fredag 19 mars 2021

เสวนาที่หมู่บ้านทะลุฟ้า ประจักษ์-พวงทอง ชี้การต่อสู้เดินมาไกล แต่ยังต้องสู้ต่อ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ

 

THE STANDARD
7h ·

เสวนาที่หมู่บ้านทะลุฟ้า ประจักษ์-พวงทอง ชี้การต่อสู้เดินมาไกล แต่ยังต้องสู่ต่อ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ
วันนี้ (18 มีนาคม) ที่กิจกรรมหมู่บ้านทะลุฟ้า มีการจัดเสวนา ‘ม็อบที่หลากหลาย ดังดอกไม้นานาพันธ์’ โดยมีผู้ร่วมเสวนาทั้งนักวิชาการ นักเรียน และสื่อมวลชน เช่น รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ผศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว The Reporter และตัวแทนจากกลุ่มนักเรียนเลว
ตัวแทนจากกลุ่มนักเรียนเลว กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการจัดกิจกรรมและเคลื่อนไหวของตน ซึ่งมาจากกลุ่มมาจากนักเรียนเพียง 4 คน ทำกิจกรรมที่สยาม นำกรรไกรมาวางบนตัก เขียนป้ายว่านักเรียนคนนี้ทำผิดระเบียบโรงเรียน เชิญลงโทษ นั่นคือแคมเปญแรก ต่อมาคิดว่าอยากผลักดันประเด็นความหลากหลายทางเพศ พาเดินขบวนไปหน้ากระทรวงศึกษาธิการ จนกระทั่งได้จัดม็อบ ‘เลิกเรียนไปกระทรวงฯ’ ซึ่งตนเองก็ได้ร่วมปราศรัยอีกด้วย
ขณะที่ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของการทำงานในฐานะสื่อมวลชน ซึ่งยึดหลักสื่อเพื่อสันติภาพและให้พื้นที่ทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายได้สื่อสาร ก้าวข้ามการแบ่งแยกหรือเลือกข้าง
“เรามองเห็นผู้คนที่หลากหลาย เรามองเห็นประเด็นข้อเรียกร้องที่มันเกิดขึ้น เรามีหน้าที่ในการที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับฟัง ได้รู้ได้ทราบว่าคนเหล่านี้ต้องการอะไร เพื่อรัฐจะได้เข้ามาแก้ไขปัญหาหรือเดินไปสู่ทางออกร่วมกัน นี่เป็นโมเดลง่ายๆ สำหรับพี่ในการทำสื่อ พี่ไม่ได้ทำงานซับซ้อนอะไร หรือต้องเชียร์ใครหรือสนับสนุนใคร เราไม่เคย” ฐปณีย์กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.ประจักษ์ ได้เริ่มต้นการเสวนาด้วยการอ่านรายชื่อผู้ที่ถูกคุมขังโดยยังไม่ได้รับการประกันตัว จำนวน 19 คน ซึ่ง ผศ.ดร.ประจักษ์ ขอทุกคนต้องเป็นกำลังใจเนื่องจากคนเหล่านี้ศาลยังไม่ได้พิพากษาให้มีความผิด แต่ก็ไม่ได้รับการประกันตัว
“ถ้าเรามองย้อนกลับปีตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปีนี้ เราเดินทางมาไกลมากจนไม่น่าเชื่อ อย่างน้อยตอนนี้คนได้ตื่นตัวและเข้าใจปัญหาสังคมและปัญหาบ้านเมือง คนไม่นิ่งเฉย อย่างน้อยคนก็รู้ว่ามันมีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นจริงๆ ระบบกฎหมายมันบิดเบี้ยวจริงๆ มันมีกระแสที่เรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา ซึ่งต่างจาก 14 คนที่ถูกจับ หลังการรัฐประหารที่ไม่มีกระแสใดๆ เพราะทุกคนไม่กล้าออกมา กลัวตัวเองจะเป็นอีกคนที่โดน” ผศ.ดร.ประจักษ์กล่าว
รศ.ดร.พวงทอง กล่าวว่า ในการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ตนมองด้วยความเคารพยกย่อง นับถือจริงๆ รู้ว่าอาจเหนื่อย และก็รู้ด้วยว่าไม่ย่อท้อ ยังสู้ต่อ ในขณะที่มีคนถูกจับจำนวนมาก หลายคนบาดเจ็บ ถูกคุกคาม แม้บรรยากาศจะซบเซาลงมา แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างนี้ตลอดไป นี่คือเรื่องปกติของการต่อสู้ที่ยาวไกล
“เราสู้กับสิ่งที่ใหญ่มาก ไม่ใช่แค่กลไกอำนาจรัฐ แต่คือวัฒนธรรมศักดินา นั่นคือ ระบบพรรคพวก ต้องจำนนให้คนมีอำนาจ ระบบอาวุโส ทำตามคำสั่ง ที่ชัดมากคือโรงเรียน การทำกับเด็กนั้นง่ายที่สุด สังคมไทยไม่เคยมองเด็กในฐานะคนมีสิทธิมีเสียง แต่ต้องเชื่อฟังตลอดเวลา เมื่อเด็กกล้ายืนขึ้นจึงต้องถูกลงโทษ มีคนถามว่า ทำไมตำรวจไทยเป็นหุ่นยนต์ ไม่มีใครกบฏเลยหรือ เขาเป็นกลไกในระบบราชการที่สร้างคนเป็นหุ่นยนต์ แต่ดิฉันอยากเสนอว่ามันมีสิ่งที่อุ้มให้ราชการไร้จิตใจ นั่นคือวัฒนธรรมศักดินา” รศ.ดร.พวงทองกล่าว
ทั้งนี้กิจกรรมเสวนาสิ้นสุดลงในเวลาประมาณ 20.30 น. โดยมีมวลชนบางส่วนที่ปักหลักพักค้างอยู่บริเวณหมู่บ้านทะลุฟ้าหน้าทำเนียบรัฐบาลและบางส่วนก็เดินทางกลับเมื่อกิจกรรมเสร็จสิ้น
.
เรื่อง: ไพศาล ฮาแว
ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar