ตำรวจไทยโชว์ฝีมือ จับคนร้ายฆ่าแหม่มสวิสใน 2 วัน ผบ.ตร.แถลงข่าวหน้าบาน สามารถคลี่คลายคดีอุกฉกรรจ์ ที่กระทบนโยบายรัฐบาล ภูเก็ตแซนด์บอกซ์
ใช่เลย เป็นการทวงความยุติธรรมให้ผู้ตาย ทำให้โลกเห็นว่าคนร้ายต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่ถ้าฝรั่งหรือคนไทยถูกฆ่าที่อื่น จะคลี่คลายคดีทันใจอย่างนี้หรือไม่
แล้วจะทำให้ชาวโลกเชื่อหรือไม่ว่ากฎหมายไทยศักดิ์สิทธิ์ บังคับใช้อย่างเคร่งครัด เสมอภาค ยุติธรรม ทำไมบางครั้งสื่อฝรั่งกลับเชื่อว่าจับแพะ
วันเดียวกันยังมีข่าวพ่อค้าอาวุธไทย (ระบุชื่อบริษัทชัดเจน) เกี่ยวข้องกับการจ้างฆ่าทูตพม่าประจำ UN ที่ประท้วงรัฐประหารตำรวจไทยจะโชว์ฝีมือได้ไหม
ตำรวจไทยเก่งใช้กำลังสลายม็อบ แล้วอ้าง “หลักสากล” โกหกด้าน ๆ สากลโลกไม่ยอมรับ แม้ม็อบปิดถนน ม็อบฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ออกเพื่อป้องกันโควิด ไม่ได้เป็นเหตุให้ไล่ยิงด้วยแก๊สน้ำตากระสุนยาง กติกาสากลของ UN กฎหมายระหว่างประเทศ หรือ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะของไทยเอง ไม่เคยบอกให้ทำได้ขนาดนั้น
ตำรวจยังเก่งเรื่องตั้งข้อหา ใช้กฎหมายเหวี่ยงแหเช่นม็อบสาดสีใส่ตำรวจ = ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ไปเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อน = ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญฯ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง ทั้งที่ม็อบมีไม่กี่สิบคน ตำรวจเป็นพัน
จับการ์ดวีโว่ กับหนังสติ๊ก ลูกแก้ว น้ำปลาร้า ตำรวจก็สืบทราบว่าจะก่อเหตุร้าย มีความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร
แล้วศาลก็ไม่ให้ประกันแกนนำ ทั้งที่ยังไม่ใช่คดีม็อบ 7 สิงหา ไผ่ ดาวดิน ไม่ได้ประกันตัวจากคดีสาดสีใส่โรงพัก ศาลให้เหตุผลว่าทำผิดซ้ำซาก
ศาลไม่ให้ประกันเพนกวิน กับกลุ่มทะลุฟ้า ให้เหตุผลว่าปล่อยไปไม่เกรงกลัวกฎหมาย แต่มีคลิปเพนกวินถูกตำรวจใช้กำลังใต้ถุนศาล ไม่ทราบตำรวจกลัวกฎหมายบ้างไหม
มองภาพรวม ถามอีกทีว่าชาวโลกเชื่อหรือไม่ กฎหมายไทยศักดิ์สิทธิ์ บังคับใช้อย่างเคร่งครัด เสมอภาค ยุติธรรม
คนบางส่วนบอกว่าไอ้พวกม็อบวุ่นวายสมควรปราบให้หลาบจำ ไม่ได้ทำผิดไม่เห็นต้องกลัวอะไร แต่พฤติกรรมที่ตำรวจทำกับม็อบ คือภาพลบที่เห็นเป็นปกติของตำรวจไทย มีปืนมีกฎหมาย ก็อวดอำนาจ ข่มขู่ ประชาชนที่ด้อยกว่า ถ้าเป็นคนชั้นกลางคนมีฐานะค่อยมีกิริยามารยาทหน่อย ถ้าเจอคนมีเส้นก็ถอยกรูด แต่เมื่อไหร่นายให้ท้าย ทำอะไรไม่เคยผิด ก็ใช้อำนาจไม่บันยะบันยัง
ไม่ใช่แค่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจปราบปราม เป็นอย่างนี้เกือบทั้งหมด ยิ่งยุคหลังรัฐประหาร เพิ่มกฎหมายเพิ่มระเบียบข้อบังคับ เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐกว้างขวางถ้าจ้องเล่นงานใครไม่มีทางรอด แต่ถ้าอยากละเว้น ก็ทำเป็นไม่รู้เห็น
ภาพลักษณ์ความยุติธรรมไทยในสายตาโลก จึงเป็นภาพความยุติธรรมใต้ใบสั่ง ถ้าอำนาจรัฐจะเอาผิดใครก็ระดมทุกเครือข่ายเอาจนได้ แม้อ้างว่าไม่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยวนักลงทุน แต่ก็ทำให้เกิดความหวาดระแวง
กฎหมายไทยบางครั้งขึงขัง แต่ผลลัพธ์เป็นเรื่องตลก เช่นภาษีที่ดิน เจ้าสัวเอาที่ดินกลางเมือง 300 ไร่มาทำเกษตรผสมผสาน คนชั้นกลางมีที่ดิน 50 ตารางวา 100 ตารางวา ไม่มีทางหลบ
บางครั้งก็เคร่งครัดน่าทึ่ง เช่น ตึกสามพันล้านสร้างเสร็จแล้วถูกถอนใบอนุญาต อาจผิดจริงก็ได้ แต่คนซื้อคงงงว่า ทำไมไม่สั่งหยุดก่อสร้างเพื่อตัดสินเสียให้จบ นี่สร้างเสร็จแล้วต้องทุบเพื่อรักษาความถูกต้อง?
ศาลไทยศักดิ์สิทธิ์ แตะต้องไม่ได้ แต่อยู่ ๆ ก็มีข่าวสินบนข้ามมาจากอเมริกา อยู่ ๆ ก็มีข่าวผู้พิพากษาสมคบแก๊งรุกที่เรียกเงิน 400 ล้าน ผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องจะได้เป็นหัวหน้าคณะศาลฎีกา แต่มีข่าวฉาวเสียก่อนเลยไม่ได้เป็น ด้วยมติ ก.ต. 9-6
กฎหมายไทย ก็ Succeed กับอำนาจแบบไทย ๆ อย่าหวังให้โลกยอมรับเลย
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/468369
ม็อบชุมนุมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งออกเพื่อยับยั้งไวรัส ไม่ใช่เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง แต่ตำรวจหวังดีเกรงผู้ชุมนุมจะติดเชื้อ? ใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง สลายม็อบ
ประยุทธ์อ้างตำรวจยึดหลักสากล โธ่ถัง อยากใช้อำนาจตามอำเภอใจทำไมต้องอ้างหลักสากล ทำให้คุณสากลเสียหาย ปืนจ่อหัวก็บอกว่าหลักสากล คนหนึ่งปืนจ่อ คนหนึ่งเจรจา เฮ้ย นั่นมันใช้กับผู้ก่อการร้ายมีอาวุธ ไม่ใช่ประชาชน
ม็อบปลดแอกจะไปราบ 1 ตำรวจปิดกั้น ม็อบยื้อยุดตู้คอนเทนเนอร์ ตำรวจฉีดน้ำไม่ให้เข้าใกล้ ยังพอทำเนา แต่เหตุการณ์มันไม่แค่นั้น ตำรวจขึ้นไป “ซุ่มยิง” จากบนตึกสูง ใช้ทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง แก๊สตลบไปถึงบ้านเรือนประชาชน แล้วใช้กำลังไล่สลายม็อบ ที่ถอยไปถึงอนุสาวรีย์ชัย ไล่ยิงเหวี่ยงแห ยิงระยะประชิดใส่ตัวคน
นี่กลัวคนมาชุมนุมจะติดเชื้อ? ไม่ใช่เลย มันอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้ความรุนแรงสลายม็อบ ที่มองว่าเป็นภัยต่อรัฐบาลและเครือข่ายอำนาจ ตำรวจไม่ใช่แค่สกัดกั้น ไม่ต้องการให้ม็อบไปบ้านประยุทธ์ แต่ตำรวจต้องการไล่ทุบ ต้องการให้เกิดเหตุบานปลาย แล้วจะได้ยิ่งใช้กำลัง
“ถ้าไม่เล็งไปที่ผู้ชุมนุมแล้วจะเล็งไปที่ไหน” รองโฆษกตำรวจกล่าวถึงการใช้กระสุนยาง เป็นโฆษกได้ไง ไม่เคยอ่านหลักการสหประชาชาติ หรือแม้แต่คู่มือตำรวจตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ “การยิงกระสุนยาง ให้ยิงต่อเป้าหมายที่กระทำการ หรือมีท่าทีคุกคามต่อชีวิตบุคคลอื่น”
ในหลักสากล การควบคุมฝูงชนต้องใช้ทักษะ การใช้กำลังที่ทำให้ผู้ชุมนุมโกรธ ย่อมทำให้บานปลาย อาจเกิดจลาจล แต่ตำรวจไทยชอบให้เป็นอย่างนั้น เพื่อจะได้ทุบให้หนำ พอม็อบโกรธ พวกที่เชียร์รัฐบาลก็ไปจับภาพรถตำรวจถูกเผา “เผาบ้านเผาเมือง”
แล้วไง 14 ตุลาก็เผา พฤษภา 35 ก็เผา ใครเผาเป็นอีกเรื่อง ไปพิสูจน์กัน แต่ถ้าเป็นเพราะม็อบโกรธ มันก็คือการตอบโต้ที่ถูกไล่ยิง พวก กปปส.ยิ่งกว่านี้อีก ขว้างระเบิดใส่ตำรวจ-มือปืนป๊อปคอร์น การเผารถตำรวจไม่มีตำรวจอยู่ในนั้น ไม่ใช่รถชาวบ้าน ถือเป็นการตอบโต้รัฐ
รัฐเป็นใหญ่ให้ท้ายตำรวจใช้กำลังเกินเหตุ ใช้กฎหมายเกินเหตุ คลิปเสียงสั่งตำรวจที่หลุดมาก่อนม็อบ บอกว่า ผบ.ตร.สั่งยึดรถเครื่องเสียง แม้ฝ่ายกฎหมายยังโต้แย้งกัน เพราะใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 200 บาท ไม่ใช่ความผิดถึงขั้นยึดรถ แบบใช้รถขนยาเสพติด
ในคลิปยังสั่งพนักงานสอบสวนเร่งส่งฟ้องม็อบทั่วประเทศ โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอัยการ ศาล นี่ผิดชัดเจน ตำรวจไทยทำได้อย่างไร
ไผ่ ดาวดิน “ทะลุฟ้า” ม็อบเรียกร้องให้ปล่อยรถเครื่องเสียงและคนขับ ที่ถูกจับโดยไม่เป็นไปตาม ป.วิอาญา ตำรวจยึดโทรศัพท์กว่าจะได้เจอทนาย แล้วตำรวจก็จับไผ่กับเพื่อนขึ้นศาลทุจริตฐาน “ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ” ศาลเรียกเงินประกัน 3 ล้าน
เฮ้ย ม็อบ 30 กว่าคน ไปเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อน ตำรวจมี 3 กองร้อย หาว่าข่มขืนใจตำรวจ ตั้งข้อหาเก่งจัง
อันที่จริงนี่เป็นพฤติกรรมตำรวจไทย และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ชาวบ้านรู้ดี นักธุรกิจก็รู้ดี ตั้งข้อหาเบาก็ได้ หนักก็ได้ ไม่ผิดก็หาที่ผิดได้ แต่สังคมไทยกลับเต็มไปด้วยพวกเชื่อยาแรง “ไม่ผิดแล้วกลัวอะไร” สนับสนุนให้ใช้กฎหมายเอาผิดแรง ๆ คนทำผิดจะได้กลัว ไม่คิดว่าเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ และยิ่งเพิ่มการฉ้อฉล
เช่นกฎหมายแรงงานต่างด้าว โทษหนักปรับแพงแล้วไง ก็เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ เพิ่มส่วยฉ้อฉล
จนแรงงานเถื่อนล้น ติดโควิดพาตายเป็นเบือ
รัฐที่มีอำนาจมาก เป็นภัยต่อทุกคน การอ้างกฎหมายใช้อำนาจรุนแรง เป็นภัยต่อสังคมไม่ใช่แค่ม็อบ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar