fredag 26 februari 2021

ใบตองแห้ง: แพ้ซักฟอกฉีกเป็นริ้ว

2021-02-26 05:46

รัฐบาลชนะโหวต แต่แพ้ในสายตาประชาชน 10 รัฐมนตรีได้คะแนนไว้วางใจ แต่ไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัดว่าคนในเลื่อยขากันเอง

พรรคฝ่ายค้านได้คะแนนเต็ม 10 นำเสนอข้อมูลทั้งเก่าและใหม่อย่างเป็นระบบ ประกอบเหตุผลหลักฐานชัดเจน รัฐบาลได้แต่อ้างว่าซื่อสัตย์ “ไม่มีนโยบายทุจริต” แต่หักล้างแก้ต่างไม่ได้ ประยุทธ์โบ้ยให้ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม

โธ่ถัง อภิปรายไม่ไว้วางใจคือตรวจสอบทางการเมือง ประชาชนคนฟังคือผู้พิพากษา บางเรื่องอาจเอาผิดไม่ได้ในศาล แต่ฝ่ายค้านโยงให้เห็นความไม่ชอบมาพากล รัฐบาลแก้ต่างไม่ได้ อธิบายไม่ได้ ประชาชนก็ตัดสินไปแล้ว

เช่น ทุจริตถุงมือยาง 2 พันล้าน แม้ย้ายอดีต ผอ.อคส. แต่ไม่รีบตามเงินคืน ไม่ปลดบอร์ด สอบสวนล่าช้า ฝ่ายค้านแฉว่าประธานบอร์ดเป็นคน ปชป. หัวหน้า ปชป.อ้างว่ารัฐมนตรีเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์

แบบนี้ขึ้นศาลอาจรอด ไม่โดนข้อหาปล่อยปละละเลยให้ทุจริตแบบยิ่งลักษณ์ แต่ประชาชนเชื่อหรือไม่ ก็รู้แก่ใจ

หรือรัฐมนตรีศึกษาผลักดันคนสนิทตัวเองเป็นเลขา สกสค.ดูแลเงินสวัสดิการครูเป็นหมื่น ๆ ล้าน ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ ขึ้นศาลอาจแถได้ว่าไม่เกี่ยว เป็นไปตามระเบียบราชการ แต่ครูเป็นแสน ๆ จะไว้วางใจให้ถือเงินสวัสดิการหรือไม่

เช่นเดียวกับ “ตั๋วช้าง” ที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คงไม่สามารถเอาผิดใคร รังสิมันต์ โรม ต่างหาก อาจมีภัย จนบอกว่า “อันตรายที่สุดในชีวิต”

ฝ่ายค้านประสบความสำเร็จในการเปิดโปงรัฐบาล กระทั่ง “สลิ่ม” ยังอึ้ง นี่หรือผลงานรัฐประหาร “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ซ้ำยังกระทุ้งไปถึง “รัฐพันลึก” กองทัพ IO และกลุ่มทุนรัฐประหาร เช่นทุนพลังงาน

นอกจากนั้นยังทิ้งปมให้รัฐบาลต้องแก้ เช่นจะเอาอย่างไรกับประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว จะเล่นง่ายแบบต่อสัญญา BTS ถึงชาติหน้าคงไม่ได้

รัฐบาลชนะโหวต แต่จะถูกรุกต่อ ด้วยคำถามจากสังคมในประเด็นต่าง ๆ ที่คาใจ แน่ละ ประยุทธ์ไม่ยุบสภาไม่ลาออก แต่จะแก้ปัญหาด้วยการปรับ ครม.ก็ยาก เพราะไม่สามารถเปลี่ยนพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อเจาะดูผลคะแนนแม้รัฐมนตรีผ่านทุกคน ยังเห็นภาพจงใจไม่ลงให้กัน ทั้งในพรรคและข้ามพรรค

กลุ่มดาวฤกษ์ 6 ส.ส.แหกมติ พปชร. ไม่โหวตให้ศักดิ์สยาม ยังเป็นเรื่องเล็กเมื่อเทียบกับ 2 กบฏ ปชป. ไม่โหวตให้รัฐมนตรีทุกคน ไม่เว้นหัวหน้าพรรคตัวเอง

หนักกว่านั้นคือข่าวประยุทธ์เหน็บธรรมนัส คะแนนมากกว่าก็มาเป็นนายกฯ เมื่อไล่ดูผลโหวตพบว่า ประยุทธ์ได้ 272 ธรรมนัส 274 เท่า “หลวงพ่อป้อม” โดยมี ส.ส.เพื่อไทย 2 คนที่แหกมติพรรคซ้ำซาก มาโหวตให้ธรรมนัส-ประวิตรแต่ไม่โหวตให้ประยุทธ์

พอไปดูผลโหวตณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้น้อยที่สุด 258 คะแนน สุชาติ ชมกลิ่น 263 คะแนน ยังพบว่า ส.ส.รัฐบาลพรรคเล็กสลับกันโหวตไม่ไว้วางใจและงดออกเสียง

พลังประชารัฐคงด่าไม่ได้เพราะไม่ใช่คนของตัว แต่ใครคือ “ผู้จัดการ” พรรคเล็กจนมีคำศัพท์ “แจกกล้วย”

ภาพรวมรัฐบาลยังไม่แตกกัน แต่ฉีกกันเป็นริ้ว อาจมีผลต่อเก้าอี้รัฐมนตรีบางคน ขณะที่ภาพลักษณ์โดยรวมย่ำแย่

ฝ่ายค้านแม้มี “งูเห่า” เพิ่ม แต่ภาพรวมแท็กทีมกลมเกลียว ไม่ขัดขากันเองเหมือนปีที่แล้ว เนื้อหาอภิปรายก็แน่นทั้งเพื่อไทยก้าวไกล สร้างผลงานคู่เคียงกัน แม้เห็นชัดว่าเพื่อไทยไม่แตะ “เพดาน” ปิดปากสนิทเรื่องแก้ 112 แต่ก็หนุนเสริมสอดรับกันในด้านอื่น

การเคลื่อนไหวนอกสภาที่เริ่มกลับมานับหนึ่ง แม้ยังไม่พีคเท่าปลายปีที่แล้ว ก็จะเพิ่มแรงเหวี่ยง อย่างน้อยม็อบวันที่ 19-20 ก็ประสบความสำเร็จ ในแง่สามารถชุมนุมหน้ารัฐสภาอย่างสันติ ปูทางการชุมนุมต่อเนื่องในแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นั่นคือหลังอภิปราย รัฐบาลแพ้ ฉีกกันเอง พลังต่อต้านกลับมาคึกคัก

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/content/424642 


ใบตองแห้ง: สกัดแก้รัฐธรรมนูญ ?

2021-02-26 05:53

นี่เป็นแรงกดดันทางการเมืองระลอกใหม่ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งฝ่ายค้านเชือดรัฐบาลเหวอะหวะ ซ้ำยังมีไซด์เอฟเฟค พรรคภูมิใจไทยกล้ามใหญ่ไม่พอใจ 7 ส.ส.พลังประชารัฐ ไม่โหวตให้กล่องดวงใจ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ

ไม่ทราบเหมือนกันว่าภูมิใจไทยเต้นเพราะโดนเหยียบเท้าเรื่องที่ดินรถไฟเขากระโดง หรือล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.28 แสนล้าน

สถานการณ์การเมืองวันนี้ ไล่ลำดับภาพแต่ละด้านคือ อำนาจรัฐกำลังกดดันมุ่งสยบม็อบราษฎร ที่ไปจนสุดเพดานเมื่อปลายปี 63 แล้วทำอะไรอำนาจที่ใหญ่โตมหึมาไม่ได้ รัฐมุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่ท้อ เลิกต่อสู้ ยอมจำนน กลับไปทำมาหากินเอาตัวรอด เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นคนชั้นกลางในเมือง

แต่ความย่ำแย่ในการบริหาร ทั้งเศรษฐกิจ โควิดรอบสอง มาจนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้พลังนอกสภายังเข้มแข็งในระดับหนึ่ง สามารถปักหลักรอแรงเหวี่ยงกลับ จากวิกฤตเศรษฐกิจ การทุจริต ความเหลื่อมล้ำ การใช้จ่ายฟุ่มเฟือย หรือการทำอะไรไม่แยแสใครของผู้กุมอำนาจ

ลองคิดดูว่าในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้น ที่รัฐสภายกร่างกันมาว่าจะแก้มาตรา 256 เลือก สสร.มายกร่างรัฐธรรมนูญ ก็ล้มครืน

แน่ละ ศาลอาจไม่วินิจฉัยอย่างนั้น แต่ไล่ดู “สารตั้งต้น” มาจากไพบูลย์ นิติตะวัน + สมชาย แสวงการ ผนึก ส.ส.พลังประชารัฐ กับ 250 ส.ว.โหวตให้ส่งศาลวินิจฉัยก่อน แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้หรือไม่

โดยอ้างความเห็นกฤษฎีกา ว่าศาลเคยขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 มาแล้ว แม้คนละฉบับกัน ก็ควรส่งศาลก่อน (ติ๊กไว้ด้วยว่า ประธานกฤษฎีกาคณะที่ 1 คือมีชัย ฤชุพันธ์ เลขากฤษฎีกาคือ ปกรณ์ นิลประพันธ์ กรธ. ทายาทมีชัย)

อันที่จริง 250 ส.ว.จะคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเองก็ง่ายมาก เพราะโหวตไม่ถึง 1 ใน 3 ก็คว่ำแล้ว งั้นทำไมต้องส่งศาล ก็เพราะถ้าต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง ม็อบคงลุกฮือ ไล่ 250 ส.ว.ตู่ตั้ง ส่งศาลดีกว่า ถ้าศาลชี้ว่าแก้ไม่ได้ แล้วประชาชนฮือต้าน ก็อ้างได้ว่าไม่เคารพกฎหมาย

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นเครื่องมือเล่นตามเกม 250 ส.ว.+ พปชร. เพราะศาลอาจวินิจฉัยให้แก้ได้เช่นกัน เพียงแต่เมื่อเห็นศาลเรียก มีชัย ฤชุพันธ์, อุดม รัฐอมฤต, สมคิด เลิศไพฑูรย์, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ทำคำชี้แจง หลายคนก็วิตกว่า กรธ.มีชัยจะสนับสนุนให้แก้รัฐธรรมนูญตัวเองทั้งฉบับหรือ

ยิ่งกว่านั้นเมื่อไปค้นดู “ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตรา ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” ที่ กรธ.มีชัยทำไว้ ก็พบคำอธิบายมาตรา 255 ว่า “การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งฉบับกระทำไม่ได้”

ซึ่งอ้างเหลวไหลแบบศรีธนญชัย เพราะที่ห้ามแก้จริง ๆ มี 2 มาตราคือมาตรา 1 เป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียวแบ่งแยกมิได้ มาตรา 2 ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

รัฐธรรมนูญ 2540 ร่างใหม่ทั้งฉบับก็ไม่ได้แก้ ตั้ง สสร.ยังไง ก็ไม่มีใครแก้ 2 มาตรานี้ แต่ กรธ.กลับอ้างว่า เมื่อห้ามแก้ 2 มาตรา=ห้ามแก้ทั้งฉบับ

การส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความจึงสร้างความอึมครึมทางการเมือง เป็นเงื่อนไขเขย่าอำนาจ มิพักต้องกล่าวว่าถ้าศาลห้ามแก้ การเมืองจะร้อนแรงเพียงไร

แม้มีความเป็นไปได้ที่ศาลจะบอกว่าแก้ได้ เพราะครั้งนี้ไม่ได้แก้หมวด 1 หมวด 2 แต่ในทางหลักการก็กลายเป็นยกอำนาจให้ศาล มีอำนาจห้ามรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญ และจะไม่มีทางแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้เลย

จนกว่าจะเกิดรัฐประหารหรือเกิด Chaos อย่างร้ายแรง

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/content/425580

 

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar