fredag 30 september 2022
Russia's invasion of Ukraine: Andersson on Putin's new move: A pure farce
ปัญญาคืออาวุธ..ติดอาวุธทางปัญญาพัฒนายกระดับแนวคิด
ความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างรัฐ และ สังคม-เศรษฐกิจไทย ในภาพสไลด์เดียว
ภาพสไลด์นี้เป็นส่วนหนึ่งที่ผมเตรียมไว้พูดวันเสาร์ เอามาแจก เผื่อใครสนใจและมีประโยชน์ ทั้งสองอันนี้เหมือนกันหมดทุกอย่าง ยกเว้นจุดเดียว (คงดูออกไม่ยาก) ทำเผื่อเป็นสองอัน สำหรับใครที่คิดจะเก็บ แล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะเก็บอันหนึ่ง ทั้งสไลด์ไม่น่าจะมีอะไรผิดกฎหมาย เป็นการสรุปเชิงวิชาการธรรมดา ยกเว้นตรงจุดที่ต่างกันระหว่างสองอัน อันหนึ่งอาจจะมีความเสี่ยง
เนื้อหาส่วนมากของสไลด์คงดูเข้าใจได้เลย ไม่ต้องอธิบาย แต่มีประเด็นสำคัญ 2 ประเด็นที่ขออธิบายสั้นๆ ดังนี้
#ประเด็นที่หนึ่ง ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม-เศรษฐกิจไทย
ถ้าบังเอิญใครได้เรียนหนังสือกับผมตั้งแต่ผมเริ่มสอนเมื่อ 20 กว่าปีก่อน อาจจะพอจำได้ว่า ผมแบ่งความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างสังคม-เศรษฐกิจไทย ออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ แทนด้วย "ช่อง-แท่งสี" ตามแนวตั้งในภาพ 3 ช่อง-แท่งสี คือ
- "ยุคชาตินิยม-รัฐนิยม" (สีชมพู) จาก 2475 ถึง 2501,
- "ยุคพัฒนา" (สีเขียว) จาก 2501 ถึงปลายทศวรรษ 2520 และ
- "ยุคความเป็นประเทศอุสาหกรรมใหม่" (สีม่วง) จากปลายทศวรรษ 2520 มาถึงปัจจุบัน
วิธีแบ่งเช่นนี้ และการให้ความสำคัญกับช่วงหลังสุด เป็นอะไรที่ไม่รับความสนใจในหมู่นักวิชาการ "ทวนกระแส" จนกระทั่งไม่กี่ปีนี้เอง ก่อนหน้านั้น นับสิบๆปี นักวิชาการส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสังคมยุคสฤษดิ์ ("ยุคพัฒนา" ในสไลด์ของผม) เป็นหลัก และทางการเมืองคือให้ความสำคัญกับ 14 ตุลา - ตั้งแต่เริ่มสอนประวัติศาสตร์ไทย เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมก็เห็นว่า ที่สำคัญจริงๆคือ ความเปลี่ยนแปลงช่วงปลายทศวรรษ 2520 และเหตุการณ์ 17 พฤษภา
เพิ่งไม่กี่ปีนี้ ภายใต้ผลสะเทือนทางการเมืองของวิกฤติ พูดง่ายๆคือ นักวิชาการหันมาเห็นอกเห็นใจเสื้อแดงมากขึ้น แล้วเลยเริ่ม "มองเห็น" (จริงๆคือการ "สร้าง" หรือ construct ทางวิชาการ) กลุ่มคนที่เรียกกันว่า "ชนชั้นกลางระดับล่าง" แล้วก็เลยมาให้ความสำคัญกับช่วงปลายทศวรรษ 2520 ที่ว่ากันว่าเริ่มทำให้เกิดกลุ่มดังกล่าวขึ้น (แต่เรื่อง 14 ตุลา ยังคง "ติด" กันอยู่)
ความจริง ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญมากที่ผมเสนอ แต่ไม่สามารถแสดงให้เห็นในสไลด์นี้ได้ (เพราะพื้นที่ไม่พอ) คือ การปรากฏตัวหรือ "เกิด" ขึ้นเป็นครั้่งแรกของสิ่งที่เราอาจจะเรียกว่า "สังคม(ที่เป็นเอกภาพของ)ไทย" สำหรับผม จนถึงประมาณปลายทศวรรษ 2520 ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "สังคมไทย" ในความหมายสังคมที่มีลักษณะเอกภาพ (สมาชิกสังคม จะมากจะน้อยมองว่า ทุกคนเป็น "คนไทย" ด้วยกัน) เพราะยังมีการ "แบ่งงาน-สังคมวัฒนธรรม ตามลักษณะเชื้อชาติ" (ethic division of labor) อยู่ ที่สำคัญคือมีการมองคนลูกหลานจีน เป็น "เจ๊ก" (ที่ไม่ใช่ไทยเสียทีเดียว) อยู่
ในความเห็นผม ความเปลี่ยนแปลงจากปลายทศวรรษ 2520 เป็นต้นมานี้ มีความสำคัญอย่างมหาศาล ซึ่งไม่สามารถอธิบายละเอียดในที่นี้ได้ แต่กล่าวอย่างสั้นๆ คือการทำให้มี "สังคมไทย" เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก (ดังที่เพิ่งกล่าว) ซึ่งมีชนชั้นกลางในเมืองที่เป็นเชื้อสายหรือลูกหลานคนจีน กลายมาเป็นชนชั้นนำ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรม (ด้านสุดท้ายนี้แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมชัดๆ คือ การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ "ความสวย" ของผู้หญิง ไม่ว่าในหมู่ดารา ผู้เข้าประกวดนางงาม ไปถึง "ความสวย" ของผู้หญิงในพื้นที่สาธารณะทั่วไป จากแบบ "หน้าตาไทยๆ" (นึกถึงเพชรา หรืออรัญญา) มาเป็น "หน้าหมวยๆ" อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้)
ชนชั้นกลางในเมืองลูกหลานจีนที่ว่านี้ คือ "ฐานทางสังคม" ของการสถปานาอำนาจนำของในหลวงภูมิพล (ก่อนหน้านั้น "ฐานมวลชน" สำคัญของสถาบันกษัตริย์คือคนในชนบท-ต่างจังหวัด)......
#ประเด็นที่สอง ความเปลี่ยนแปลงเรื่องรัฐ และความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบของรัฐ
จากทศวรรษ 2510 รัฐไทยประกอบด้วยองค์ประกอบใหญ่ๆ 3 องค์ประกอบ คือ สถาบันกษัตริย์, กองทัพ และนักการเมืองเลือกตั้ง (แทนด้วยเส้นสีน้ำเงิน, เขียว และเทา ในภาพสไลด์)
ควบคู่และเป็นผลสะเทือนจากความเปลี่ยนแปลงเชิงสังคม-เศรษฐกิจในปลายทศวรรษ 2520 ที่เพิ่งกล่าว ข้อเสนอพื้นฐานของผมคือ มีการเกิด "รัฐ(ที่เป็นเอกภาพของ)ไทย" เป็นครั้งแรก โดยจุดแบ่งที่สำคัญคือเหตุการณ์ พฤษภาคม 2535
ก่อนจะถึงจุดนั้น องค์ประกอบสามส่วนของรัฐ มีลักษณะไม่เป็นเอกภาพ แข่งขัน คานอำนาจกัน โดยเฉพาะในช่วงจากปลายทศวรรษ 2510 (เหตุการณ์ 6 ตุลา) เป็นต้นมา จนเกือบตลอดทศวรรษ 2520 แทนในภาพสไลด์ด้วยการที่เส้นสีทั้่งสาม สลับฟันปลากัน - สมัยผมสอนหนังสือ จนก่อนรัฐประหารคร้้งหลัง ช่วงนี้ ผมจะเขียนอีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นการทำใหม่ให้ชัดเจนขึ้น
สถาบันกษัตริย์ จนถึงกลางทศวรรษ 2530 มีสถานะเป็นเพียง "กลุ่ม" หรือ clique หนึ่งในบรรดา "กลุ่ม" หรือ cliques ต่างๆ จากกลางทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา รัฐที่มีลักษณะเอกภาพจึงเกิดขึ้น ภายใต้อำนาจนำของสถาบันกษัตริย์ (ของในหลวงภูมิพล) นับจากเหตุการณ์พฤษภาคม (ไม่ใช่ 14 ตุลา ตามที่นักวิชาการเกือบทุกคนยังเชื่อกันอยู่) - ผมเคยใช้ประโยคว่า กษัตริย์เปลี่ยน from head of the ruling cliques to head of the ruling class (จากหัวหน้ากลุ่มปกครอง เป็นหัวหน้าชนชั้นปกครอง)
เกิดปรากฏการณ์ที่ผมเรียกว่า mass monarchy หรือสถาบันกษัตริย์มวลชน - เป็นครั้งแรกที่สถาบันกษัตริย์มี "ฐานมวลชน" แท้จริงเกิดขึ้น คือชนชั้นกลางในเมืองที่เป็นลูกหลานจีน ที่พร้อมใจ "อย่างเป็นไปเอง" (spontaneous ไม่ใช่ state-organized หรือรัฐจัดตั้งอย่างเดียวแบบแต่ก่อน) "สร้าง" สถาบันกษัตริย์ ให้เป็น "เอกลักษณ์" ของพวกตน เพราะลูกหลานจีนเหล่านี้ ห่างไกลรากฐานความเป็นจีนเกินไปกว่าที่จะใช้เป็นเอกลักษณ์ของตน ... พูดอย่างสั้นๆคือ สถาบันกษัตริย์กลายเป็น substitute national identity และ substitute nationalism หรือ เอกลักษณ์ความเป็นชาติ/ชาตินิยมทดแทนของพวกเขา หรือเอาเข้าจริง เป็น substitute religion หรือศาสนาทดแทนด้วย (เพราะศาสนาพุทธในไทยไม่เคยมีความเข้มแข็งแท้จริง โดยเฉพาะสำหรับลูกหลานคนจีนเหล่านี้)
รัฐเอกภาพที่เกิดขึ้น อยู่ภายใต้การนำทางการเมืองของนักการเมือง (การเมืองเลือกตั้งนำกองทัพเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์) แต่อยู่ภายใต้การนำทางวัฒนธรรม-สังคมของสถาบันกษัตริย์ (แทนที่ในสไลด์ด้วยการที่เส้นสีน้ำเงินอยู่บนสุด ตามด้วยเส้นสีเทา และเส้นสีเขียวอยู่ล่างสุด และทั้งหมด แนบชิดกันเป็นเอกภาพ)
วิกฤติครั้งนี้ ถ้าจะสรุปแบบฟันธงรวบยอด มาจากการแตกของเอกภาพนี้ คือการปะทะครั้งใหญ่ระหว่างการนำทางการเมืองการบริหารของนักการเมือง กับการนำทางวัฒนธรรม-สังคม ของสถาบันกษัตริย์
เรื่องพวกนี้ แน่นอนว่า ไม่สามารถอธิบายในสไลด์ หรือในที่นี้ โดยละเอียดได้...
22 มิถุนายน 2017
ปารีส
Interesting that in the background
ใบตองแห้ง: เลือกตั้งไม่พอ
มองบนมองล่าง ตั้งแต่คดีโรงพักร้างถึงคดีแตงโม เราเห็นอะไร
เห็นความไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อถือต่อระบบกฎหมาย ต่อความยุติธรรม ตั้งแต่คดีสำคัญทางการเมือง จนกระทั่งคดีดาราดราม่า ที่คนติดตามกันทุกบ้าน
โรงพักร้าง 396 แห่ง รัฐเสียหาย 5 พันกว่าล้าน ไม่เจอคนทุจริต ไม่มีคนติดคุก เป็นไปได้ไง แต่เป็นไปแล้ว ขณะที่ ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คุก 16 เดือนไม่รอลงอาญา ค
คดีโรงพักร้างเป็นไปได้ว่า ป.ป.ช. สำนวนอ่อน ขนาดอัยการไม่สั่งฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ เลยเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยต่อความเสียหาย (ซึ่ง ป.ป.ช.ก็ไม่ยักตามสอบเรื่องฮั้วประมูลที่ DSI ทำไว้) คนอดเปรียบเทียบไม่ได้ กับยิ่งลักษณ์ คุก 5 ปี ฐานปล่อยปละละเลยคดีทุจริตระบายข้าว
เสียบบัตรแทนกัน ผิดแหง แต่ร้ายแรงแค่ไหน เพราะไม่ได้เปลี่ยนเจตนาเจ้าของบัตรไม่เปลี่ยนผลโหวต น่าจะเหมือนแค่นักเรียนผิดวินัย นั่นคือประเด็นถกเถียงกัน
ความไม่เชื่อมั่นยุติธรรมที่ทับถม จะมีผลรุนแรงต่อการเมืองที่กำลังจะเลือกตั้งใหม่ ภายใต้กติกาพิเรนทร์ 180 วันอันตราย ส.ส. พรรคการเมือง ช่วยเหลือประชาชนไม่ได้ ช่วยงานศพงานแต่งไม่ได้ แต่รัฐมนตรีเอางบประมาณลงพื้นที่ได้ โฆษณาผลงานได้
ความไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อถือ กกต. จะส่งผลร้ายต่อการเลือกตั้งที่หวังว่าจะแก้ปัญหาประเทศ แก้ปัญหาการเมืองเศรษฐกิจ เพราะ กกต.มีอำนาจจับผิด จนเปลี่ยนผลการเลือกตั้งของประชาชนได้ ตั้งแต่แจกใบเหลืองใบแดง ด้วยเรื่องมโนสาเร่ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ผิด ไปจนส่งศาลยุบพรรคตัดสิทธิ ทำให้ ส.ส.หายหลายสิบคน อย่างยุบพรรคอนาคตใหม่จนเปลี่ยนเสียงคู่คี่สูสีระหว่างฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล
เรื่องตลกทั้งทางกฎหมาย ทางจริยธรรม คือองค์กรอิสระเอาเป็นเอาตายกับ ส.ส. พรรคการเมือง ตั้งมาตรฐานสะอาดบริสุทธิ์ แต่ไปยุบพรรคอนาคตใหม่ซึ่งทุกคนยอมรับว่าหาเสียงแบบใหม่ ทำการเมืองใหม่ ไม่ใช้เงินไม่ใช้ระบบอุปถัมภ์ ยุบแล้วเกิด การดูด ส.ส. ดูดด้วยอะไรก็รู้กัน
การเลือกตั้ง 62 กกต.ตกต่ำย่ำแย่ เพราะบริหารไม่เป็น เลือกตั้งล่วงหน้าเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร นับคะแนน สับสนไปหมดจนโดนมองว่าโกง โดนเข้าชื่อไล่ มากที่สุดในประวัติศาสตร์ Change.org ประเทศไทย เลยไม่กล้าแจกใบเหลืองใบแดง แต่ครั้งหน้าเป็นไปได้ว่า กกต.จะสวมบทศักดิ์สิทธิ์ เคร่งครัด เหมือนทำกับเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ผลเลือกตั้งวิบัติกันไปใหญ่
กติกาการเมืองตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 ตั้งขึ้นบนความเชื่อของคนชั้นกลางในเมือง ว่านักการเมืองเลว (แบบยี้ห้อยร้อยยี่สิบ) ต้องเขียนกฎหมายยาแรง ให้อำนาจองค์กรเทวดา เช่น กกต. 5 คน 7 คน แจกใบเหลืองใบแดง เปลี่ยนผลเลือกตั้งจากคะแนนนิยมของประชาชน ให้อำนาจ ป.ป.ช.กล่าวหานักการเมือง ส่งฟ้องศาลฎีกา ชั้นเดียวเบ็ดเสร็จ โดยพลิกระบบยุติธรรม ให้ศาลยึดตาม ป.ป.ช.ว่าจำเลยผิดไว้ก่อน จำเลยต้องแก้ต่างให้ตัวเองพ้นมลทิน ไม่งั้นติดคุก
รัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560 ยิ่งกลายเป็นเครื่องมือของ เครือข่ายอำนาจอนุรักษนิยม ที่มุ่งเล่นงานนักการเมือง ส่งคนไป “ล่อซื้อ” กรรรมการบริหารพรรค แจกใบแดง ผิดคนเดียวยุบ ทั้งพรรค เปลี่ยนรัฐบาล จนเกิดการลุกฮือนองเลือด รัฐประหาร 2557 จึงต้องอยู่ยาวและสืบทอดอำนาจ กระทั่งสร้างศัตรูใหม่ คือจากทักษิณเสื้อแดงเพื่อไทย ก็เกิดอนาคตใหม่คนรุ่นใหม่ ทะลุเพดาน
โครงสร้างกลไกเช่นนี้ จะทำให้ประเทศไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการเลือกตั้ง เพราะองค์กรอิสระทั้ง กกต. ป.ป.ช. มีไว้จ้องจับผิดนักการเมืองจากเลือกตั้ง ด้วยมาตรฐานที่ค้านสายตาประชาชน เช่นถวายเงินพระสองพันแจกใบส้ม แต่ชาวบ้านรู้กันทั้งประเทศว่าซื้อเสียงโจ๋งครึ่มจับไม่ได้ นักการเมืองติดคุก ส่วนใหญ่ไม่ได้เจอเส้นทางการเงิน แต่เอาผิดด้วยการเล่นแง่กฎหมาย เช่นตีความ 157 ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พวกเขี้ยวลากก็รอดไป
นักการเมืองชนะเลือกตั้งก็เปลี่ยนโครงสร้างเหล่านี้ ไม่ได้มีแต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ขณะที่อำนาจรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วตั้ง สนช. กรธ. 250 ส.ว. ส่งคนเข้าไปนั่งในองค์กรอิสระ นี่คือเสาหลักปักรากอยุติธรรม
โครงสร้างที่รัฐประหาร 2 ครั้งวางไว้ แก้ไม่ได้ด้วยการ เลือกตั้ง การเลือกตั้งเป็นเพียงแสดงพลังที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คงถูกขัดขวางทุกวิถีทาง จากรัฐราชการองค์กรอิสระที่ต้องการคุมอำนาจไว้ในมือ
เลือกตั้งไม่พอ ต้องลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกันในวันเลือกตั้ง ซึ่งแม้ยังไม่สามารถแก้ไขทันที ก็มีผลเท่ากับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ “ฉีกรัฐธรรมนูญรัฐประหาร 2560” ให้เป็นเพียงรัฐธรรมนูญที่ใช้ชั่วคราวก่อนยกร่างฉบับประชาชน
เลือกตั้งไม่ใช่เลือกรัฐบาลใหม่แล้วจบ เลือกตั้งคือ การแสดงพลังเพื่อเปลี่ยนประเทศ
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_7282225
The gas leaks on Nord Stream 1 and 2 Nord Stream gas leaks – 5 points
Russian invasion :Ukraine applies for membership in NATO
Of:
Oskar Forsberg
Nora Fernstedt
Published: Less than 40 min ago
Updated: Less than 10 min ago
NEWS
Ukraine quickly applies for membership in NATO.
This is stated by President Volodymyr Zelensky on Telegram.
President Zelenskyy says that the application goes hand in hand with "our values to protect our society".
- We are taking the decisive step of signing Ukraine's application for urgent accession to NATO.
According to him, Ukraine, "de facto", is already part of the alliance.
- We trust each other, we help each other and protect each other.
The announcement comes only shortly after Russia and Vladimir Putin annexed four occupied regions of Ukraine.
Putin: Ready to negotiate with the West
Of:
Oskar Forsberg
Joachim Kerpner
Published: Less than 3 hours ago
Updated: Less than 1 hour ago
NEWS
In a speech today, Vladimir Putin declared four Ukrainian territories Russian.
This after conducting mock polls.
The Russian president also said he is ready to "negotiate with the West".
Russian President Vladimir Putin is currently giving a speech in the Kremlin about the four regions in Ukraine where fake elections were held.
It is about Luhansk, Donetsk, Kherson and Zaporizhzhya.
He now formally declares the regions as Russian and says that the inhabitants of the regions have "made their choice".
- It is a clear choice. Today we are signing the agreements to include these areas in the Russian Federation. This is the will of millions of people, says the Russian president.
Ready to negotiate
Russia has forced referendums in the regions where residents have been asked if they want to belong to Russia.
The outside world has not recognized the votes, as they were forced.
Vladimir Putin also said in his speech that he is now ready for negotiations with the West.
- We call on the Kyiv regime to immediately stop fighting. Ending the war unleashed by the Kyiv regime in 2014 and returning to the negotiating table.We are ready for it. But we will not discuss the people's elections in Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhya and Kherson. They have made their decisions. Russia will not betray them, Putin said.
The annexation of the four territories is against international law and a number of Western powers have announced that they will not under any circumstances recognize the territories as Russian.
The Swedish Foreign Ministry tweeted
The procedure was kicked off with a formal step late Thursday night, when Vladimir Putin signed a decree in which Russia recognizes the Ukrainian regions of Kherson and Zaporizhzhia as independent territories. In February, similar decisions were made for the Luhansk and Donetsk regions.
This is reported by TT.
Ukrainian President Volodymyr Zelenskyi is said to have called a crisis meeting with the country's National Security and Defense Council on Friday.
Sweden's foreign minister Ann Linde tweeted during the afternoon about the annexation.
"Sweden will never recognize Russia's illegal annexation, regardless of whether it is Crimea or Donetsk, Kherson, Luhansk and Zaporizhzhya," she writes.
The State Department also tweeted. "Crimea is Ukraine. Donetsk is Ukraine. Kherson is Ukraine. Luhansk is Ukraine. Zaporizhzhya is Ukraine”
สงครามตัวแทน - วิกฤตการเมืองโลก -วิกฤตการเมืองไทย
วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีลงนามผนวกดินแดนยูเครนเข้าเป็นของรัสเซียว่า ขณะนี้ "รัสเซียมี 4 ภูมิภาคใหม่" เกิดขึ้นแล้ว
1 tim ·
พล.อ. ประยุทธ์ ได้ไปต่อ.....คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยเสียงข้างมาก...ยังเป็นนายกฯ ไม่ครบ 8 ปี
1 ชม. ·
บีบีซีไทย - BBC Thai
51 m ·
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นับวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ ในวันที่ 6 เม.ย. 2560 ถือเป็นการยุติข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นในหมู่นักกฎหมายและนักการเมือง นั่นทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังมีอายุทางการเมืองเหลืออยู่อีกเกือบ 3 ปี