ตาลีบันประกาศชัยชนะ สิ้นสุดสงครามอัฟกานิสถาน 20 ปี ลั่นรับประกันความปลอดภัยให้พลเรือน

ผู้นำกลุ่มตาลีบัน นำโดยนายมุลเลาะห์ บาราดาร์ อัคคุนด์ แถลงการณ์

ที่มาของภาพ, Social Media/via REUTERS

คำบรรยายภาพ,

ภาพจากวิดีโอที่ผู้นำกลุ่มตาลีบัน นำโดยนายมุลเลาะห์ บาราดาร์ อัคคุนด์ แถลงการณ์หลังจากยึดครองเมืองต่าง ๆ ในอัฟกานิสถานได้โดยสมบูรณ์ วิดีโอนี้ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.

กลุ่มตาลีบันประกาศชัยชนะ หลังสามารถยึดครองเมืองต่าง ๆ ทั่วอัฟกานิสถานได้โดยสมบูรณ์ ทั้งยังแถลงว่าสงครามที่ยาวนานถึง 20 ปีได้สิ้นสุดลงแล้ว ในขณะที่รัฐบาลพลเรือนของอัฟกานิสถานล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง

โฆษกของตาลีบันกล่าวกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า "สงครามในอัฟกานิสถานสิ้นสุดลงแล้ว เราได้บรรลุถึงเป้าหมาย ซึ่งก็คือเอกราชของประเทศและอิสรภาพของประชาชน เราคาดว่ากองกำลังต่างชาติจะไม่เดินซ้ำรอยประสบการณ์ความล้มเหลวของพวกเขาในอัฟกานิสถานอีกครั้ง"

กองกำลังของตาลีบันได้เคลื่อนเข้าสู่กรุงคาบูล และเข้ายึดศูนย์กลางของพื้นที่ 11 เขตในนครหลวงเอาไว้ได้แล้ว โดยโฆษกของตาลีบันแถลงว่า การเข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าวมีขึ้นเพื่อรับประกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชน

กองกำลังตาลีบันยังเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศเอาไว้ได้สำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ไม่นาน นายอัชราฟ กานี ประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังอุซเบกิสถานแล้ว โดยเขาชี้แจงว่าการตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด

นายซูเฮล ชาฮีน โฆษกอีกคนหนึ่งของตาลีบันได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ระหว่างออกอากาศสดในรายการข่าวของบีบีซีว่า ตาลีบันปรารถนาให้มีการถ่ายโอนอำนาจโดยสันติในช่วงหลายวันต่อจากนี้

"เราขอรับประกันความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในกรุงคาบูล ขอยืนยันว่าชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านจะปลอดภัยอย่างแน่นอน" โฆษกของตาลีบันกล่าว

เกิดความวุ่นวายที่สนามบินนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ของกรุงคาบูล ซึ่งกำลังมีการอพยพพลเรือนต่างชาติเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยมีผู้ได้ยินเสียงปืนและเห็นผู้คนจำนวนมากบนลานบินพากันวิ่งไปขึ้นเครื่องบิน ทั้งยังมีรายงานว่าอาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย โดยขณะนี้มีเพียงเครื่องบินทหารเท่านั้นที่สามารถเดินทางออกจากกรุงคาบูลได้ ส่วนสายการบินพาณิชย์ต่าง ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินอย่างเด็ดขาด

ที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงคาบูล มีการเชิญธงชาติสหรัฐฯ ลงจากเสา และมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ในสถานทูตทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายไปรอการอพยพที่สนามบินแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าสหรัฐฯ ได้ปิดสถานทูตของตนในอัฟกานิสถานลงเป็นที่เรียบร้อย โดยทางการสหรัฐฯ สั่งเพิ่มกำลังทหารที่ช่วยเหลือในภารกิจอพยพครั้งนี้เป็นเกือบ 6,000 นาย

ชาวอัฟกานิสถานหลายแสนคนพยายามหนีออกจากกรุงคาบูลและเมืองที่ถูกตาลีบันยึดครองเช่นกัน โดยมีจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปยังด่านชายแดนด้านที่ติดกับปากีสถาน แต่ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะยังไม่สามารถเดินทางข้ามไปได้

ประชาคมนานาชาติกว่า 60 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้ตาลีบันยอมให้พลเมืองอัฟกานิสถานและชาวต่างชาติเดินทางออกนอกประเทศได้ ทั้งยังชี้ว่าตาลีบันซึ่งเป็นผู้มีอำนาจปกครองประเทศในขณะนี้ มีภาระหน้าที่ในการปกป้องชีวิตมนุษย์

หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าหลังตาลีบันขึ้นครองอำนาจ จะมีการแก้แค้นกับอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลชุดก่อน รวมทั้งชาวอัฟกานิสถานที่ให้ความร่วมมือกับกองกำลังต่างชาติ แม้ตาลีบันจะเคยให้คำมั่นว่า จะไม่มีการทำร้ายหรือสังหารคนเหล่านี้เพื่อแก้แค้นอย่างแน่นอน

บรรดานักสิทธิมนุษยชนและผู้รณรงค์เพื่อสิทธิสตรีต่างเป็นกังวลว่า จะมีการนำกฎทางศาสนาที่สุดโต่งเข้มงวดมาบังคับใช้อีก โดยก่อนหน้านี้ตาลีบันเคยให้สัญญาเรื่องการเคารพสิทธิสตรี แต่ยังคงยืนกรานว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องสวมชุดคลุมปกปิดทั้งตัวหรือบุรกา (burqa)

มีรายงานว่าในหลายเมืองที่ตาลีบันเข้ายึดครองเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เริ่มมีการห้ามผู้หญิงออกจากบ้านโดยไม่มีญาติผู้ชายไปด้วย และเริ่มมีการให้ผู้หญิงออกจากตำแหน่งงานต่าง ๆ แล้ว