พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พาแม่ทัพภาค 4 ผบ.ทบ. และคณะเยือนมาเลเซีย หารือนาจิบ ราซัค ขณะที่ 18 องค์กรในมาเลเซียชุมนุมหน้าสถานทูตไทย และออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียเลิกหนุนรัฐบาล คสช. จนกว่าจะมีการยกเลิกกฎอัยการศึก ปล่อยนักโทษการเมือง และจัดเลือกตั้งเสรี
พล.อ.ประยุทธ์ พากลาโหม-ผบ.ทบ.-แม่ทัพภาค 4-เลขา ศอ.บต. เยือนมาเลเซีย หารือนาจิบ ราซัค
1 ธ.ค. 2557 - เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะผู้บริหารระดับสูง  ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์  ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงต่างประเทศ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ   รมช.กระทรวงคมนาคมและเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษา กองทัพบก นายอนุสิษฐ์  คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายฉัตรพงศ์ ฉัตราคม ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ  นายภาณุ อุทัยรัตน  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)  พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข  เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน) และ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ  แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2557  โดยเป็นการเยือนประเทศอาเซียนลำดับที่ 5 ภายหลังเดินทางเยือนพม่า กัมพูชา ลาว และเวียดนาม แล้ว
ทั้งนี้เพื่อแนะนำตัว ตามธรรมเนียมปฏิบัติของผู้นำอาเซียน พร้อมติดตามความก้าวหน้าและการกระชับความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนากับมาเลเซียในมิติต่างๆ ทั้ง การพัฒนาความเชื่อมโยง การพัฒนาพื้นที่ชายแดน รวมทั้งความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อาทิ  ยางพารา และการท่องเที่ยว ทั้งในกรอบทวิภาคีและภูมิภาค
โดยตามกำหนดการ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร บน.6 โดยเครื่องบินกองทัพอากาศตั้งแต่เวลา 07.00 น. และถึงกัวลาลัมเปอร์ ในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งเร็วกว่าเวลาไทย 1 ชั่วโมง ต่อมาในเวลา 10.40 น. มีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ลานบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย
ในการเยือน จะมีการหารือกับ นาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรี จากนั้นจะมีการหารือเต็มคณะ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน และในเวลา 15.00 น. จะมีการหารือกับทีมประเทศไทย ผู้แทนภาคธุรกิจและชุมชนชาวไทยในมาเลเซีย ที่โรงแรมแมริออต ปุตราจายา และเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ในเวลา 17.30 น.
 ส.ส.มาเลเซีย - 18 องค์กรค้าน พล.อ.ประยุทธ์ เรียกร้องให้เลิกกฎอัยการศึก-จัดการเลือกตั้ง


นักกิจกรรมและสมาชิกองค์กรด้านสิทธิแรงงานชุมนุมประท้วงการเยือนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หน้าสถานทูตไทย ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2557 (นักข่าวพลเมืองเอื้อเฟื้อภาพ)

นักกิจกรรมในมาเลเซีย ถือป้ายเรียกร้องความเป็นธรรมให้สมยศ พฤกษาเกษมสุข นักกิจกรรมด้านแรงงาน และบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ซึ่งถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และไม่ได้รับการประกันตัว (นักข่าวพลเมืองเอื้อเฟื้อภาพ)



ฉัว เทียน ชาง ส.ส.มาเลเซีย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระหว่างชุมนุมประท้วงการเยือนมาเลเซีย ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะ (นักข่าวพลเมืองเอื้อเฟื้อภาพ)
อินสตาแแกรมของ ฉัว เทียน ชาง โพสต์รูปการชุมนุมหน้าสถานทูตไทยวันนี้
ขณะเดียวกันในเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 10.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ส.ส.มาเลเซีย และองค์กรภาคประชาสังคมในมาเลเซีย 18 กลุ่ม ได้นัดประท้วงหน้าสถานทูตไทย ถ.อัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้ออกแถลงการณ์ "ประชาธิปไตยเพื่อประเทศไทย! เผด็จการจงออกไป!"
ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ซึ่งถูกแปลเป็นภาษาไทยระบุว่า "การรัฐประหารครั้งนี้ไม่ได้สร้างประชาธิปไตยและความยุติธรรมในสังคมไทยเลย ทว่ามันกลับเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเผด็จการในการทำลายสถาบันประชาธิปไตยที่มีอยู่ การรัฐประหารครั้งนี้นั้นกระทำเพียงเพื่อที่จะปกป้องกลุ่มผลประโยชน์ของชนชั้นนำไทยที่ต้องการลดพื้นที่ของประชาธิปไตยลงและแผ่ขยายรวมอำนาจของพวกตัวเอง รัฐบาลทหารของไทยไม่ได้ให้ความสนใจในการมีการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมเพื่อแก้ปัญหาการเมืองไทยหรือการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกแต่อย่างใด ทว่ากลับเห็นเป็นมันภัยเสียด้วยต่างหาก"
"การทำลายขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยอย่างโหดเหี้ยมนั้นเป็นที่เลื่องลือของกองทัพไทย รัฐบาลทหารของประยุทธในปัจจุบันนั้นต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับระบอบเผด็จการอันโหดร้ายในไทย และการตอบรับและต้อนรับการมาเยือนของประยุทธนั้นเท่ากับว่ารัฐบาลมาเลเซียกำลังจะสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการทหารและตอกย้ำรอยแผลให้กับประชาชนและประชาธิปไตยในไทย"
ทั้งนี้ผู้ลงชื่อและกลุ่มดังกล่าว ได้เรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียปฎิเสธการยอมรับรัฐบาลประยุทธจนกว่าจะมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขต่อไปนี้ได้แก่ (1) ยกเลิกกฎอัยการศึกในทันที (2) หยุดการทำลายและจับกุมผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทยและปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด (3) มีการเลือกตั้งและให้ประชาชนไทยเลือกตั้งรัฐบาลของพวกเขาได้อย่างเสรีตามระบอบประชาธิปไตย
ตอนท้ายแถลงการณ์ระบุว่า "ประเทศมาเลเซียกำลังจะได้นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียนในปีหน้า และมันเป็นเรื่องสำคัญมากที่รัฐบาลมาเลเซียจะต้องนำรัฐบาลประเทศอื่นๆ ในอาเซียนเพื่อร่วมกันประณามและกดดันให้ประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว พวกเราขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทยในการต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหาร เพื่อให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์"
โดย 18 องค์กรที่ลงชื่อแนบท้ายแถลงการณ์ได้แก่ (1) พรรคสังคมนิยมมาเลเซีย (PSM),
 (2) กลุ่มมาเลเซียสนับสนุนประชาธิปไตยประเทศไทย (Malaysia Support Group for Democracy in Thailand),
 (3) Suara Rakyat Malaysia (SUARAM),
(4) Jaringan Rakyat Tertindas (JERIT),
 (5) Persatuan Sahabat Wanita Selangor,
 (6) คณะกรรมการเพื่อผู้หญิงเอเชีย (CAW),
 (7) พันธมิตรรณรงค์ค่าจ้างแห่งเอเชีย Asia Floor Wage Alliance (AFWA),
 (8) KOMAS,
(9) Persatuan Kesedaran Komuniti Selangor (EMPOWER),
 (10) ปีกเยาวชน สมาคมชาวฮกเกี้ยนแห่งรัฐสลังงอร์และกัวลาลัมเปอร์ (Selangor and KL Hokkien Association Youth Section)
(11) Persatuan Komuniti Prihatin Selangor dan KL (PRIHATIN), (12) Jihad for Justice (13) National Interlok Action Team (NIAT)  (14) Association of Human Rights Defenders and Promoters- HRDP in Burma, (15) Free Trade Union, Sri Lanka (16) Globalisation Monitor, Hong Kong (17) School of Acting Justly, Loving Tenderly, Treading Humbly (SALT) และ (18) Pax Romana ICMICA,
ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ที่ลงชื่อได้แก่ ฉัว เทียน ชาง ส.ส.เขตบาตู กัวลาลัมเปอร์, ชาร์ลส์ ซานติอาโก ส.ส.เขตกลัง รัฐสลังงอร์, ชัยกุมาร เทวราช ส.ส.เขตสุไหง สิปุต รัฐเประ และ ชาง ลิ คัง ส.ส.เขตอะดุน เตจา รัฐเประ