิปไตย" ที่ว่านี้ (ซึ่งรวมถึงกรณีประเทศไทย) แรงผลักดันแทบจะทั้งหมดมาจากเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ในความหมายที่คล้ายๆกับที่เราเห็นในไทยนี้ คือ ประชาชนต้องการผู้นำหรือการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ในแง่จะพัฒนาเศรษฐกิจที่แข่งกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก (ความล้มเหลวของผู้นำเผด็จการ ไม่ว่าจะลาตินอเมริกา มาถึงอินโดนีเซีย หรือกระทั่งล่าสุดพม่า ล้วนมาจากเรื่องนี้เป็นสำคัญ) .... 
คือไม่ใช่ปัญหาเชิงหลักการการเมืองหรืออุดมการแบบ "เสรีนิยม" ในแบบที่เราเห็นในช่วง "การปฏิวัติกระฎุมพีคลาสสิค"* (เรื่องใหญ่สุดคือเสรีภาพส่วนบุคคล ความเสมอภาค และ ระบบการเมืองที่มี check and balance) และผู้นำที่กลายมาได้รับความสนับสนุนจาก "ประชาธิปไตยเกิดใหม่-ประชาธิปไตยคลื่นลูกที่สาม" ในประเทศเหล่านี้ ก็เป็นผู้นำที่ดูเหมือนจะสนองความต้องการเรื่องวิสัยทัศน์เศรษฐกิจมากกว่าเรื่องในเชิงอุดมการหรือวิสัยทัศน์เรื่องเสรีภาพประชาธิปไตยเหมือนในสมัยคลาสสิคของตะวันตก
 
[* อันที่จริง ตามข้อเสนอของ Perry Anderson ในซีรีส์ของสิ่งที่เรียกว่า "การปฏิวัติกระฎุมพี" เอง ก็มีลักษณะแบ่งเป็นสอง "วงจร" วงจรแรก จากการปฏิวัติดัชท์ อังกฤษ อเมริกัน ถึงฝรั่งเศส ที่เน้นเรื่องไอเดีย "เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ" กับวงจรหลัง จากการปฏิวัติเยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น ที่เน้นเรื่องชาติ
นิยมและอุตสาหกรรม]

 
........................................................

อะไร?...คือสาเหตุที่แท้จริง... ที่ทักษิณ ชินวัตร... ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ ....

โดย  แสงตะวัน

Dr.ทักษิณ ชินวัตร คืออดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย   ที่กษัตริย์ภูมิพล และพวกอำมาตย์รับใช้กษัตริย์ ไม่ต้องการให้อยู่ในประเทศ  ไม่ว่าจะปรองดอง หรือต่อรองด้วยวิธีใดๆก็ตาม... เพราะอำนาจทุกอย่างขึ้นอยู่กับกษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้กำหนด   โดยธาตุแท้ของภูมิพลเองแล้วเป็นคน  จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต อาฆาตมาดร้าย   เห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา ทรยศคดโกง   แม้แต่คนที่เคยมีพระคุณแก่ตนเองเช่น Dr.ปรีดี พนมยงค์  ที่เคยปกป้องราชบัลลังก์และช่วยเหลือภูมิพลให้พ้นจากคดีฆ่าพี่ชาย รัชกาลที่ ๘ หรือในหลวงอานันท์ฯ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ มาแล้ว  นอกจากนั้นยังเป็นผู้ได้เสนอให้ภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ร. ๘ หลังจากที่ถูกฆาตกรรมโดยพระอนุชา ของพระองค์เอง 

เมื่อภูมิพลได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็ทรยศหักหลัง  ต่อ Dr.ปรีดี  พนมยงค์  โดยกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการสวรรคตของรัชการที่ ๘  .จนปรีดีต้องหนีออกไปลี้ภัยในต่างแดนไม่ได้กลับประเทศอีกเลยและตายอยู่ในต่างแดน     คดีที่กล่าวหาว่า นายปรีดี   มีส่วนพัวพันกับการสวรรคตของ ร. ๘   คดีได้หมดอายุความไปแล้วและศาลตัดสินไปแล้วว่านายปรีดีไม่ผิดตามที่ถูกกล่าวหา    แต่ นายปรีดีก็ไม่มีโอกาศได้กลับมาประเทศไทยอีกเพราะภูมิพลไม่ให้กลับ ! 

เมื่อสมัย ดร.ปรีดี ยังมีอำนาจดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  นายปรีดีได้ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลตระกูลมหิดลมาเป็นอย่างดีโดยเมื่อก่อนขึ้นมาเป็นกษัตริย์นั้น   ครอบครัวมหิดลมีกันเพียง ๔ คนแม่ลูก คือ นาง สังวาลย์  ตะระภัฎ ซึ่งมาจากสามัญชนธรรมดา หลังจากแต่งงานกับ กรมหลวงสงขลานครินทร์จึงได้เลื่อนฐานะขึ้นมาเป็นหม่อม สังวาลย์ ต่อมาสามีเธอได้เสียชีวิตเมื่อเธอมีอายุเพียง ๒๙  ปีเท่านั้น  หลังจากนั้นเธอก็ได้มีชีวิตอยู่กับลูกๆซึ่งเป็นชาย ๒ คน และหญิงคนหนึ่ง ชื่อ   กัญลยานี เป็นลูกสาวคนโต อานันท์ฯลูกชายคนที่ ๒ และคนสุดท้อง คือ ภูมิพล หรือ เล็ก  

ดร. ปรีดี ได้เอาใจใส่ดูแลครอบครัวนี้มาโดยตลอด และได้สนับสนุนให้ลูกชายคนโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์  คือในหลวงอานันท์ รัชกาลที่ ๘  หลังจากรัชกาลที่ ๗ สละราชบัลลังก์ไปแล้ว   แต่เป็นกษัตริย์ไม่กีปีก็ถูกพระอนุชาแย่งชิงราชบัลลังก์ไป เมื่อวันที่ ๙ มิถุนา พ.ศ. ๒๔๘๙  เมื่อน้องชายคือ นาย เล็ก หรือภูมิพลขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ ๙  ปรีดีก็ถูกขับไล่ออกจากประเทศ  พวกทหารมหาดเล็กที่รู้เห็นเหตุการณ์ในวันที่ในหลวงอานันทม์ถูกลอบปลงพระชนม์ ก็ถูกภูมิพลสั่งฆ่าปิดปากไปทั้งสามคน

วันนี้มาถึงคิวของ Dr. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ก็เจอปัญหาแบบเดียวกัน…  ไม่ว่าท่านจะปรองดองหรือต่อรอง อย่างไร หรือจะใช้เงินชื้อเขาอย่างไร แต่ท่านก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจกษัตริย์ภูมิพลและลูกชายที่เป็นกษัตริย์ผู้ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดดำอำมหิต และ พวกอำมาตย์ที่รับใช้เขาเปลี่ยนใจมาปรองดองได้โดยเด็ดขาดเพราะความ อิจฉาริษยา ความใจดำอำมหิต ความโหดร้าย และความเห็นแก่ตัวของพวกอำมาตย์ศักดินาเหล่านั้นมันมีมากเกินกว่าคนธรรมดาจะคิดได้ 

จาก เรื่องราวความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่กษัตริย์ภูมิพลขึ้นครองราชย์เขา ไม่เคยเมตตาปรานีให้กับใครนอกจากผลประโยชน์และความเห็นแก่ตัวของเขา  เขาฆ่าได้แม้แต่พี่ชายของตัวเองและผู้ที่เคยมีพระคุณแก่เขา และลูกชายซึ่งเป็นกษัตริย์ใหม่ที่ไร้จิตสำนึกเป็นเพียงสัตว์ในร่างมนุษย์ที่มีอำนาจทุกอย่างปล้นทรัพย์สมบัติของชาติมาเป็นของส่วนตนโดยไม่มีความระอายแก่ใจจนร่ำรวยอย่างมหาศาลโดยไม่ต้องพึ่งพาคุณทักษิณเหมือนเมื่อก่อนเป็นกษัตริย์ เขาเคยสั่งฆ่าคนมาแล้วอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต

ดังนั้นเราจึงขอฝากอุทาหรณ์เหล่านี้มายังท่านนายกทักษิณ... เมื่อระบอบเผด็จการภูมิพลล่มสลายลงแล้ว    เมื่อนั้นท่านจึงกลับประเทศไทยอย่างเท่ๆแบบวีระบุรุษพร้อมกับการแช่ช้องสรรเสริญจากประชาชน  ดังนั้นขอให้ท่านจงอดใจรอวันที่ท่านจะได้กลับประเทศไทยอย่างสมเกียรติของวีระบุรุษผู้ยิ่งใหญ่....อย่ากลับไปเป็นเหยื่อสังเวยให้แก่กษัตริย์ทรราชที่ไร้จิตสำนึกนั้นเลยเพราะชีวิตของท่านมีค่ามากกว่านั้น.

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar