เรื่องราวระหองระแหงระหว่างผู้หญิงสองคน
ในการเสด็จไปหลายที่ (สุพรรณ, อยุธยา) เจ้าหน้าที่ได้มาตรวจก่อนว่า รูปที่ชูนั้น ห้ามชูรูปคู่ ของวชิราลงกรณ์กับราชินีนุ้ย เพราะคุณก้อยร่วมเดินทางด้วย
อีกอย่าง ต่อไปนี้ห้ามชูป้ายไฟ
facebook.com/royalworldthai
Royal World Thailand - รอยัล เวิลด์ ประเทศไทย
10h ·
เกิดเรื่องราวดราม่าขึ้นในโซเชียลมีเดียเมื่อประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ตั้งใจเดินทางไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
มีการโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ที่จัดการเตรียมพื้นที่และความเรียบร้อยในการรับเสด็จ
ซึ่งเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ได้ห้ามประชาชนชูป้ายไฟ
และพระบรมฉายาลักษณ์คู่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีในการรับเสด็จ
ซึ่งสร้างความไม่พอใจในกลุ่มประชาชนที่ตั้งใจไปในครั้งนั้น
เรื่องราวเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่การเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดสุพรรณบุรี
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ได้สั่งห้ามชูพระบรมฉายาลักษณ์คู่
โดยให้ชูเฉพาะพระบรมฉายาลักษณ์เดี่ยวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้น
อีกทั้งมีการห้ามชูป้ายไฟอีก
โดยมีการแอบถ่ายคลิปวีดีโอที่บันทึกระหว่างการกระทบกระทั่งกันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วย
ในงานถัดมา
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเมื่อวันที่
20 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่ห้ามประชาชนในลักษณะเดียวกัน
และตามแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่
ได้สั่งห้ามประชาชนในลักษณะนี้ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดเชียงใหม่
ในวันที่ 22 มีนาคมนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า
การสั่งห้ามชูพระบรมฉายาลักษณ์คู่นั้น เนื่องด้วยเจ้าคุณพระสินีนาฏ
พิลาสกัลยาณี ได้โดยเสด็จในการนี้ การชูพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระบรมราชินี
อาจสร้างความแตกแยกในกลุ่มประชาชนที่จงรักภักดี
และอาจระคายเบื้องพระยุคลบาทได้ แน่นอนว่า
ข่าวดังกล่าวนี้สร้างความไม่พอใจในกลุ่มประชาชนที่เคารพสถาบันไม่น้อย
สำหรับการห้ามชูป้ายไฟนั้น
เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเพื่อความเรียบร้อย
โดยเฉพาะที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เนื่องด้วยเป็นศาสนสถาน
จึงอยากให้เป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้เหมาะสมกับสถานที่
โดยครั้งสุดท้ายที่เห็นมีการชูป้ายไฟรับเสด็จคือที่จังหวัดพิษณุโลกเมื่อวันที่
12 มีนาคมที่ผ่านมา
การนำป้ายไฟมารับเสด็จเกิดขึ้นครั้งแรกๆเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว
ที่มีกลุ่มประชาชนพยายามสรรหาวิธีและแนวทางใหม่ในการรับเสด็จ
ซึ่งช่วงนั้นได้รับกระแสฮือฮาในสังคมไม่น้อย
จึงเริ่มมีประชาชนเริ่มติดเทรนด์ทำป้ายไฟรับเสด็จมากขึ้น
จากหลากหลายความคิดเห็นของประชาชนที่เคารพสถาบันนั้น
พบว่าจำนวนไม่น้อยที่เสียความรู้สึก
เนื่องด้วยมีความรู้สึกรักทั้งสองพระองค์มาตลอด
เมื่อความรักและจงรักภักดีถูกห้ามมิให้แสดงออกแบบที่เคยทำมาตลอด
ขณะที่บางส่วนเห็นด้วยกับการที่ไม่มีป้ายไฟรับเสด็จ
โดยเห็นว่าควรทำตัวให้สมกับการมีมารยาทที่ดี
ในสังคมที่มีขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ดีงาม
อีกทั้งอาจเป็นที่กังวลว่ามีสิ่งไม่พึงประสงค์อื่นๆเข้าไปในพื้นที่รับเสด็จด้วย
ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา
ธรรมเนียมและการปฏิบัติในการรับเสด็จเจ้านายได้เริ่มปรับเปลี่ยนไปในทางที่เปิดกว้างมากขึ้น
เริ่มด้วยการอนุญาตให้ประชาชนสามารถถ่ายภาพและวีดีโอได้
จากที่เคยมีการห้ามอย่างเคร่งครัด
อีกทั้งเปิดกว้างให้มีการรับเสด็จในรูปแบบใหม่ๆตามยุคสมัย
ป้ายไฟจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยเหล่านั้น (ติดตามบทความเก่า
“การเริ่มตกพระที่นั่งลำบาก นำไปสู่พระราชมูฟใหม่” (https://cutt.ly/5g4OmAD))
สำหรับเหตุผลที่ว่าเพื่อลดความแตกแยกในกลุ่มประชาชนที่ไปรับเสด็จนั้น
แน่นอนว่า เจ้าคุณพระสินีนาฏ
หนีไม่พ้นที่ถูกมองเป็นครหาในการที่ประชาชนถูกห้ามชูพระบรมฉายาลักษณ์คู่
เนื่องด้วยเป็นการเสด็จพระราชดำเนินคี่
ประกอบกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้จงรักภักดีด้วยกันเอง
เมื่อที่มีคนแสดงความรักต่อสมเด็จฯ
และแสดงความปรามาสต่อท่านเจ้าคุณอย่างเปิดเผย
จึงก่อให้เกิดสงครามด้อมในโลกโซเชียลเรื่อยมา (ติดตามบทความเก่า
“ศึกราชสตรี กับกระแสตีกลับจากกลุ่มผู้จงรักภักดี” (https://cutt.ly/ZjvnfUO))
ทั้งหมดทั้งมวล
แน่นอนว่ากระทบต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยตรง
ประชาชนรู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วว่า เมื่อทรงรับพระสนมเอกเข้ามา
ประชาชนไม่มีสิทธิ์ห้ามได้และหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะวิจารณ์เรื่องราวส่วนพระองค์
ถึงแม้ว่าหลายฝ่ายเห็นว่าดูไม่เหมาะสมในสายตาประชาชนตลอดมา อย่างไรก็ดี
ดูจากภายนอกเห็นได้ว่า เจ้าคุณพระได้ปฏิบัติตนอย่างเป็นที่เป็นทางมากขึ้น
รู้ที่เหมาะที่ควรในสายตาบุคคลภายนอกมากขึ้น
ไม่ว่าจะเข้ามาอยู่ในสถานะใดก็ตาม
และไม่ว่าจะมีกระแสข่าวอะไรเข้ามาอีก ทั้งสมเด็จฯ ท่านเจ้าคุณต้องพึ่ง
ทรีมิราเคิล นั่นคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ยึดเหนี่ยวจิตใจให้เข้มแข็งให้ผ่านไปได้ด้วยดี
ในที่สุดเราก็มีที่หยัดยืน สลัดทิ้งโลกขมขื่นที่ล้าหลัง
มาร่วมยาตราทัพรักเสรีมีพลัง จุดไฟหวังสร้างโลกใหม่ให้โสภี
(ข้าน่อยเซื่อเกินครึ่งในฮอลล์นี้ งง... โอ้เนาะ!)
รอยัล เวิลด์
ไทยแลนด์
ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการจัดการเตรียมรับเสด็จของประชาชน
กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้ เพิ่งทราบเมื่อเราได้เข้าไปสอบถาม
แต่มีการห้ามชูป้ายไฟจริง นอกจากนี้
ได้สอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ได้กล่าวว่า
เจ้าหน้าที่ทหารได้ห้ามเฉพาะป้ายไฟและสิ่งของใส่ถุงใหญ่ที่ดูพะรุงพะรัง
เพื่อป้องกันการบังผู้อื่นที่ไปเฝ้ารับเสด็จเช่นกัน
และได้พยายามอธิบายดีๆแล้ว และยังเห็นประชาชนยังชูพระบรมฉายาลักษณ์ตามปกติ
แหล่งข่าวในราชสำนักว่าเรื่องนี้ถึงพระเนตรพระกรรณแล้ว
แต่ยังไม่มีพระราชกระแสว่าอย่างไร
จากที่มีการห้ามชูพระบรมฉายาลักษณ์คู่ในงานที่จังหวัดเชียงใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
จะยังคงเป็นไปตามเดิม หรือจะอนุญาตให้ปฏิบัติดังเดิมได้ในที่สุด
----
There
was a tensioned conflict when groups of people gathered to welcome
Their Majesties King Vajiralongkorn and Queen Suthida of Thailand during
an engagement a few days ago, made an argument with the preparation
staff who were responsible for welcoming the royal couple at the venue.
The people were asked not to present the couple’s portrait to greet the
royals like they used to do generally.
The tension firstly
happened during the King’s royal engagement in Suphan Buri Province on
16 March 2021. The people gathering around were forced to put the
couple’s portraits down. Only the King’s portrait was still available.
Also, the LED boards were strictly prohibited. There was a video leaked
showing the arguments between the people and staff about this matter.
There
was also a similar prohibition during the King’s next engagement in
Ayutthaya Province on 20 March. According to the royal source, there
will also be the same procedure at the upcoming engagement in Chiang Mai
Province on 22 March.
According to the royal staff, the reason
is to prevent the internal conflict among the people themselves. The
main factor was The Royal Noble Consort Sineenat Bilaskalayani also
accompanied the events. Sineenat is expected to be impacted when the
portrait of the King and Queen is presented. This news is obviously
brought into the anger and disfavour among the people who have a strong
wish to greet the royals in the way they have been doing.
For LED
boards prohibition, the royal staff who was involved in the King’s
engagement in Ayutthaya said the boards were prohibited in order to be
orderliness as the venue was in the temple. The latest time having the
LED boards was in Phitsanulok Province on 12 March. The LED board was
introduced as a new trend of welcoming the royals in mid-2020.
Various
comments in social media from the people who respect the monarchy. A
lot of them feel bad of being stopped the way they used to do to express
their highest appreciation to the royal family. Some are satisfied
about the LED board are being put down, as they agree to follow the
original outstanding tradition which is able to show the best national
identity. They are also aware of any undesirable objects brought to the
area.
Since last year, the welcoming protocol of the royal family
has been changed to be opened wider. Some strict protocols have been
eased down, e.g. taking photos/videos which was prohibited in the past.
Some new trends are allowed to be involved in the modern age, one of
them is the LED board. (Read: “Being in difficult position brings a new
royal move”: https://cutt.ly/5g4OmAD))
The
main factor to reduce any internal conflict among the people was
understood to be The Royal Noble Consort Sineenat. As another consort of
the King, the portraits of the King and Queen were hence prohibited in
these triplets’ engagements. Many royal supporters have shown the openly
support to the Queen, and express dissatisfaction towards the Royal
Noble Consort for her disgrace public image, brought into the conflicts
among the supporters themselves. (Read: “War of the Ladies?”: https://cutt.ly/ZjvnfUO))
Inevitably,
the King was directly affected about this matter. It is widely known
among the people that the King made an inappropriate decision of
receiving the concubine into the royal court, although many supporters
try to avoid criticising the King’s private matter.
Sineenat,
however, seems to be in better position and more appropriate manners in
public eyes. Both the Queen and the Royal Noble Consort, whatever status
they are, they may need more encouragement and supports to be going
well in coming days.
Royal World Thailand made an interrogation
with the related authorities who were responsible in the welcoming
protocols. Some staff did not even know this matter, and have just
acknowledged when they were asked. A person who was involved in the
incident in Suphan Buri also revealed that the staff asked not to show
the LED boards and large portraits in order to share sighting for
others. There were still people presenting a number of portraits as
usual.
According to the royal source, the incident was brought
into acknowledgment in the royal court. It is hence expected to see if
the coming engagement in Chiang Mai this evening (22 March 2021) will be
prohibited like in the previous events or will be finally changed into
usual ways.
.....
Jusmine Green
เอาจริงๆนะ
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว อีพวกติ่งนี่ทำให้สถาบันดูมัวหมองลงไปเยอะเลยนะ
ทั้งป้ายไฟ ทั้งแจกลายเซ็นต์ ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของใคร
หรือใครเป็นกุนซือในเรื่องนี้
ดูๆไปแล้วมันไม่ใช่การทำให้สถาบันดูใกล้ชิดกับประชาชนเหมือนประเทศอื่นๆเขาเลย
แต่ในทางกลับกัน สิ่งเหล่านี้ที่ทำมากลับทำให้สถาบันดูตลกมากขึ้นไปอีก
และการไปนั่งแหกปากตะโกน ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ นั่นอีก
ตั้งแต่โตมาจนผมจะหงอก เวลาดูข่าวในพระราชสำนักเวลารับเสด็จในหลวง ร.9
ไม่เคยเห็นมีประชาชนเปล่งเสียง ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
เหมือนเปิดตลับเทปแล้วกรอกลับไปกลับมาหลาบๆรอบแบบนี้เลย
และอีกอย่าง
ช่วงที่ผ่านๆมา กลุ่มคนที่อ้างว่าปกป้องสถาบัน
ทำแต่เรื่องงามหน้าผ่านสื่อเยอะมาก เรื่องดีๆทั้งน้านนนน
ดีจนสถาบันดูมัวหมองไปเลย ถ้าคิดจะเอาคนแบบนี้มาปกป้อง
คิดให้ดีๆให้ถี่ถ้วนหน่อยนะคะ ประชาชนมี 70 กว่าล้านคน
อย่าให้ความศรัทธาต้องพังลงมาคนกลุ่มเล็กๆเพียงไม่กี่คนเลย
อ่านความเห็นเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/royalworldthailand/photos/a.918836328221421/3537888299649531/
.................................................................................
เรื่องเล่าข่าว การเมืองออนไลน์
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar