lördag 12 juni 2021

ใบตองแห้ง: ขี้ตู่กลางสภา


2021-06-05 08:17

เวลามีข้อถกเถียงเรื่องความไม่โปร่งใสไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล “สลิ่ม” เถียงสู้ไม่ได้ ก็มักจะท่องคาถาชูผ้ายันต์ “จำนำข้าว” โทษรัฐบาลเพื่อไทย เพื่ออุดหูปิดตาตัวเอง

ไม่คิดว่าประยุทธ์ก็เอาบ้าง ผ่านมาตั้ง 7 ปี กู้เงินไปแล้ว 5 ล้านล้านบาท กลับโทษหนี้จำนำข้าว 7.5 แสนล้าน ยังต้องใช้อีก 12 ปี อย่าว่าแต่สุภาพบุรุษ สุภาพสตรีก็ไม่ทำ

ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดไปถกเถียง ว่าเสียหายเพราะขายข้าวดีเป็นข้าวเน่า ว่าจำนำข้าวช่วยชาวนา ซึ่งรัฐบาลประยุทธ์ 7 ปีก็ทำ เดี๋ยวจำนำยุ้งฉาง เดี๋ยวช่วยค่าเก็บเกี่ยว เดี๋ยวประกันราคา ฯลฯ ทุจริตก็อย่าบอกว่าไม่มี ความเสียหายจากโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลทุ่มเงิน สตง.มีรายงานเป็นตั้งๆ

ถ้ามีฝีมือจริง บริหารงบประมาณมา 7 ปี ก็ไม่ต้องโทษจำนำข้าว ไม่ต้องโทษโควิด เศรษฐกิจโตต่ำกว่าเพื่อนบ้านมาตลอด พอมีภัยพิบัติ ก็หนักกว่าเขา

“วันนี้ยังไม่มีทุจริตเกิดขึ้นในรัฐบาลผม” อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ งั้นที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจไปคืออะไร กวาดต้อนนักการเมืองมารับใช้ แล้วเอาที่ไหนไปแจกกล้วย ประมูลรถไฟรางคู่ 7 หมื่นล้าน อย่างโปร่งใส ชนะต่ำกว่าราคากลางแค่ 20 ล้าน ย้อนไปดูการประมูลยุค คสช. ก็แบบนี้ทั้งนั้น ชนะต่ำกว่าราคากลางแค่เศษเงิน

“ถ้าจะบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยใน 7 ปีนี้ ผมก็น้อยใจเหมือนกันนะ” 7 ปีแล้วไง รู้แล้วต้องอึ้ง สร้างแฟลตพัฒนาคลองเปิดสนามบินเปิดสถานีกลางรถไฟฟ้า

7 ปีทำได้แค่เนียะ นี่ผลงานนายกฯ หรือ ผอ.เขต คนเป็นนายกฯ ต้องคิดสร้างสรรค์ ทำโครงการวางรากฐานอนาคต คงคิดว่าคุยผลงาน ที่ไหนได้ประจานตัวเอง

“ผมนั่งรถ มองกระจกออกไป ผมคิดทุกวันว่าจะทำอย่างไรให้คนที่ผมมองออกไปมีชีวิตที่ดีขึ้น” เพจคนรุ่นใหม่ตอบเสียงเดียวกัน “ลาออกสิ” ชีวิตจะดีขึ้นทันตา

ประยุทธ์พูดอะไรในสภา ประยุทธ์ไม่ได้ชี้แจงงบประมาณ ประยุทธ์พูดเข้าข้างตัวเอง ประยุทธ์ไม่ได้สื่อสารกับประชาชน แค่สื่อสารกับคนที่เชียร์ตัวเอง แล้วก็ใช้เสียงข้างมากลากไป ถึงอย่างไรงบประมาณก็ผ่าน แม้พรรคร่วมรัฐบาลปากเก่ง ถึงเวลาก็ลงมติพับเพียบเรียบร้อยเหมือนหนูกลัวแมว

คำถามสำคัญในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้คือ เมื่อทำงบขาดดุล 7 แสนล้าน ออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 5 แสนล้าน แล้วจะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจวางรากฐานอนาคตอย่างไรบ้าง มีความหวังอะไร นอกจากหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะดีขึ้น ปี 2565 จะฟื้นตัว การท่องเที่ยวจะกลับมา

แล้วถ้าไม่ฟื้นล่ะ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเพิ่งคาดการณ์ว่า จากปัญหาการระบาดที่คุมไม่อยู่ จากปัญหาวัคซีนที่ล่าช้า เศรษฐกิจไทยอาจจะไปฟื้นตัวในไตรมาสแรกของปี 2566

งบ 65 ประมาณการรายได้ลดลงเหลือ 2.4 ล้านล้าน จึงทำงบรายจ่าย 3.1 ล้านล้าน ปรับลดจากปีที่แล้ว 1.85 แสนล้าน โดยตัดงบสวัสดิการประชาชน เช่น งบบัตรทอง ประกันสังคม ตัดกระทั่งงบกองทุนสวัสดิการประชารัฐ “คนจนหมดประเทศ” ของรัฐบาลประยุทธ์เอง ตัดงบส่งเสริม SME งบวิจัยนวัตกรรม

เพราะรายจ่ายประจำ คือเงินเดือนสวัสดิการข้าราชการเอาไปกินหมด 1.2 ล้านล้าน 40% ของงบประจำปี โดยยังมีงบซื้อโต๊ะตู้สร้างอาคารทำป้าย ที่ล็อกไว้โดยกระทรวงกรมต่างๆ เมื่อบวกกับงบใช้หนี้ ที่ตั้งไว้ใช้แค่ดอกเบี้ย ก็ยังบานเบอะพอกหางหมู

รัฐบาลไม่มีคำตอบเลยว่า ถ้าโครงสร้างงบประมาณยังเป็นอย่างนี้ แล้วปีหน้า GDP ยังโตต่ำ จัดเก็บภาษีได้น้อยลง แล้วจะทำอย่างไร

สงสัยจะขอแก้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพิ่มเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 80% แล้วก็กู้กันไปเรื่อยๆ เพื่อเอามาหล่อเลี้ยงรัฐราชการ

ประยุทธ์คิดแต่ว่ารัฐบาลจะครองอำนาจต่อไปอย่างไร ไม่ได้แยแสสนใจว่าอนาคตประเทศจะเป็นอย่างไร ภายใต้สถานการณ์โควิด ที่คนกำลังจะอดตาย SME ล้มละลาย ก็แจกอีกแล้ว เราชนะ คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เพื่อให้ประชาชนหวังพึ่งการสงเคราะห์ของรัฐไปเรื่อยๆ

วัคซีนมีไม่พอ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แหวกวงล้อม สั่งซิโนฟาร์ม 1 ล้านโดส อปท.ลุกฮือขอซื้อบ้าง ก็อ้างกฎหมายอ้างผู้ตรวจการอ้าง สตง. ห้ามปราม อาศัยจังหวะสยามไบโอไซน์ส่งมอบวัคซีนให้แอสตร้าเซนเนกา 1.8 ล้านโดส แล้วพอดี WHO รับรองซิโนแวค ก็สั่งซิโนแวคเพิ่ม 11 ล้านโดสมาปิดกั้นกระแสเรียกร้องต้องการวัคซีนที่มีคุณภาพกว่า

ทั้งเศรษฐกิจทั้งโรคระบาด ประยุทธ์ก็จะเฉยเมยอยู่ท่ามกลางภัยพิบัติอย่างนี้ เพราะเชื่อว่าไม่มีใครทำอะไรได้ คนจะออกมาไล่ก็กลัวโควิด เดี๋ยวโควิดจางก็บอกว่าเห็นไหม ฝีมือรัฐบาล ว่าแล้วก็ดันทุรังอยู่ต่อไป ทั้งที่แย่ลงทุกอย่าง แต่อาศัยอำนาจ อาศัยกองเชียร์ไม่ลืมหูลืมตา อาศัยคนท้อว่าไม่มีทางไล่ได้

แต่นั่นก็เป็นเดิมพันยิ่งใหญ่ พลังต่างๆ ในสังคมไทยจะปล่อยให้ประยุทธ์อยู่จนวิบัติกว่านี้หรือไม่

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6433783

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar