onsdag 10 februari 2021

ใบตองแห้ง: ท้าทายให้ม็อบฮือ

2021-02-10 16:09

ใบตองแห้ง: ท้าทายให้ม็อบฮือ 

พรรคพลังประชารัฐกับ 250 ส.ว. จับมือกันถ่วงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 366 ต่อ 315 เสียง ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่าแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ ทั้งที่ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ไม่เห็นด้วย ก็ไม่แยแส

แหงอยู่แล้ว 3 พรรคไม่กล้าถอนตัวจากรัฐบาลหรอก แค่โชว์ฟอร์มจำอวดไร้ความหมาย

ถ่วงแก้รัฐธรรมนูญเพื่ออะไร เป็นพิษเป็นภัยอะไรนักหนากับรัฐบาล ก็เปล่าเลย รัฐธรรมนูญล็อกไว้ถ้าจะแก้ได้ต้องใช้เสียง 250 ส.ว. 1 ใน 3 แล้วนำไปลงประชามติ จากนั้นจึงเลือกตั้ง สสร. 200 คน ซึ่งน่าจะเป็นคนของรัฐบาลเกินครึ่ง ยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ (ยกเว้นหมวด 1,2) แล้วเอากลับมาผ่านรัฐสภาอีกครั้ง โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ซึ่งปัจจุบัน 250 ส.ว.ก็เกิน 2 ใน 3 ของรัฐสภาอยู่แล้วเพราะมี ส.ส.ไม่ครบ 500 คน

กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในความเป็นจริงมันคือปาหี่ ซื้อเวลา กว่าจะเสร็จ 250 ส.ว.ก็อยู่ครบ 5 ปี ประยุทธ์อยู่ครบ 4 ปี เลือกตั้งใหม่ 250 ส.ว.เลือกกลับมาใหม่ แล้วค่อยใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งยังไม่รู้จะแก้อะไร เพราะผู้มีอำนาจคงไม่ยอมให้แก้ตามหลักการประชาธิปไตย เช่นไม่มีทางลดละเลิกอำนาจศาลองค์กรอิสระ

งั้นจะยื่นศาลตีความทำไม จะล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ? คงไม่มีใครสวนกระแสขนาดนั้น ความเป็นไปได้มากที่สุดคือ เปิดทางให้ศาลตอกย้ำอำนาจสกัดกั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือตีกรอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เช่นครั้งนี้ยอมให้แก้ได้นะ แต่ห้ามแตะเรื่องนั้นเรื่องนี้

มันจึงสะท้อนความกลัวเกินเหตุของผู้มีอำนาจ ทั้งที่รัฐบาล 250 ส.ว. องค์กรอิสระ คุมกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญไว้แล้ว แค่อาจจะมีเสียงนกเสียงกา แค่อาจจะต้องประนีประนอมบางประเด็น ก็ยังกลัวทะลุกลางปล้อง ทะลุเพดาน ต้องดึงรั้งไว้ ต้องเสริมคานคอนกรีต ฯลฯ ทั้งที่ไม่จำเป็น ไปทำให้มีประเด็นต่อต้านเปล่าๆ

วันเดียวกัน ศาลอาญาไม่ให้ประกัน 4 แกนนำคณะราษฎร ตามที่อัยการสั่งฟ้อง 112,116 ทั้งที่ก่อนหน้านี้ศาลปล่อยตัวหรือให้ประกันตัวมาโดยตลอด ทั้งที่เป็นประเด็นถกเถียง กระทั่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เพิ่งเรียกร้องให้ยกเลิกทบทวน โดยบอกชัดว่า ประเทศประชาธิปไตยไม่ควรมีกฎหมายอย่างนี้

นี่เป็นการย้อนกลับไปใช้ 112 แบบขังจำเลยไว้ก่อน ทั้งที่ตามรัฐธรรมนูญถือเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อนจนกว่าคดีถึงที่สุด แต่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล เพิ่งออกมากดดันศาล ให้คุมขังแกนนำม็อบไม่งั้นจะฟ้องผู้พิพากษา

ดูทิศทางแล้วก็เป็นไปได้ว่า แกนนำราษฎรจะทยอยถูกคุมขัง ไม่ได้ประกัน โดยผู้มีอำนาจประเมินว่า “ม็อบฝ่อ” ใครออกมาชุมนุมก็จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจับกุมคุมขังไม่สิ้นสุด แล้วเชื่อว่าปราบได้

ทั้งที่จะกลายเป็นการจุดชนวนใหม่ ไม่ต่างกับการเคลื่อนไหวเมื่อเดือนตุลาคม เพราะกระแสคนรุ่นใหม่ไม่ได้ลดลง เพียงแต่ยื่นข้อเรียกร้อง “ทะลุเพดาน” ไปแล้ว ไม่มีประเด็นให้เคลื่อนไหวอีก

ฝ่ายอนุรักษนิยมคิดว่าตัวเองทรงพลัง ระดมทั้งสลิ่ม IO แต่ความจริงก็คือ มีอำนาจรัฐราชการทหารตำรวจกระบวนการยุติธรรม และได้เปรียบที่คนส่วนใหญ่ในสังคม “ไม่สู้ก็อยู่อย่างไทย” ไม่ได้นิยมชมชอบอำนาจแต่คิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทำมาหากินดีกว่า ไม่เหมือนคนพม่าที่ออกมาล้นหลาม

ผู้มีอำนาจคิดว่าเอาชนะได้ ปราบได้ ในกระแสโควิด แจกเงิน เราชนะเรารักกัน ฯลฯ คนส่วนใหญ่หวังพึ่งยอมจำนน

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้จักคือ ศิลปะแห่งอำนาจ มีอำนาจแล้วไม่ใช้ ใช้การสร้างบารมี ใช้การประนีประนอม Compromise อย่างที่อนุรักษนิยมในอดีตจนประสบความสำเร็จ

อำนาจวันนี้เป็นอำนาจที่ไม่ยอมผ่อนคลาย ต้องคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จทั้งการแก้รัฐธรรมนูญและการเคลื่อนไหวคนรุ่นใหม่

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/421740

2021-02-07 22:01

มติชนพาดหัวใหญ่ “โลกฉีดวัคซีน 104 ล้านโดสแซงยอดป่วย” คนไทยหันซ้ายหันขวา พม่า ลาว มาเลย์ เริ่มฉีดแล้ว เราจะฉีดเมื่อไหร่ “หมอหนู” ยืนยันมิถุนาได้ฉีดแน่ สบายใจได้ ประเทศไทยเก่ง รับมือโควิดเป็นอันดับสี่ของโลก คนติดเชื้อน้อย คนตายน้อย ไม่ต้องรีบ อีก 4 เดือนยังรอไหว

อ้าวไหนจะฉีดวันแห่งความรัก? อนุทินปัดไม่ได้พูด ย้อนดูข่าวก็ใช่ ไม่ได้งอกจากปากอนุทิน แต่ 25 ม.ค. กระทรวงสาธารณสุขนั่งแถลงข่าวเป็นตับ รมว. รมช. ผู้ช่วยฯ ปลัด คึกคักเตรียมความพร้อมฉีดวัคซีนจากอิตาลี ตั้งกลุ่มไลน์ “หมอพร้อม” ตั้งเป้าเริ่มฉีดวันที่ 14 ก.พ.

สื่อก็เอาไปพาดหัว ข่าวดี ข่าวความหวัง วันแห่งความรักเริ่มฉีดวัคซีนให้คนไทย หมอหนูหน้าบาน พร้อมฉีดคนแรก จะต้องปลอดภัยก่อนถึงแขนประชาชน

ที่ไหนได้ ยุโรปสกัดไม่ให้เดินทาง เพราะแอสตราเซเนกาผลิตส่งไม่ครบ จะยักวัคซีนข้ามโลกได้อย่างไร เข้าใจตรงกันนะ วัคซีนลัดคิว 1.5 แสนโดส เป็นเรื่องเหนือการควบคุม ไม่รู้จะได้จากไหนเมื่อไหร่ แต่ สธ.ตีปี๊บเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อ PR กลบความกังวล

สุดท้ายหาไม่ได้ แอสตรา 1.5 แสนโดส ไซโนแวค 2 ล้านโดส ยังล่องลอยในสายลม สั่งของแล้วแต่ไม่รู้ได้เมื่อไหร่ อาจเร็วก็ได้ อาจช้าก็ได้ ที่ได้แน่ๆ มีแค่แอสตราเซเนกา 26 ล้านโดสที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ตาม “แผนเดิม” เดือนมิถุนายน

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไล่ สธ. หมอหนู ไปดิ้นรนขวนขวายในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าย้อนดูไทม์ไลน์ จะเห็นว่ารัฐบาล ศบค. สธ. “ใจเย็น” เรื่องวัคซีน ชิลตลอด จนเกิดโควิดรอบสอง จนธนาธรไลฟ์สดโดน 112 จึงลนลานชี้แจงและจัดหาวัคซีนมาเพิ่ม

ถ้าไม่เกิดรอบสอง ก็ไม่สั่งไซโนแวค 2 ล้านโดส แอสตราอีก 35 ล้านโดส ซึ่งยังเป็นลมอีกเหมือนกัน เพราะไม่รู้ส่งมอบเมื่อไหร่

ถ้าธนาธรไม่พูด คนไทยคงไม่รู้ว่างบสนับสนุนสยามไบโอ 595 ล้านบาทจะได้คืนเป็นวัคซีน แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วัน สธ.ก็สั่ง 1.5 แสนโดสข้ามทวีป แต่ไม่มาตามสั่ง

ถ้าดูไทม์ไลน์ย้อนหลัง รัฐบาลไม่ได้เพิ่งคิดเรื่องวัคซีน 24 ก.ค.63 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สธ. ที่ปรึกษา ศบค. ให้สัมภาษณ์ว่า สยามไบโอฯ ขอให้รัฐบาลเป็นตัวแทนไปเจรจาขอถ่ายทอดเทคโนโลยี โดย SCG ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับออกซ์ฟอร์ด จะร่วมกับกระทรวงต่างประเทศไปเจรจาแอสตราฯ โดยรัฐบาลจะให้งบ 600 ล้าน พัฒนาบริษัทให้มีประสิทธิภาพ อย.จะรับรองมาตรฐาน GMP ได้ประมาณเดือน ก.ย.

หลังจากนั้นก็อย่างที่รู้กัน วันที่ 25 ส.ค. ครม.อนุมัติงบ วันที่ 5 ต.ค. บอร์ดวัคซีนอนุมัติให้วางเงินจองวัคซีน วันที่ 12 ต.ค. อนุทินลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง แล้วหลังจากแอสตราฯ ประกาศความสำเร็จในการทดลองได้ไม่กี่วัน วันที่ 27 พ.ย. รัฐบาลก็แถลงข่าวเซ็นสัญญาอย่างซาบซึ้ง

ถ้าดูตามนี้คือ รัฐบาลเตรียมการตั้งแต่กลางปี 63 โดยเลือกสนับสนุนให้บริษัทไทยได้ถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยรู้ว่ากว่าจะได้วัคซีนคือเดือนมิถุนายน โดยไม่เตรียมทางเลือกอื่น เพราะคิดว่าเราปราบโควิดเก่งที่สุดในโลก

“การจัดหาวัคซีนในระยะแรก... 26 ล้านโดส ....ได้วิเคราะห์แล้วว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีการระบาดรุนแรง และไม่มีผู้ป่วย หรือมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เช่นในบางประเทศ” นี่อยู่ใน 7 ข้อที่อนุทินตอบธนาธร ซึ่งบอกด้วยว่า การจัดหาวัคซีนต้องคำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมไม่เช่นนั้นจะสูญเสียสิ้นเปลือง UNICEF ก็คาดว่า ครึ่งปีหลังปริมาณวัคซีนจะเพิ่มขึ้นและราคาจะถูกลง ประหยัดงบได้อีกเยอะเลย

ไม่ยักเหมือนตอนขออนุมัติงบ 600 ล้านพัฒนาสยามไบโอฯ รมว.สธ.ระบุว่ามีวัคซีนช้าไปเดือนเดียวเสียหายเดือนละ 2.5 แสนล้าน

อนุทินไม่แย้งธนาธร ที่ยกคำชี้แจง สธ.ต่อกรรมาธิการว่า กว่าจะฉีดวัคซีนครบครึ่งหนึ่งของประชากร ต้องรอปี 2566 แต่อ้างว่า คนที่ตำหนิวิจารณ์กระทรวงสาธารณสุขควรให้ความเป็นธรรมคนทำงาน โควิดเป็นโรคอุบัติใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจมีถูกบ้างผิดบ้าง

คือไม่คาดคิดว่าจะเกิดรอบสอง ซึ่งย้อนไปดูการประชุม ศบค. วันที่ 17 ธ.ค. 63 ก็ยังชิลชิล กันอยู่ แต่พอวันที่ 24 ธ.ค.หลังตลาดกุ้งมหาชัย ก็ตื่นตูมว่าจะหาวัคซีนที่ไหนดี จนวันที่ 4 ม.ค.64 สธ.แจ้งว่ากำลังเจรจาไซโนแวค 2 ล้านโดส โดย 2 แสนโดสแรกจะมาในเดือนกุมภาฯ (ก็ยังไม่มา)

ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม จนวัคซีนบินข้ามหัวไปมา เข้าใจนะว่าไม่มีวัคซีนไม่ตายหรอก แต่คนจะตายเพราะเศรษฐกิจมากกว่า

ที่พูดมาไม่ใช่โทษหนูคนเดียวหรอก รัฐบาล ศบค.ต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ดูท่าทาง หนูยินดีเป็นหนังหน้าไฟ ปกป้องจนปากไหม้ พูดลิ้นพันจนทัวร์ลง

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_5893380

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar