onsdag 18 augusti 2021

คนละเรื่องเดียวกัน ..".คฝ904"ยิงจริงใส่ประชาชน.กับ "ตำรวจนครบาล"ยิงสาธิตโชว์สื่อ..

“น้องโทรมาหาแม่ว่าขอไปชุมนุมกับเพื่อนได้มั้ย แม่ก็บอกว่าไม่ได้ ห้ามไปเด็ดขาด เดี๋ยวไปติดโควิดมา"

ชุมนุม 16 สิงหา: แม่เยาวชนชายที่ถูกยิงที่สามเหลี่ยมดินแดงรอปาฏิหารย์ว่าลูกจะฟื้น

"เขาอายุแค่ 15 (ปี) เอง เป็นเรื่องหนักมากของครอบครัว" นิภาพร (สงวนนามสกุล) วัย 37 ปี แม่ของเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนกับผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงเมื่อวันที่ 16 ส.ค. กล่าวกับบีบีซีไทยด้วยเสียงสั่นเครือ

ลูกชายของเธอซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่ไอซียูมา 2 วันแล้ว และขณะนี้อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย หลังจากที่หมอปั๊มหัวใจขึ้นมาได้และพบกระสุนปืนฝังอยู่ที่บริเวณก้านสมอง

เยาวชนชายคนนี้เป็นหนึ่งในประชาชน 6 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดขึ้นภายหลังแกนนำกลุ่ม "ทะลุฟ้า" ประกาศยุติการชุมนุมขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริเวณ ถ. พิษณุโลก ในช่วงเย็นวันที่ 16 ส.ค.

นิภาพรนั่งเฝ้าคอยหน้าห้องผู้ป่วยวิกฤตมา 2 วันแล้วโดยแทบไม่กล้าจะลุกไปไหนไกล เพราะกลัวว่าหมอจะออกมาบอกความคืบหน้าอาการของลูก ล่าสุดหมอบอกเธอว่าผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และต้องเฝ้าระวังอาการจนครบ 72 ชั่วโมง ก่อนที่จะสามารถประเมินการรักษาในขึ้นตอนต่อไปได้

ผู้ชุมนุม

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ำบรรยายภาพ,

ผู้ร่วมชุมนุมบางคนได้รับบาดเจ็บจากการใช้กระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน

เธอจดจ่ออยู่กับอาการของลูกจนลืมวันลืมคืน

"ยังจำไม่ได้เลยว่าวันนี้ที่เท่าไหร่" นิภาพรบออกกับบีบีซีไทยทางโทรศัพท์ ความเศร้าและอ่อนล้าปรากฏชัดในน้ำเสียง แต่เธอก็เฝ้ารอการรู้สึกตัวของลูกชายอย่างมีความหวัง

รพ. ราชวิถีรายงานอาการของเยาวชนรายนี้เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ว่า

"ผู้บาดเจ็บไม่มีสติ ไม่หายใจ ไม่มีชีพจร พบบาดแผลกระสุนที่ลำคอด้านซ้าย ทีมแพทย์ได้ทำการใส่ท่อช่วยหายใจและปั๊มหัวใจ จึงกลับมามีสัญญาณชีพ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบกระสุนปืนค้างอยู่ที่ก้านสมอง 1 นัด และพบกระดูกต้นคอแตก ขณะนี้ผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในไอซีอยู่...ผู้บาดเจ็บอยู่ในอาการโคม่า ไม่รู้สึกตัว อยู่ระหว่างการประเมินอาการบาดเจ็บทางสมอง" รพ. ราชวิถีระบุ

ขณะแพทย์ยังไม่สามารถนำกระสุนที่ฝังอยู่ภายในออกได้ เพราะต้องรอประเมินการตอบสนองของผู้ป่วยในช่วงสัปดาห์นี้ก่อน

รัฐเดินหน้าสลายชุมนุมท่ามกลางเสียงเรียกร้องประนีประนอม

ที่มาของภาพ, Reuters

ร่วมชุมนุมครั้งแรก

นิภาพรเล่าว่าลูกชายเป็นเพียงเด็กมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 ในโรงเรียนสามัญแห่งหนึ่ง เขาไม่ได้มีความสนใจในด้านการเมืองเป็นพิเศษ ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อน ๆ และวันที่ 16 ส.ค. ก็เป็นการเข้าร่วมชุมนุมครั้งแรก

"น้องโทรมาหาแม่ว่าขอไปชุมนุมกับเพื่อนได้มั้ย แม่ก็บอกว่าไม่ได้ ห้ามไปเด็ดขาด เดี๋ยวไปติดโรค (โควิด-19) มา แล้วเอามาติดที่บ้าน"

นอกจากกลัวติดโควิด-19 แล้ว เธอยังกลัวที่สุดว่าลูกชายจะได้รับบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา เพราะเห็นจากภาพข่าวการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา แต่แม่วัย 37 ปีก็ไม่เคยคิดไปไกลถึงขั้นว่าลูกจะได้รับบาดเจ็บจาก "กระสุนปืน" ที่ยังฝังอยู่ในศีรษะของเขาในขณะนี้

หลังจากคุยกันแล้วเธอก็ไม่คิดว่าลูกจะไปร่วมชุมนุม ช่วงเย็นเขาออกจากบ้านไปโดยบอกว่าจะไปหาเพื่อน พอใกล้เวลา 21.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเคอร์ฟิว นิภาพรจึงโทรศัพท์ไปหาลูกชาย แต่ติดต่อไม่ได้ จึงคิดว่าคงจะนอนค้างบ้านเพื่อน จึงปิดเสียงโทรศัพท์และเข้านอน

ผู้ชุมนุม

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ไม่คิดว่าลูกจะถูกยิง

คืนนั้นเพื่อน ๆ ของลูกโทรศัพท์เข้ามานับสิบสาย แต่เธอปิดเสียงโทรศัพท์ไว้จึงไม่ได้ยิน และนั่นเป็นเหตุที่ทำให้เธอยังเสียใจจนถึงตอนนี้ที่กว่าจะรู้ข่าวว่าลูกอาการสาหัสอยู่ที่ รพ.ราชวิถี ก็เป็นเวลาเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 17 ส.ค.

"ตี 5 แม่ลงมาดูว่ามีรองเท้าน้องหรือยัง ก็ยังไม่เห็น ก็เลยเปิดโทรศัพท์ดูเห็นคลิปเพื่อนเขาส่งมาให้ แม่ทำไรไม่ถูกเลย"

เธอพยายามตั้งหลักและรีบเดินทางไปยัง รพ.ราชวิถี ซึ่งลูกชายรักษาตัวอยู่ และเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดจนถึงตอนนี้

เธอเฝ้าแต่คิดว่าลูกอายุยังน้อย ไม่ควรจะต้องมาเจอเหตุรุนแรงขนาดนี้ และคิดว่าเหตุที่เขาเข้าร่วมชุมนุม ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น เพราะเห็นคนวัยเดียวกันเข้าร่วม

ตำรวจยิงแก๊สน้ำตา

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ,

เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลสาธิตการใช้ปืนยิงแก๊สน้ำตาให้สื่อมวลชนดู

ผบช.น. : "ความรุนแรงไม่ได้มาจากเจ้าหน้าที่"

หลังเกิดเหตุและมีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บจากกระสุนปืน พ.ต.อ.รัฐชัย ศรีวิชัย ผกก.สน. ดินแดง ได้ออกมายืนยันว่าตำรวจไม่ได้ใช้กระสุนจริงยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้า สน. แต่อย่างใด ส่วนที่ปรากฏในคลิปที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนยิงออกมาจาก สน. นั้นเป็นเพียงกระสุนยาง และมีการนำเครื่องกีดขวางออกมาสกัดกั้นและป้องกันทรัพย์สินของทางราชการ

ล่าสุดวันนี้ (18 ส.ค.) ตำรวจแถลงยืนยันอีกครั้งว่าอาวุธที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนนั้นเป็นไปตามมาตรฐานสากลและ "ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต"

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนำทีมร่วมทดสอบการยิงแก๊สน้ำตาที่สนามบุณยะจินดา สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ระบุว่าต้องการแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องมืออุปกรณ์ในการควบคุมฝูงชนเท่านั้นซึ่งเป็นเครื่องมือที่ได้รับอนุมัติตามมติ ครม. และทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยางไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าตำรวจไม่ใช้วิธีการปฏิบัติงานอย่างที่ใช้อยู่ในตอนนี้ อาจทำให้เกิดความรุนแรงมากกว่านี้

"สื่อมวลชนก็เห็นแล้วว่าผู้ชุมนุมบางส่วนมีอาวุธ ถ้ากองกำลังจะปะทะกันจริง ๆ มันอาจมีความเสียหายมากกว่านี้" ผบช.น. กล่าวและอธิบายเพิ่มเติมว่ากระสุนยางมีระยะปลอดภัยอยู่ที่ 15 เมตรขึ้นไป ส่วนแก๊สน้ำตามีทั้งแบบขว้างและแบบยิง

ความรุนแรง

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

"ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมันไม่ได้มาจากเจ้าหน้าที่ ตอนนี้เรามีหลักการในการเน้นการรักษาความสงบเรียบร้อยจริง ๆ ถ้าเราไม่มีความจำเป็นจริง ๆ เราก็ไม่ดำเนินการ เราก็พยายามจำกัดขอบเขตการชุมนุมหรือการทำกิจกรรมแล้วก็จัดเส้นทางเลี่ยง" พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าว

ในการสาธิตวันนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำอาวุธปืน กระสุนยางและแก๊สน้ำตามาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมทั้งทำการยิงจริงเพื่อให้สื่อมวลชนดูลักษณะการยิง ระยะที่ยิง วิถีกระสุนและจุดที่กระสุนตก

"เราจะไม่ยิงใส่ผู้ชุมนุม เราจะยิงไปตกรอบ ๆ เพราะเราจะใช้ควันในการบังคับควบคุมกล่มผู้ชุมนุม อาวุธที่เราใช้ไม่ได้ทำอันตรายถึงชีวิต" เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ทำการสาธิตอธิบายและทดลองยิงแก๊สน้ำตาให้ดู

เขาอธิบายว่าน้ำหนักแก๊สทั้งลูกคือ 151 กรัม เมื่อใส่ปืนยิงแล้วจะออกมาเป็นแท่งสีน้ำเงินน้ำหนักประมาณ 102 กรัม เมื่อลอยไปจะเกิดการเผาไหม้และเกิดควันในเวลาไม่เกิน 1 นาที

ส่วนปลอกโลหะเมื่อยิงแล้วจะค้างในลำกล้องไม่ลอยไปด้วย ปืนสามารถยิงได้หลัก ๆ 3 ระยะคือ 50, 100 และ 150 เมตร จึงทำการสาธิตว่า แท่งแก๊สน้ำตาที่ยิงออกไปหาฝูงชนเป็นพลาสติกเท่านั้นไม่ใช่โลหะ

สำหรับความแม่นยำของปืนแก๊สน้ำตาจะไม่แม่นยำเหมือนปืนปกติทั่วไป เนื่องจากมีทิศทางลมเป็นปัจจัยหลักของวิถีกระสุน

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar