รัฐบาลใช้ท่าทีโกรธเกรี้ยว ตอบข้อสงสัยของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เกี่ยวกับนโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด โดยเฉพาะการซื้อ AstraZeneca ผ่านการผลิตและโอนถ่ายเทคโนโลยีให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ (SBS)
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหาว่าธนาธรบิดเบือน จะให้ดำเนินคดี ขณะที่อนุทินพูดไปคนละเรื่อง เพราะกรณีนี้ต้องถือว่า SBS เป็นบริษัทเอกชน เช่นเดียวกับ SCG, SCB ไม่ควรนำไปโยงกับสิ่งของพระราชทาน
มีเพียง ผอ.สถาบันวัคซีน ที่ตอบเป็นสาระว่า งบประมาณที่สนับสนุนให้ SBS พัฒนาศักยภาพ 600 ล้านบาท เมื่อผลิตวัคซีนแล้ว SBS จะคืนวัคซีนให้เท่ากับทุนที่ได้รับ
แต่ข้อมูลนี้ก็ไม่เคยแถลงให้ประชาชนทราบมาก่อน ปล่อยให้ค้างคาอยู่นาน จนธนาธรถาม ท่านค่อยตอบ แล้วยังไปโกรธเกรี้ยวเขา
ผอ.สถาบันวัคซีนพูดถูกว่า ไม่ควรนำเรื่องนี้ไปโยงกับสถาบันที่เคารพรัก แต่ประเด็นสำคัญคือ ในการแถลงข่าวของรัฐบาลตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้ชี้แจงการทำสัญญากับ SBS แบบ “บริษัทเอกชน”
หากไล่เรียงตามท่านว่า แอสตร้าเซนเนก้าเจาะจงเลือก SBS ผ่านการประสานงานโดย SCG ซึ่งมีความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดมากว่าสิบปี ให้เป็นตัวแทนผลิตวัคซีนปีละ 200 ล้านโดส เพื่อจำหน่ายในภูมิภาคนี้
แอสตร้าเซนเนก้าเลือกเอง (ไม่เลือกองค์การเภสัชกรรมซึ่งมีโรงงานวัคซีนอยู่แล้ว) แต่ถ้าไม่ทำงานร่วมกันเป็น “ทีมประเทศไทย” ก็ไม่สำเร็จ นั่นคือรัฐบาลต้องสนับสนุนงบพัฒนาศักยภาพ 600 ล้าน และสั่งซื้อล่วงหน้า 26 ล้านโดส (เป็นเงื่อนไขสำคัญ ดังที่ ผอ.ให้สัมภาษณ์ไว้กับบีบีซีไทยก่อนหน้านี้)
มองในแง่นี้เข้าใจนะว่า รัฐบาลไทยย่อมสนับสนุนให้บริษัทไทย (ไม่ว่าจะเป็นของใคร) ได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี มาผลิตวัคซีนในประเทศไทย เพื่อความอุ่นใจว่าเราจะได้ใช้ก่อน ใช้เพียงพอ และหวังว่าในระยะยาวจะซื้อได้ในราคาถูกลง
ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็คงไม่ช่วยซื้อ ไม่สนับสนุนงบ (แม้ได้คืนเป็นวัคซีน) หากไม่หวังผลระยะยาว
ไม่เช่นนั้นรัฐบาลซื้อตรงก็ได้ เพราะหลายประเทศซื้อในราคาถูกกว่า 5 ดอลลาร์ที่ไทยซื้อ เช่น บราซิลซื้อตรงในราคา 3.16 ดอลลาร์ สหภาพยุโรป 2.19 ดอลลาร์
พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าซื้อแพง เพราะเราซื้อเพื่อให้ SBS ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ซึ่งก็ต้องหวังผลระยะยาว ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน แต่รัฐบาลไม่เคยชี้แจงว่า เราจะได้อะไรบ้าง นอกจากอ้างว่าเราซื้อได้ในราคาต้นทุน
ยิ่งกว่านั้น เรายังซื้อโดยยอมรอให้ SBS ใช้เวลาผลิตวัคซีน 26 ล้านโดสส่งมอบเดือนมิถุนายน ซึ่งพอธนาธรท้วงติงว่ารัฐบาลล่าช้าในการจัดหา ลิ่วล้อรัฐบาลก็โต้ว่า เพราะเราไม่รีบ ไม่อยากเป็นหนูทดลองยา ฯลฯ อ้าว งั้นใครวะ ตื่นตูมรีบสั่งซื้อวัคซีน Sinovac 2 ล้านโดส ในราคาแพงกว่าชาวโลก แล้วยังซื้อแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่ม 35 ล้านโดส โดยยังไม่เปิดเผยว่าซื้อจากไหนราคาเท่าไหร่
ถ้า 35 ล้านโดสซื้อตรง หรือซื้อจากที่อื่น ไม่ได้ซื้อจาก SBS ก็น่าประหลาดใจ รัฐบาลไทยอุตส่าห์สนับสนุน แล้วจะข้ามไปซื้อแอสตร้าเซนเนก้าจากที่อื่นได้อย่างไร
เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลไม่ทำให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่า SBS เป็นบริษัทเอกชน ซึ่งไม่ผิดหรอกที่รัฐบาลจะส่งเสริม แต่ต้องเคลียร์ทั้งที่มาที่ไป ประโยชน์ที่ประเทศและประชาชนจะได้รับ ไม่ควรเอาไปโยงจนคลุมเครือ
ครั้นมีคนตั้งคำถาม ก็เกรี้ยวกราด ห้อยโหน แทนที่จะชี้แจงให้กระจ่าง กลับออกอาการลนลาน แม้แต่กระทรวงสาธารณสุขเองก็ไม่พร้อม เกิดคำถามตามมาหลายข้อ
สถานการณ์อย่างนี้ ยิ่งถ้ารัฐตั้งข้อหาเอาผิดธนาธร ทำให้เป็นเรื่อง “การเมือง” ก็จะยิ่งบานปลายไปใหญ่
100 นายกฯ ก็แก้ปัญหาบ่อนไม่ได้ 100 ประยุทธ์ปราบบ่อนไม่ลง 1,000 ประยุทธ์ก็ยังคงขายลอตเตอรี่เกินราคา แต่ 1 ทักษิณ “หวยบนดิน” ทำให้ลอตเตอรี่ขายตรงราคา ห้าเสือ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เจ้ามือหวยใต้ดินเจ๊งยับ
กระนั้น ทักษิณก็ต้อง “รับกรรม” ถูกพิพากษาจำคุก 2 ปี ฐานทำผิดกฎหมาย มอมเมาประชาชน ใครที่เสนอให้เปิดบ่อนถูกกฎหมาย ก็คิดให้ดี ประเทศนี้เคร่งครัดทั้งกฎหมายและศีลธรรม
เคร่งครัดในการใช้ 112, 116 พ.ร.บ.คอมพ์ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาผิดนักเรียนนักศึกษา ตีความได้กว้างขวาง ใส่ชุดไทยก็ยังผิด
เคร่งครัดในการปราบทุจริต พนักงาน อบต. แอบเอาเข้าพกเข้าห่อทีละร้อยทีละพัน ถูกศาลตัดสินจำคุก 410 ปี เป็นคดีตัวอย่าง อย่าคิดว่าโกงห้าบาทสิบบาทแล้วจะรอดพ้นกระบวนการยุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์
แต่ทำไม บ่อนเปิดได้ เห็นชัดๆ ในกูเกิ้ลแม็ป ตำรวจไปตรวจกลายเป็นโกดัง แต่ทำไม แรงงานเพื่อนบ้านทะลักข้ามชายแดนเป็นแสนๆ ทุกฝ่ายก็รู้ ยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จนมาเอาเป็นเอาตายเมื่อเกิดโควิด
ประยุทธ์กลับมาโวยข้าราชการจะมีความผิด รู้ว่ามีบ่อนไม่แจ้ง แล้วมาวิจารณ์ทีหลังไม่ได้นะ
บ่อนซ่องเป็นปัญหาศีลธรรมดัดจริต หาจุดลงตัวไม่ได้ในเมืองไทยเมืองพุทธ ทั้งที่มีมาแต่โบราณกาล รัฐไทยในอดีตร่ำรวยจากหวย กข เก็บค่าต๋งบ่อนพนัน เศรษฐีตระกูลดังก็มีตั้งมากที่บรรพบุรุษเป็นนายอาการบ่อนเบี้ย หรือเปิดโรงยาฝิ่น
พูดอย่างนี้ไม่ใช่รีบสรุปว่าเปิดบ่อนถูกกฎหมายกันเถอะ แต่ให้แก้ไขตามความเป็นจริง อย่าเอาศีลธรรมปิดกั้น แล้วปากก็บอกว่าไม่มีเทวดาที่ไหนแก้ได้ งั้นมีนายกฯ ไว้ทำไม
ตำรวจก็คิดแบบนี้ได้เหมือนกัน การพนันการค้าประเวณีไม่มีทางหมดจากโลก เป็นความผิดขั้นต่ำทั้งทางกฎหมายทางศีลธรรม อย่าทำผิดถึงขั้นค้ามนุษย์หรือฆ่าทวงหนี้ ตำรวจก็หลับตาข้างลืมตาข้าง เอากำลังไปเน้นอาชญากรรมร้ายแรงดีกว่า แถมได้ “ส่วย” เข้ากระเป๋า บำรุงโรงพัก
แต่หนักๆ เข้ามันกลับมาทำลายระบบตำรวจ กลายเป็นต้องส่งส่วย ซื้อเก้าอี้ ขณะที่นายบ่อนก็ยกฐานะมีอิทธิพลรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ จนผู้กำกับตัวลีบ
ระบบตอนนี้จึงแก้ไม่ได้แล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเข้มงวดขึงขัง ย้ายตำรวจ ย้ายผู้การ ย้ายผู้บัญชาการ เด็กอมมือก็รู้ว่าไม่มีทางแก้ได้
เช่นเดียวกับแรงงานข้ามชาติ ทำไมจึงเกิดการลักลอบรีดไถ ก็เพราะรัฐไทยปิดกั้นกีดกันมาตลอด ทั้งที่ความเป็นจริงผู้ประกอบการต้องใช้แรงงานเพื่อนบ้าน การปิดกั้นมาจากทัศนะความมั่นคง ชาตินิยม ไทยเป็นใหญ่ในภูมิภาค พม่าลาวเขมรอยากแย่งยึดแผ่นดินทอง อพยพมาออกลูกออกหลานยั้วเยี้ย เป็นภาระกับโรงเรียนโรงพยาบาล
กฎหมายแรงงานต่างด้าวก็เลยจุกจิกสารพัด ออกใบอนุญาตยาก ห้ามเคลื่อนย้ายข้ามเขต ห้ามเป็นช่างฝีมือ ห้ามประกอบอาหาร ทำได้แค่ล้างจาน ฯลฯ ซึ่งขัดความเป็นจริง เปิดช่องมากมายให้รีดไถจ่ายใต้โต๊ะ
นี่เป็นปัญหามาตั้งแต่ก่อนโควิด พอปิดประเทศจึงกั้นไม่อยู่ เพราะมีทั้งช่องทางธรรมชาติและช่องทางใต้โต๊ะโดยธรรมชาติ
มันเป็นปัญหาของรัฐราชการไทย ที่มีอำนาจมาก แบบตำรวจเรียกมอเตอร์ไซค์หยุดตรวจ ถ้าจะเอาผิด เดินรอบรถยังไงก็เจอที่ผิด แบบเดียวกับการเอาผิดม็อบ เอาผิดคนเห็นต่างทางการเมือง
แต่ทัศนะสังคมไทย ทัศนะของนักต่อต้านคอร์รัปชั่น ไม่เคยก้าวพ้นจากการเรียกร้องให้เข้มงวดเอาผิด โดยใช้ “ยาแรง” สนับสนุนการเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ “จัดระเบียบ” การรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง “หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก” รวมทั้งเพิ่มอำนาจเพิ่มเบี้ยเลี้ยงเพิ่มกลไกไล่ล่า ปปช.ปปท. อำนาจพิเศษ ศาลฎีกานักการเมือง ศาลทุจริต ฯลฯ
สมใจไหมล่ะ พนักงาน อบต.เอาเงินเข้ากระเป๋า 9 หมื่นกว่าบาท คุก 410 ปี อยากหัวเราะจนน้ำตาไหล (ด้วยความซาบซึ้งใจ)
โกงห้าบาทสิบบาทอย่าคิดว่าจะรอดพ้นความยุติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่โกงร้อยล้านพันล้าน ไม่รู้จับได้ไหม
ยกเว้นนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม-ซึ่งนักต่อต้านคอร์รัปชั่นไทยชี้นิ้วโทษนักการเมืองจากเลือกตั้งอยู่ร่ำไป ไม่เคยตระหนักว่า การส่งเสริมให้รัฐราชการมีอำนาจมาก คือดาบสองคมของคอร์รัปชั่น ทั้งเปิดช่องทุจริต ทั้งช่วยเหลืออุปถัมภ์กัน แต่ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้ามทำอะไรก็ผิด
ยิ่งเขียนกฎหมายให้เอาผิดได้จุกจิก ข้าราชการดีๆ ยิ่งไม่อยากเป็นกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ยกเว้นพวกเส้นใหญ่ หรือพวกรู้ลู่ทาง รู้วิธีประมูลโซลาร์เซลล์โดยไม่มีความผิด
รัฐไทยยังเก่งในการบ้าจี้ ตามกระแส พอมีดราม่าเรื่องบ่อนเรื่องแรงงานก็สั่งย้ายสั่งสอบ จะเอาผิดอย่างหนัก ฟอกเงินค้ามนุษย์ ฯลฯ แต่ชาวบ้านก็รู้ เต้นไปงั้น เดี๋ยวไม่กี่เดือนก็เข้าอีหรอบเดิม ที่ขู่เข้มงวดจัดระเบียบจึงไม่เคยได้ผล
อย่างไรก็ดี ก็ต้องชื่นชมประยุทธ์ กล้าพูดตรงๆ ว่าปราบบ่อนไม่ได้ พวกที่หนุนรัฐประหารเชื่ออำนาจเบ็ดเสร็จอกหักไปตามๆ กัน
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_5737224
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar