การ์ดอย่าตกๆ ประชาชนไม่เคยการ์ดตก โควิดไม่ได้ระบาดจากม็อบ โควิดไม่ได้ระบาดจากคอนเสิร์ต โควิดไม่ได้ระบาดจากร้านอาหาร จากการใช้ชีวิตประจำวัน
โควิดระบาดจากขบวนการส่งผู้หญิงไทยไปค้าบริการประเทศเพื่อนบ้าน โควิดระบาดจากเครือข่ายค้ามนุษย์ ลักลอบนำเข้าแรงงาน โควิดระบาดจากบ่อน ที่ไม่รู้ส่งส่วยให้ใคร จนกลายเป็น “โกดัง”
แต่เมื่อมีสถานการณ์โรคระบาด ประชาชนก็จำเป็นต้องพึ่งอำนาจรัฐ จำกัดควบคุมการแพร่เชื้อ ประชาชนจำเป็นต้องยอมรับคำสั่งจำกัดสิทธิเสรีภาพ สร้างความลำบากในการทำมาหากิน เพื่อรอดพ้นสถานการณ์ไปด้วยกัน
กระนั้น รัฐล้มเหลวก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะมาเรียกร้องให้ประชาชน “รับผิดชอบส่วนรวม” หยุดเชื้อเพื่อชาติ กักตัวอยู่บ้าน ล็อกดาวน์ตัวเอง ฯลฯ ชาวบ้านจึงมีสิทธิด่าสวน ไม่ได้อยู่บ้านหลวงน้ำไฟฟรีมีเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งนี่หว่า ชาวบ้านมีสิทธิด่า “รัฐบาลเฮงซวย” ปล่อยปละละเลยจนร้ายแรง
เช่นกัน ถ้ารัฐออกมาตรการล้นเกิน หรือคลุมเครือ สร้างความลำบากเกินเหตุ อะไรๆ ก็จะเอาผิด เช่น ไม่โหลดแอพหมอชนะมีความผิด ติดคุก 2 ปีปรับ 4 หมื่น เดินทางข้ามเขตต้องไปแออัดที่อำเภอรอเจ้านายเซ็นอนุมัติรายวัน ฯลฯ
ถ้าอะไรนิดอะไรหน่อยโดนตำรวจจับ คนระยองคนเมืองจันท์ก็มีสิทธิบ่น “ไม่รู้ I Here ที่ไหนฮิ แ-กส่วยบ่อนพุงกางแล้วมาเข้มงวดเอาผิด Ku” แบบเดียวกับไม่จับบ่อนไม่เฝ้าชายแดน ยกทัพ ตชด.มาจับ WeVo ขายกุ้ง จับหมอบูรณ์ขอคืนเงินประกันสังคม โดยอ้างฉุกเฉินโควิด
อย่าอ้างเลยว่าคนทำผิดโดนย้ายแล้ว ทั้งผู้การผู้บัญชาการ โฆษกตำรวจโทษคนในองค์กรเกิดความโลภ ที่เหลือเป็นพระ? จะให้ประชาชนปลาบปลื้มน้ำตาไหล ปรบมือให้นครบาลไล่จับบ่อนร้าง ไชโยให้ ตม.จับแรงงานต่างด้าว ทั้งที่สมุทรสาครมีเป็นแสนๆ ไม่รู้ไม่เห็น
คำสั่งที่ออกมาบังคับคน 5 จังหวัดจึงมีทั้งจริงและหลอก คำสั่งจริงคือส่วนที่บังคับจับปรับประชาชน คำสั่งหลอกคือส่วนที่บอกให้ปราบบ่อนปราบค้าแรงงานเฉียบขาด เพราะอย่างมากก็จับแพะ
รัฐล้มเหลวยังใช้วิธีการเดิมๆ คือปลุกให้คนกลัว เพื่อให้ยอมรับอำนาจพิเศษ แล้วสถาปนาตัวกลับมาเป็นพระเอก ลุงปราบโควิดเก่งที่สุดในโลก
ทั้งที่โควิดรอบใหม่ แม้ระบาดเร็ว แต่ความรุนแรงน้อยลง แน่ละอย่าประมาท แต่ก็อย่าประสาทกิน จนลืมไปว่ามาตรการระเบิดภูเขาเผากระท่อมฆ่าไวรัสเป็นศูนย์ อย่างที่ใช้ในรอบแรก ทำให้โควิดไม่ได้กินแค่ปอด แต่ยังกินสร้อยแหวนเงินทองลามไปถึงบ้านรถ
วิธีคิดแบบรัฐประยุทธ์ ยังชี้นำให้ประชาชนโทษกันเอง อาศัยนิสัยคนไทยชอบแส่ เผือกเรื่องชาวบ้าน พอเปิดไทม์ไลน์ก็วิพากษ์วิจารณ์ “เที่ยวเก่ง” ตั้งแง่ว่าปกปิดอะไรไว้ กลายเป็นปัจเจกชนไม่มีวินัย ทำให้เดือดร้อนส่วนรวม รัฐที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบ กลับลอยนวล
แบบผู้ว่าฯ ด่ากราด คนไปจากพื้นที่เสี่ยงเป็นตัวโรคระบาด ทำให้คนทั้งจังหวัดเดือดร้อน อ้าว แล้วรัฐห้ามเขาเดินทางหรือไร รัฐสนับสนุนให้คนเที่ยวปีใหม่อีกต่างหาก
รัฐลอยนวลโทษปัจเจกเป็นคนบาป โทษเจ้าหน้าที่เป็นไอ้ชั่ว (แต่จับใครไม่ได้สักราย) ตัวเองปกครองด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จมา 7 ปีไม่เคยผิดอะไร ที่บ้านเมืองเป็นอย่างนี้เพราะประชาชนไม่เชื่อฟัง ไม่อยู่ในโอวาท พอเกิดวิกฤตก็ใช้อำนาจเข้มงวด อ้างปกป้องคนส่วนใหญ่ต้องบังคับใช้กฎหมายกับคนส่วนน้อย
โดยใช้อำนาจล้นเกินแบบรัฐราชการ ออกคำสั่งโดยไม่ดูความเป็นจริงไม่รับผิดชอบ แบบคนชลบุรีต้องไปแออัดเพื่อขอใบเดินทาง ทั้งที่ข้ามไปทำงานปลวกแดงทุกวัน ผู้ว่าฯ บางจังหวัดก็สั่งใช้ใบตรวจโควิด ผลักภาระโดยไม่อำนวยความสะดวก
รัฐราชการล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ยึดครองอำนาจได้ด้วยการโทษนักการเมือง ทั้งที่ปัจจุบันกวาดต้อนนักการเมืองมาไว้ใต้อำนาจ อ้างตนโปร่งใส กวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายตั้งแต่รัฐประหารใหม่ๆ ผลเป็นอย่างไร ล้มเหลวสิ้นเชิง ทั้งนายบ่อน ผู้มีอิทธิพล คนขายแป้ง ล้วนเป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล พวกเป่านกหวีดปฏิรูปตำรวจ ไม่รู้หายหัวไปไหนหมด
รัฐเป็นใหญ่ยกตนเป็นบิดา เป็นญาติผู้ใหญ่ สั่งสอนอบรม โทษประชาชนไม่ดี ทั้งที่จริงไม่ใช่บิดา เพราะรู้ว่าออกคำสั่งให้ประชาชนลำบาก บิดาต้องรีบช่วย นี่กลับอ้างว่าไม่ล็อกดาวน์ เพราะกลัวต้องจ่ายชดเชย ทั้งที่ปิดกิจการไปแล้วมากมาย ฟิตเนส ร้านนวด สปา ผับบาร์ ฯลฯ ยังไม่ออกมาตรการมาช่วยอะไรเลย
นี่ไม่ใช่รัฐบิดา เป็นรัฐเจ้านาย รอคนให้ลำบากมากๆ ค่อยออกมาตรการแล้วทวงบุญคุณ
ไม่แปลกหรอกที่รัฐนี้จะถูกต่อต้าน ถูกวิจารณ์หนัก คนไม่ยอมรับมาตรการ ตั้งข้อกังขาการจัดซื้อวัคซีน และการจัดลำดับ ใครได้ฉีดก่อนหลัง มีอภิสิทธิ์หรือไม่
โควิดจางเมื่อไหร่ไว้คอยดูกัน พวกดันทุรังปกป้องรัฐบาลจะยังเสียงดังแค่ไหน
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/newspaper-column/news_5691044
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar