fredag 29 januari 2021

เป็น ส.ส. ได้เพราะประชาชน ตกลงเป็น #ผู้แทนราษฎร หรือ #ผู้แทนราชสำนัก ?

ThaiE-News

คนไม่มีกึ๋น เป็น ส.ส. ได้เพราะประชาชน แต่สนับสนุนกฎหมายกดหัวประชาชน ตกลงเป็น #ผู้แทนราษฎร หรือ #ผู้แทนราชสำนัก ? - ทนายคารม เคยเป็นทนายว่าความคดี 112 ของ อ.สุรชัย แซ่ด่าน จะไม่เซ็นแก้ไข 112  



กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group - DRG
13h ·


เป็น ส.ส. ได้เพราะประชาชน แต่สนับสนุนกฎหมายกดหัวประชาชน ตกลงเป็น #ผู้แทนราษฎร หรือ #ผู้แทนราชสำนัก ?
.

จากกรณีนายคารม พลพรกลาง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์" ต่อกรณีการขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ ส.ส. พรรคก้าวไกล และพูดถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น โดยตามคำให้สัมภาษณ์ที่ของนายคารม ได้มีการแสดงเจตจำนงค์ว่าจะไม่ร่วมลงชื่อในการเสนอแก้ไขกฎหมายเจ้าปัญหาที่กดหัวประชาชนดังกล่าว โดยเจ้าตัวพูดว่า
.
"ผมไม่เซ็นครับ บอกผ่านสื่อเลยครับผมไม่เซ็น ไม่ทราบคนอื่นเซ็นหรือไม่ แต่ผมไม่เซ็น แล้วมาบังคับผมไม่ได้ด้วย ผมเคยงดออกเสียงในเรื่องกฎหมายโอนอัตรากำลังพล แต่เมื่อพรรคมีมติผมก็มีมารยาท ผมรู้กติกา ผมรู้ระดับของความรุนแรง ผมจะตอบคำถามอย่างไร ผมมาสาบานตน ผมอ่านรัฐธรรมนูญผมก็เข้าใจ แล้วผมมาเซ็นแก้มาตรา 112 ความคิดในทางกฎหมายผมก็มีความรู้อยู่บ้างว่ามุมมองอะไรอย่างไร แต่สรุปว่าผมไม่เซ็น”
.
การแสดงออกในการปกป้องกฎหมายอาญามาตรา 112 ของนายคารมนั้น ถือได้ว่าเป็นการสนับสนุนการกดขี่ กดหัวประชาชน เพื่อปิดปากในการแสดงออก หรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่ง มาตรา 112 นั้นถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองมาโดยตลอด และมีผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายมาตรานี้จำนวนมาก ยิ่งในช่วงหลังการยึดอำนาจของ คสช. ได้มีการขยายพระราชอำนาจของกษัตริย์ไปเกินขอบเขตประชาธิปไตย และหลักการกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ การออกมาพูดถึงสถาบันกษัตริย์ และการเรียกร้องการปฏิรูปนั้น เป็นแนวทางที่เหมาะสมในการวางตำแหน่งแห่งหนของกษัตริย์ และประชาชน ให้อยู่ร่วมกันได้ภายใต้กรอบประชาธิปไตย
.
การออกมาแสดงออกของนายคารมต่อกรณีนี้ จึงเป็นที่ชวนสงสัยว่า แท้จริงแล้วนายคารม รวมไปถึง ส.ส. ที่ได้เข้ามาเป็นผู้แทนในสภานั้น แต่กลับไปสนับสนุนให้กฎหมายที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาชน และประชาธิปไตยสามารถดำรงอยู่ได้ ยังเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ หรือกลายเป็นผู้แทนราชสำนักไปแล้วกันแน่ ? อีกทั้งพรรคการเมืองที่ยังสนับสนุนกฎหมายนี้ รวมไปถึงสนับสนุนการขยายพระราชอำนาจของกษัตริย์จนล้นเกินความเป็นประชาธิปไตย ยังกล้าเรียกว่าตนเองเป็นพรรคประชาธิปไตยได้อยู่หรือไม่ ? หรือเป็นเพียงพรรคที่มีเพื่อรับใช้ศักดินา กดหัวปิดปากประชาชนต่อไป
https://www.facebook.com/.../a.17255411.../2666177103675165/
.....

Suda Rangkupan อ.หวาน
4h ·
หลายคนอาจจะแปลกใจ เมื่อได้ทราบว่า ทนายคารม เคยเป็นทนายว่าความคดี 112 ของ อ.สุรชัย แซ่ด่าน
เช่นนี้ ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า #พี่คารม รู้ดีถึงความอยุติธรรมของ กม.มาตรานี้ดีเพียงใด
เมื่อรู้ดีแล้ว แต่กลับปฏิเสธที่จะต่อสู้เพื่อนำความยุติธรรมมาให้ประชาชน และเวลานี้มีโอกาสดีแล้ว ที่เข้าไปนั่งเป็น สส.ในรัฐสภา
สส.คารมตัดสินใจแบบนี้ เราก็หมดคำพูดจะกล่าวแล้ว แล้วแต่พี่น้องประชาชนจะให้บทเรียนกับนักการเมืองคนนี้

ประชาไท Prachatai

สิระปรึกษาฝ่ายกฎหมาย เตรียมยื่นฟ้องมาตรา 112 ส.ส. ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้เปิดโอกาสให้ ส.ส. จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ในที่ประชุมสภา หากประธานสภาบรรจุวาระจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ด้านเลขาธิการพรรคเพื่อไทยโต้ญัตติถูกต้องตามระเบียบ เป็นหน้าที่ฝ่ายค้านต้องตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำระวังไม่พูดเกินเลยอยู่แล้ว

29 ม.ค. 2564 สำนักข่าวไทย รายงานว่า สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าการประชุม 3 ฝ่ายเมื่อ 28 ม.ค. 2564 สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าไม่สบายใจกรณีที่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมีข้อความพาดพิงสถาบัน และรับว่าจะไปแก้ไข ซึ่งตนได้ขอบคุณ แต่หลังการประชุมสมพงษ์กลับตระบัดสัตย์ไม่แก้ไข ตามที่รับปากไว้กับประธานสภาผู้แทนราษฎร

สิระ กล่าวว่า กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาเพื่อจะยื่นฟ้องมาตรา 112 สมพงษ์และ ส.ส. ที่ลงชื่อในญัตติ เรื่องดังกล่าวผิดระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชัดเจน ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุโดยไม่ดูข้อบังคับอย่างละเอียด ตนจะให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าเรื่องนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และจะพิจารณาว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยหรือไม่ เพราะเชื่อว่าขัด จึงต้องดูว่าฝ่ายกฎหมายของใครตีความถูกในเรื่องนี้ และจะคัดค้านจนไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้

“ท่านเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่มีความซื่อสัตย์หรือไม่ คำพูดเชื่อถือได้หรือไม่ หากยื่นญัตติและบรรจุ คุณสมพงษ์จะสร้างประวัติศาสตร์ให้สภาฯ ที่เปิดโอกาสให้ ส.ส. จาบจ้วงสถาบันในที่ประชุมสภาฯ ดึงฟ้าลงมาต่ำ ดึงฟ้ามาเล่นการเมือง ฝ่ายค้านชุดนี้ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไปเกี่ยวกับการเมือง เคยดูหรือไม่ว่าสถาบัน ต้องไม่ยุ่งกับการเมือง ดึงมาทำไม ต้องการอะไร ถ้ายื่นและบรรจุในญัตติ ผมจะยื่นฟ้อง ไปตีความกัน วันนี้มีองครักษ์พิทักษ์สถาบันแล้ว แต่องครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรียังไม่เกิด ต้องไปดูและคุยกันว่ามีข้อเท็จจริงมีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ในการอภิปราย ผมขอให้ลองไปถามฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยดูว่ามีเงินหรืออะไรตกลงมาบ้างในการยื่นญัตติครั้งนี้” นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านยืนยันจะอภิปรายพาดพิงสถาบันให้น้อยที่สุด นายสิระ กล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านไม่พูดไปตามที่ยื่นญัตติก็จะผิดอีก

สำนักข่าวไทยยังรายงานเพิ่มว่า ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านไม่ขัดระเบียบข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลังหารือชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และยืนยันว่าจะไม่แก้ไขญัตติ เพราะญัตติมีความสมบูรณ์แล้ว โดยตามระเบียบข้อบังคับการประชุมข้อ 69 ระบุไม่ให้สมาชิกกล่าวถึงพระมหากษัตริย์โดยไม่จำเป็น ซึ่งเชื่อว่าสมาชิกจะระวังเป็นพิเศษเพื่อให้บรรยากาศการอภิปรายเป็นไปได้ดี พร้อมขอให้ประธานสภาฯใช้ข้อบังคับโดยเคร่งครัด และ ขออย่าวิตกกังวลมาก

ส่วนกรณีที่สิระเตรียมจะยื่นฟ้องมาตรา 112 สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและ ส.ส. ที่ลงชื่อเสนอญัตติ และจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญด้วย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ญัตติของฝ่ายค้านถูกต้องและไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า ส.ส. รัฐบาลยกเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่เสนอญัตติเช่นนี้ ประเสริฐ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทำหลายเรื่องเป็นที่สงสัย และเป็นหน้าที่ฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบและทำให้กระจ่าง

“เราระวังกันอยู่แล้ว พูดเกินเลย ประธานก็ไม่ให้พูดอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้ตีตนก่อนไข้ เราได้คุยในพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ขอให้อยู่ในกรอบข้อบังคับ ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปกล่าวถึงสถาบัน” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

ทั้งนี้ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านยื่นต่อสภาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ไร้คุณธรรม จริยธรรม ไร้ภาวะผู้นำ ไร้จิตสำนึกและความรับผิดชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง ท่ามกลางภาวะที่ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก และมีการระบาดของโรคโควิด ๑๙ ยิ่งทำให้สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว

ทั้งหมดเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของตนเอง มีการใช้อำนาจแลกผลประโยชน์ทำให้การทุจริตแพร่กระจายไม่ต่างจากโรคระบาด จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่การทุจริตเฟื่องฟู เบ่งบานมากที่สุด ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง ไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ มุ่งประโยชน์แต่การสร้างความนิยมชมชอบให้กับตนเอง โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน ปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันกระจายไปทั่ว ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน นำสถาบันเป็นข้ออ้างเพื่อแบ่งแยกประชาชน แอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะปิดบังความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของตนเอง

ละเมิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม และสิทธิมนุษยชน ทำลายระบบคุณธรรมในระบบราชการ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งระบบเศรษฐกิจ สังคม และกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar