"ในช่วงเวลากลางวันขอให้ท่านงดการเดินทางให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้" --โฆษก ศบค.
ศบค. ประกาศล็อกดาวน์เข้มข้น 13 จังหวัด ขอให้ ปชช. งดออกจากเคหสถานตลอดวัน
ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด 19 (ศบค.) แถลงชี้แจงมาตรการตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 ระบุเป็น "มาตรการล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด" ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม รวมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขอให้ประชาชนงดออกจากเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็นในเวลากลางวัน ยกเว้นเพื่อจัดหาอาหาร ยา พบแพทย์ รับวัคซีน และอาชีพจำเป็น มีผลพรุ่งนี้ (20 ก.ค.)
"ให้งดภารกิจที่ต้องออกเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น นอกจากเคอร์ฟิวแล้ว ในช่วงเวลากลางวันขอให้ท่านงดการเดินทางให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้" นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าววันนี้ (19 ก.ค.)
สำหรับกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นให้เดินทางออกนอกเคหสถานในเวลากลางวันได้ ได้แก่ การจัดการเครื่องอุปโภคบริโภค อาหาร ยา เวชภัณฑ์ การพบแพทย์ รับบริการสาธารณสุข รักษาพยาบาล รับวัคซีน หรืออาชีพที่มีความจำเป็นต้องปฏฺิบัติงานที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้
ส่วนมาตรการเคอร์ฟิวในตอนกลางคืน ยังงดออกจากบ้านในเวลา 21.00-04.00 น. เช่นเดียวกับประกาศฉบับก่อนหน้านี้ แต่ขยายระยะเวลาไปอีก 14 วันนับจากวันที่ 20 ก.ค.
- โควิด-19: ราชกิจจาฯ ประกาศคำสั่งเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มอีก 3 จังหวัด ขณะยอดติดเชื้อทะลุ 1.1 หมื่นราย
- ผู้ป่วยใหม่ทะลุหมื่น ตาย 141 ราย หมอโอภาสชี้หากไม่ยกระดับมาตรการ ยอดจะสูงต่อ 3-4 เดือน
- ประกาศห้ามชุมนุม ทำกิจกรรม มั่วสุม ทั่วประเทศ สกัดการระบาด
- ล็อกดาวน์กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 12 ก.ค. นายกฯ ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน
โฆษก ศบค. ระบุว่า มาตรการนี้เป็นข้อสรุปสาระสำคัญจากที่ประชุม ศปก.ศบค. ชุดที่ พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการปฏฺิบัติการ โดยเป็นรายละเอียดของมาตรการตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) ที่ประกาศเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอีก 3 จังหวัด รวมเป็น 13 จังหวัด
พื้นที่ 13 จังหวัด ที่ถูกบังคับใช้มาตรการล่าสุดนี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และจังหวัดที่เพิ่มมา ได้แก่ อยุธยา ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ในพื้นที่ 13 จังหวัด จะมีการตั้งด่านตรวจและจุดสกัดของทหาร ตำรวจ ภายในพื้นที่จังหวัดเหล่านี้ และด่านตรวจเพื่อควบคุมการเดินทางเข้าออก 6 จังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยใช้ชุดตรวจที่ชื่อว่า "ชุดตรวจเข้มแข็ง" กระจายไปในชายขอบของ 6 จังหวัดภาคกลาง
"ความไม่สะดวกสบายที่จะเกิดขึ้นตอนนี้เพื่อลดการเดินทางของท่าน ขอให้อยู่ในเคหสถาน มาตรการเหล่านี้ ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร จะช่วยกันทำงานและเข้มข้นมากขึ้น"
ในช่วงเวลาระหว่างวันในพื้นที่ 13 จังหวัด นพ.ทวีศิลป์ บอกว่าจะมีความยุ่งยากในการเดินทางข้ามพื้นที่ใน 14 วันนี้
"คาดการณ์ได้เลยครับว่า สิ่งที่ท่านอยากจะสะดวกสบายจะไม่เกิดขึ้น แล้วก็จะทำให้ท่านต้องตัดสินใจใหม่ที่จะไม่ออกจากบ้าน นี่คือสิ่งที่จะเกิดตั้งแต่วันนี้"
สำหรับบุคคลและกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นเรื่องการงดออกนอกเคหสถาน 6 กลุ่ม ได้แก่
- เจ้าหน้าที่ทางด้านการสาธารณสุข
- การขนส่ง เพื่อประโยชน์ด้านอาหาร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภค ผลผลิตทางการเกษตร น้ำมัน เชื้อเพลิง ไปรษณีย์ พัสดุ สิ่งพิมพ์ สินค้าเพื่อส่งออก นำเข้า
- การขนย้ายประชาชน
- การให้บริการประชาชน
- การประกอบอาชีพจำเป็น ไม่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้
- อื่น ๆ ที่ได้รับอนุญาตเฉพาะรายของเจ้าหน้าที่
........................................................................
(หมายเหตุผู้เรียบเรียง- เมื่อ"รัฐเผด็จการล่ม" ไปไม่รอด การแก้ไขปัญหาผิดพลาด จนสถาการณ์ลุกลามบานปลายควบคุมไม่ไดั บ้านเมืองระส่ำระสายหนักเอาไม่อยู่ อะไรจะเกิดขึ้น???
เมื่อประมุขรัฐและรัฐบาลข้าทาสรับใช้สนองฯ ตัดสินใจใช้อำนาจเผด็จการออกกฎเถื่อน "คำสั่งปิดเมือง"ควบคุมกักขังประชาชนไม่ให้ออกนอกบ้าน (ตกเป็นเชลย)
คำสั่ง"ปิดเมือง"ของรัฐบาลเผด็จการข้าทาสรับใช้สนองฯ เป็นการซ้ำเติมสร้างความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนให้ยากลำบากขัดสนเลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมทุกด้าน กลายเป็นสังคมไร้กฎกติกาไร้คนรับผิดชอบ ทั้งวิกฤตการป่วยการตายจากติดเชื้อโรคโควิดที่ควยคุมไม่ได้...จากวัคซินไม่พอ โรงพยาบาลเต็มไม่รับรักษา ทั้งความยากจนคนอดยากหิวโหย มีคนฆ่าตัวตายรายวัน..ฯลฯ นับเป็นการ"ฆ่าทำลายล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ชาติ"แห่งยุคอีกแบบหนึ่ง )
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar