ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำ "ราษฎร" ประกาศเชิญชวนผู้ชุมนุมให้รื้อถอนต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมระบุว่า “จะห่มประชาธิปไตยด้วยผ้าสีแดง”
ชุมนุม 13 ก.พ. : มวลชน “ราษฎร” เขียนผ้าแดงเรียกร้องให้ยกเลิก ม. 112
แกนนำกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยและให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" ประกาศเชิญชวนผู้ชุมนุมให้เตรียมเข้าไปรื้อต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อน "ห่มประชาธิปไตยด้วยผ้าสีแดง" หลังเชิญชวนแนวร่วมระบายความในใจด้วยการเขียนข้อความบนผืนผ้าขนาดใหญ่
เสียงเคาะหม้อและกระทะดังขึ้นตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นสัญญาณว่าการชุมนุมเริ่มต้นขึ้นแล้วที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน ภายใต้ชื่อ "นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน"
หลังจากผู้ชุมนุมเริ่มทยอยลงสู่พื้นผิวจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านรถเครื่องขยายเสียงห้ามไม่ให้จัดกิจกรรม เพราะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ทั้งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ สร้างความไม่พอใจให้แก่แนวร่วมราษฎร โดยบางส่วนได้โห่ร้องขับไล่เจ้าหน้าที่และเคลื่อนไปประจันหน้ากัน จนเกิดความชุลมุนเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยอมถอยร่นออกไป ทำให้ผู้ชุมนุมเข้าจัดพื้นที่ปราศรัยผ่านรถบรรทุกได้ในที่สุด
ตลอดช่วงเย็น มีแนวร่วมสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ชี้ให้เห็นปัญหาในการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ กับผู้เห็นต่างทางการเมือง และเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำที่ถูกฝากขังอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ขณะที่ผู้ชุมนุมต่างสนใจร่วมกันเขียนข้อความระบายความในใจลงผืนผ้าสีแดงความยาวราว 30 เมตร อาทิ "ยกเลิก 112" "ชาติ = ประชาชน" "เผด็จการจงพินาศ" โดยนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำราษฎร เปิดเผยว่า จะห่มประชาธิปไตยด้วยผ้าสีแดง พร้อมย้ำว่าราษฎรต้องการปกปักษ์รักษาอนุสาวรีย์ด้วยการ "รื้อสิ่งแปลกปลอมออกไป เอาประชาธิปไตยคืนมา"
เวลา 17.25 น. นายภาณุพงศ์ขึ้นประกาศเชิญชวนประชาชนให้เข้าไปรื้อต้นไม้และดอกไม้รอบอนุสาวรีย์ เพราะ "อนุสาวรีย์ไม่ได้สวยด้วยดอกไม้ แต่สวยด้วยอุดมการณ์ที่นำประชาธิปไตยเข้ามาในไทย"
นอกจากนี้แอดมินเพจ "ราษฎร" ยังประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยว่า "เราจะรื้อต้นไม้ เอาผ้าแดงขึ้นปกคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับกับอำนาจเผด็จการและศักดินาอีกต่อไป"
การหวนคืนสู่ท้องถนนของผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรเกิดขึ้นหลังจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวและฝากขัง 4 แกนนำราษฎร ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ จากกรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.63 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar