ชุมนุม 28 ก.พ.: นายกรัฐมนตรีวอนสื่ออย่านำเสนอข่าวเพียงด้านเดียว พร้อมแจงเจ้าหน้าที่ใช้มาตรการตามหลักสากล
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเจ้าหน้าที่จำเป็นใช้มาตรการดูแลผู้ชุมนุมเป็นไปตามหลักสากล วอนสื่อนำเสนอข่าว 2 ด้าน อย่าเสนอข่าวแต่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมข้างเดียว ด้านพรรคเพื่อไทยประณามและไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง การชุมนุมวานนี้ (28 ก.พ.) ซึ่งกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "Restart Democracy - ประชาชนสร้างตัว" หรือ "รีเด็ม" (REDEM) เป็นผู้นัดการชุมนุมว่า เป็นการชุมนุมรุนแรง
"ท่านไม่ดูก่อนหน้า ที่จะเกิดการชุมนุม มีความรุนแรงเกิดขึ้น แรก ๆ ก็โอเคเป็นไปตามปกติของเขา ท่านก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขาพูดจาอะไร ก็เป็นเรื่องเขาทำถูกทำผิด ก็ว่ากันไปตามกฏหมาย" นายกรัฐมนตรีกล่าว
- เยาวชนปลดแอกโพสต์ยุติการชุมนุม หลังตำรวจ "ใช้กระสุนยาง" กับผู้ประท้วง
- พล.อ. ประยุทธ์พ้นผิด "คดีพักบ้านหลวง" ศาลรัฐธรรมนูญชี้รัฐพึงจัดบ้านพักให้ผู้นำ เพื่อ “สร้างความพร้อมทั้งสุขภาพกาย-ใจในการปฏิบัติภารกิจ”
- ชุมนุม 29 พ.ย. : "ราษฎร" เรียกร้องยกเลิก พ.ร.ก. โอนอัตรากำลังพลฯ สถาบันกษัตริย์ไม่ต้องมี "กองกำลังส่วนตัว"
ทั้งนี้ การชุมนุมครั้งนี้ได้นัดหมายการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิประมาณเวลา 15.00 น. ของวานนี้ เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักของนายกรัฐมนตรี โดยในช่วงค่ำได้มีการเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่จนเกิดการสลายการชุมนุมและเกิดความรุนแรงขึ้น
ศูนย์เอราวัณสรุปข้อมูลผู้บาดเจ็บจากเหตุสลายชุมนุม เมื่อเวลา 06.30 น. มีจำนวน 33 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 23 คน และประชาชน 10 คน โดยนำส่งโรงพยาบาลตำรวจ 22 คน โรงพยาบาลรามาธิบดี 2 คน โรงพยาบาลพระรามเก้า 1 คน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 1 คน และโรงพยาบาลราชวิถี 7 คน
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ร.ต.อ.วิวัฒน์ สินเสริฐ สังกัด สน.ธรรมศาลา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การชุมนุมที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของตำรวจ และบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ ที่มีการหวงห้าม แล้วมีการใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ ต้องมีการใช้มาตรการเป็นไปตามหลักสากล ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะอยู่อย่างไรในประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้นก็ขอให้นึกถึงบ้านเมืองเป็นหลักด้วย
พล.อ. ประยุทธ์ ยังขอร้องสื่อมวลชนนำเสนอข่าวการชุมนุมทั้งสองฝ่ายและให้นึกถึงบ้านเมืองเป็นหลัก
"ผมก็ติดตามสื่ออยู่นะ ว่าทำไมถึงออกข่าวเพียงข้างเดียวว่าตำรวจใช้ความรุนแรง ถ้าไปดูก่อนหน้าที่จะเกิดการชุมนุมมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็เป็นไปตามปกติของเขา แต่เมื่อมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นและมีการรุกเข้ามาในพื้นที่ของตำรวจ และรุกเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นพื้นหวงห้าม และมีการใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาก็จำเป็นต้องใช้มาตรการตามมาตรฐานสากล"
"เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้างนะ เขาต้องทำงานหนัก เขาต้องอดทน เขาต้องได้รับความรุนแรงเกิดขึ้นและเขาก็บาดเจ็บ เสียหายเหมือนกัน และการทำลายทรัพย์สินของข้าราชการ มันใช่ไหมหละ" พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวประณามและไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ทบทวนท่าที และพิจารณาใช้มาตรการจัดการกับการเคลื่อนไหวของประชาชนตามมาตรฐานสากล เคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ แทนการใช้มาตรการที่มุ่งเน้นจำกัดหรือสกัดกั้นการชุมนุมของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิ์ทำร้ายประชาชนเกินกว่าเหตุราวกับอาชญากรร้ายแรง
ยันใช้กระสุนยาง เป็นไปตามขั้นตอนสากล
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุมนุมวานนี้ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้กระสุนยาง ในการควบคุมสถานการณ์ในคืนที่ผ่านมาว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งตำรวจได้ชี้แจงไปแล้ว โดยทำตามขั้นตอน
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า หากมีการชุมนุมลักษณะสร้างเงื่อนไขแบบนี้อีก จะใช้มาตรการสลายการชุมนุมแบบนี้หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจวางมาตรการ โดยไม่ต้องใช้ทหาร
ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด
ขณะที่พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมาว่าจะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด โดยเบื้องต้นเตรียมแจ้งข้อหาร่วมกันชุมนุม จัดกิจกรรม ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โทษจำคุก 2 ปี, ร่วมกันกระทำการใด ๆ เป็นเหตุให้แพร่ระบาด มีความผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรค
นอกจากนี้ผู้ชุมนุมบางส่วนจะถูกแจ้งข้อหาในความผิด พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียง ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจได้รับบาดเจ็บมากถึง 90 คน รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 27 คน และเสียชีวิต 1 คน ตำรวจควบคุมผู้กระทำความผิดได้ 22 คน คุมตัวไปสอบปากคำที่ ตชด. ภาค 1 จำนวน 18 คน อีก 4 คน เป็นเยาวชน ถูกควบคุมตัวไว้ที่ สน.สุทธิสาร กำลังดำเนินการสอบปากคำตามขั้นตอนตามกฎหมาย
รู้จัก "รีเด็ม"
กลุ่ม "เยาวชนปลดแอก" เปิดตัว "รีเด็ม" เมื่อวันที่ 24 ก.พ. โดยอธิบายว่าเป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่ "มวลชนร่วมกันเป็นเจ้าของ" และ "ไม่มีแกนนำ ไม่มีการ์ด ไม่มี STAFF ไม่มีรถเวทีที่จะรวมศูนย์ความสนใจ มีเพียงมวลชนที่จะดูแลกันและกัน สามารถร่วมกันลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ด้วยการร่วมกันตัดสินใจ"
กลุ่มรีเด็มประกาศ "ธง" ที่พวกเขาเชื่อว่าจะนำเราไปสู่การเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง 3 ข้อ คือ
- จำกัดอำนาจสถาบันกษัตริย์
- ปลดแอกประชาธิปไตยขับไล่ทหารออกจากการเมือง
- ลดความเหลื่อมล้ำด้วยรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า
ทั้งนี้กลุ่มเยาวชนปลดแอกจะเป็นฝ่ายสนับสนุนและประชาสัมพันธ์การเคลื่อนไหวที่มวลชนเห็นร่วมกัน
บีบีซีไทย - BBC Thai
กระสุนยาง กระสุนพลาสติก รวมทั้งกระสุนที่ใช้ควบคุมฝูงชนชนิดอื่น ๆ เสี่ยงทำให้เกิดความพิการอย่างถาวร หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้สูงกว่าที่คาดกันไว้
แพทย์ชี้กระสุนยางอันตรายถึงชีวิตไม่ควรใช้กับฝูงชน
ผลวิจัยล่าสุดของแพทย์อเมริกันจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์ในสหรัฐฯชี้ว่า ไม่ควรใช้กระสุนยางหรือกระสุนพลาสติก รวมทั้งกระสุนชนิดอื่น ๆ ที่ได้ชื่อว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต เข้าปราบปรามฝูงชนในเหตุจลาจลหรือเหตุอาชญากรรมอื่น ๆ เนื่องจากพบว่ามีโอกาสทำให้บาดเจ็บสาหัส เกิดความพิการอย่างถาวร หรือกระทั่งเสียชีวิตได้สูงกว่าที่คาดกันไว้
แพทย์หญิงโรหิณี ฮาร์ ผู้นำทีมวิจัยและสมาชิกขององค์การแพทย์เพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ผลการศึกษาดังกล่าวลงในวารสารวิชาการ BMJ Open โดยระบุว่ากระสุนยางหรือกระสุนชนิดที่คิดกันว่าปลอดภัยไม่ทำให้คนตายได้นั้น มีโอกาสจะทำให้เกิดการเสียชีวิตได้สูงกว่าที่คิด ทั้งในการยิงระยะประชิดและในการเล็งยิงจากระยะไกล
ผลการวิเคราะห์งานวิจัย 26 ชิ้น ที่ได้ศึกษาผู้ถูกยิงด้วยกระสุนยาง กระสุนพลาสติก กระสุนยางผสมโลหะ และกระสุนโพลียูรีเทนปลายกลวง (AEP) รวม 1,984 คน นับแต่ปี 1990 เป็นต้นมา พบว่า 15% ของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกลายเป็นผู้พิการถาวรโดยส่วนใหญ่มักตาบอด โดยคนกลุ่มนี้ 80% ถูกยิงด้วยกระสุนยางผสมโลหะ นอกจากนี้ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยางส่วนใหญ่จะบาดเจ็บสาหัส และในจำนวนนี้ 3% (ราว 51 คน) เสียชีวิต
"การยิงกระสุนยางในระยะประชิด แม้จะเล็งเป้าหมายได้ดีกว่า แต่กระสุนก็จะมีพลังรุนแรงเท่ากับกระสุนจริง จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่หากเล็งยิงกระสุนยางในระยะที่ห่างออกไป ความแม่นยำจะลดลงอย่างมาก เพราะกระสุนยางนั้นทั้งกระเด้งกระดอนและควงสว่านในอากาศ จนทิศทางเบี่ยงเบนพลาดเป้าได้ง่ายกว่ากระสุนจริง บ่อยครั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตคือคนรอบข้างที่ถูกลูกหลง มากกว่าจะเป็นเป้าหมาย" แพทย์หญิงฮาร์กล่าว
ผู้วิจัยยังบอกว่า "ระยะการยิงที่ปลอดภัย" สำหรับการใช้กระสุนยางนั้น มีความแตกต่างกันออกไประหว่างผู้ผลิตแต่ละเจ้ารวมทั้งขึ้นอยู่กับรุ่นของอาวุธปืนที่ใช้ยิงด้วย ทำให้เป็นการยากที่จะคาดคะเนหรือประมาณระยะการยิงที่ปลอดภัยนี้ได้อย่างถูกต้อง จึงไม่ควรนำมาใช้ในการควบคุมฝูงชน
ทั้งนี้ กระสุนยางหรือกระสุนพลาสติก รวมทั้งกระสุนบางชนิดที่เป็นโลหะบรรจุในถุงผ้า ถูกผลิตขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายใช้ยับยั้งบุคคลหรือฝูงชนที่อาจจะก่อเหตุสร้างความเสียหาย โดยไม่ให้บุคคลนั้นต้องเป็นอันตรายร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต โดยมีการออกแบบให้กระสุนประเภทนี้ลดความเร็วลงเรื่อย ๆ หลังถูกยิงออกมา จนแรงตกกระทบขณะถึงเป้าหมายไม่รุนแรงจนทำให้เสียชีวิตเหมือนกระสุนจริง และโดยทั่วไปแล้ว มักมีคำแนะนำแก่ผู้ใช้กระสุนยางหรือกระสุนพลาสติกให้เล็งยิงที่ขาของเป้าหมายเพื่อความปลอดภัย
รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปลี่ยนจากการใช้กระสุนยาง มาเป็นกระสุนพลาสติกเมื่อช่วงทศวรรษ 1970 และหลังจากนั้นได้ทยอยเปลี่ยนเป็นกระสุนโพลียูรีเทนปลายกลวง (AEP) แต่ทางการระบุว่ากระสุน AEP ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้ควบคุมฝูงชน แต่ใช้เพื่อยับยั้งบุคคลอันตรายเพียงคนเดียวมากกว่า
ขณะนี้ผู้ชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุมแล้ว โดยระบุว่าถูกตำรวจระดมยิงกระสุนยางเข้าใส่ และให้ทุกคนแยกย้ายกลับบ้าน
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar