söndag 31 maj 2015

"พ่ายศึกใช่ว่าแพ้สงคราม" หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล สงครามประชาชนมันคือมหากาพย์ของทุกประเทศอยู่แล้ว การศึกต้องปะทุขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าระบอบอำมาตย์จะบรรลัยวายวอดไปต่อหน้าต่อตา ไม่ว่าจะกินเวลาเนิ่นนานเท่าใดก็ตาม


สงครามประชาชน นับหนึ่งไปแล้ว


เรือด่วนไม่รอท่า วันเวลาไม่คอยใคร อำนาจวาสนาไม่เคยอยู่นาน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป พรก.ฉุกเฉินมันก็แค่ฉาบฉวย ออกมาคุ้มกบาลโจรได้ไม่นานก็ต้องจากไป ความจริงเท่านั้นที่เป็นสิ่งไม่ตาย ต่อให้มุบมิบปกปิดกันยังไง เมื่อถึงเวลาย่อมต้องแดงโร่ออกมาจนได้

ไอ้อีที่ก่อกรรมทำเข็ญกับเพื่อนร่วมชาติเอาไว้ จึงรุ่มร้อนทรมานทุรนทุราย ราวกับตกอยู่ในอเวจีมหานรก ยังไม่ปาน

เพราะเหตุนี้ ในระหว่างที่พรก.ฉกฉวย ยังคุ้มกะลาหัว ให้ทำการฉ้อฉลโดยถูกต้องตามกฎหมาย ศูนย์อำนวยความฉิบหาย จึงกุลีกุจอล้างขี้ให้รัฐบาลโจรอย่างฉุกละหุก เพราะคิดโดยไม่ต้องใช้สมองว่า ถ้าทอดเวลาให้เนิ่นนานออกไป กับเร่งระดมใบบัวมาให้ได้มากพอ

จะสามารถปิดช้างตายทั้งตัวได้มิด ไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นคาวฉาวโฉ่ไปทั่วบ้านทั่วเมือง รวมทั้งทั่วโลกอีกต่างหาก

ในระหว่างนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวประชาชน คนแล้วคนเล่าถูกคร่าตัวไปเข้าคุก โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อหา ศพแล้วศพเล่าถูกเพิ่มเข้าในบัญชีคนตาย ภายใต้เงื้อมมือทรราช โดยไม่ใครคิดที่จะจับมือใครดม

ภาพที่ออกมาในสายตาปุถุชน ที่มีความเป็นมนุษย์อยู่ในระดับปกติธรรมดา มันเลยดูไม่จืด เหมือนเห็นฝูงหมาป่าที่กำลังรุมขย้ำลูกแกะอย่างเมามัน ดูราวกับว่า เสื้อแดงที่เคยแรงฤทธิ์จะถูกฉีกเป็นริ้วๆ เพื่อให้สาแก่ใจจอมบงการ ที่สุมไฟแค้นไว้แน่นอก รอวันสะสาง ที่เพิ่งจะมาถึงในวันนี้

ผ่านไปกว่าสองเดือน หลังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ "พฤษภามหาอำมหิต" ในขณะที่ "คืนนรกในวันปทุมฯ" ยังตามหลอนจอมบงการอยู่ไม่เลิก แต่ปฏิบัติการไล่ล่าท้านรกผู้เห็นต่างทางการเมือง ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลง แม้แต่น้อยนิด

ทำราวกับว่า ถ้าถูกรุกไล่จนไม่มีที่ยืนแล้ว เสื้อแดงจะอันตรธานหายวับไปจากโลกนี้ ไม่มีใครอยู่ให้ขวางหูขวางตา ท่านผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริง ที่กำลังนี้ประสาทหูมันด้านชา จนไม่ได้ยินแม้เสียงแมลงหวี่แมลงวัน ที่กู่ตะโกนประสานเสียงจนคอแทบแตกว่า...

อย่าให้พวกกูหาที่ยืนเอง..แล้วมึงจะหนาว

กับสถิติอย่างเป็นทางการ ตายร่วมร้อยกับบาดเจ็บร่วมสองพัน ไม่มีใครสงสัยว่า มาร์คชั่วพอสำหรับมหกรรมอำมหิตระดับนี้หรือไม่ แต่ทุกคนข้องใจว่ามันเอาน้ำอิ๊วมาจากไหน กับงานระดับมาสเตอร์พีซ ที่ต้องอาศัยอำนาจบงการครอบคลุมทุกองคาพยพ ทั้งกองทัพ สารพัดสื่อ องค์กรอิสระ และนักวิชาการ จิปาถะ

ให้ออกลิงออกค่างไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีการแตกแถวแม้แต่หน่อเดียว

จึงช่วยไม่ได้ที่สายตาทุกคู่จะจับจ้องเพ่งเล็งไปที่ฉากหลังอันชินตา ซึ่งใครๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่ฉากลิเกโหลๆอีกต่อไป เหตุเพราะภาพลางๆหลังฉากนั้น ที่นับวันจะชัดเจนจนมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปทุกรูขุมขน กับเงาร่างทะมึนซึ่งมันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...ไอ้ปื๊ด

หายไปกับสายลม หลังจากปฏิบัติการยิงผ่ากะโหลกจ่ายิ้ม วันนี้ไอ้ปื๊ดกลับมาในมาดใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม อย่างเทียบกันไม่ติด ทั้ง "โหด เลว ดี" มีครบเครื่องอยู่ในตัวคนเดียวกัน เมื่อประกอบกับบารมีที่มากมายล้นฟ้า จนทะลักนองไปทั่วทั้งจักรวาล

จึงช่วยไม่ได้ที่ไอ้ปื๊ดจะหน้ามืดตามัว จนหลงตัวลืมตีน นึกว่าตนเองเป็นเทวดาไปซะฉิบ

จากที่เคยกระมิดกระเมี้ยนนั่งชักใยอยู่หลังฉาก จึงกล้าๆออกมายืนแก้ผ้าอยู่หน้าฉาก โดยไม่รู้สึกเคอะเขินแม้แต่น้อยนิด ยิ่งหลังๆมานี่ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่ เมื่อขยันออกมาล่อเป้าให้มาร์คชกโชว์ เหมือนจะประกาศศักดาให้รู้เป็นนัยๆว่า ไอ้เด็กผีคนนี้มันสังกัดค่ายไหน

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มั่นใจว่าแน่จริง จงอย่าแหยมเป็นอันขาด

ถ้ายังข้องใจ ให้หันกลับไปชมผลงานที่เห็นจะๆ ประจักษ์กับตานับล้านคู่ ที่แม้แต่ตานฉ่วย ยังต้องหลบฉากชิดซ้าย กับปฏิบัติการอีแอบ หลบมุมซุ่มยิง แล้วออกมาตอแหลแก้ตัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอายสุนัข ด้วยคำพูดสั้นๆง่ายๆว่า..เปล่า..ใครจะทำไม

หลังปฏิบัติการโฉดจบลง ก็ได้เวลาเปิดแชมเปญฉลองอย่างเมามัน ทำราวกับว่าระบอบอำมาตย์ประสบกับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเท่ากับเติมปุ๋ยเร่งเชื้อให้กับขบวนการประชาธิปไตย ที่ยืนตายซากรอฟ้ารอฝนมานานกว่า 76 ปี

ประชาชนกำลังเรียนรู้ประชาธิปไตยอย่างก้าวกระโดด จากการลงมือปฏิบัติอย่างเข้มข้นในสนามจริง เจ็บจริง ตายจริง ไม่มีตัวแสดงแทน

แน่นอนว่า เมื่อเห็นสหายร่วมรบทอดร่างลงนอนจมกองเลือด เป็นใครจะไม่เจ็บแค้นจนอยากฉีกเนื้อศัตรูเป็นชิ้นๆ แต่ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้ มันก็ต้องกลืนเลือดเอาไว้ก่อน สิ่งที่ทำได้ และสมควรทำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ คือสลัดทิ้งความเจ็บปวด แล้วรีบลุกขึ้นมาสู้ใหม่

"พ่ายศึกใช่ว่าแพ้สงคราม" หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล สงครามประชาชนมันคือมหากาพย์ของทุกประเทศอยู่แล้ว การศึกต้องปะทุขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าระบอบอำมาตย์จะบรรลัยวายวอดไปต่อหน้าต่อตา ไม่ว่าจะกินเวลาเนิ่นนานเท่าใดก็ตาม

"ชัยชนะที่หอมหวาน ย่อมต้องแลกมาด้วยความพ่ายแพ้อันขมขื่น" ไม่ว่าประชาชนจะต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ แต่พล็อตเรื่องสุดท้ายได้เขียนเอาไว้ เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ยังไงระบอบอำมาตย์ ก็ต้องพินาศย่อยยับ อย่างไม่มีข้อแม้

มีหอกใช้หอก มีดาบใช้ดาบ มีซีดีใช้ซีดี มีแฟล็ชไดร์ใช้แฟล็ชไดร์ ก็อปมันไป เผยแพร่ให้มากที่สุด นั่นคือสงครามใต้ดิน ที่ประชาชนกำลังตอบโต้กับอำนาจรัฐ อย่างถึงพริกถึงขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โดยที่ฝ่ายอำมาตย์ไม่มีทางปกป้องตนเองได้ เพราะไม่มีใครโผล่มาให้ยิงอีกแล้ว

ทำเป็นเล่นไป ขนาดเด็ดดอกไม้ ยังสะเทือนถึงดวงดาว เพียงแค่ผีเสื้อขยับปีก ยังก่อเกิดพายุใหญ่ เจอมดตัวน้อยตัวนิดรุมสกรัม ช้างใหญ่ยังล้มทั้งยืนมาแล้ว นับประสาอะไร ถ้าประชาชนช่วยกันเซาะอิฐฐานราก คนละก้อนสองก้อน

กำแพงใหญ่จะไม่ถล่มทลายพังครืนลงมา ก็ให้มันรู้กันไป

แน่นอนว่า ชัยชนะที่แลกด้วยความสูญเสียจำนวนน้อย ย่อมต้องใช้เวลามาก แต่ถึงยังไงก็คงไม่นานจนเกินรอ เพราะมัจจุราชนั้น อยู่ข้างประชาชนเสมอ

สัญญาณชีพของจอมอสูรที่ขาดสะบั้น คือสัญญาณแห่งชัยชนะของประชาชนที่เริ่มขึ้น เมื่อทัพมารเข้าห้ำหั่นกันเอง เพื่อช่วงชิงอาญาสิทธิ์แห่งนรก นั่นคือเวลารอคอยของกองทัพมหาชน ที่เตรียมพร้อมเผด็จศึก

เมื่อเฮี่ยต่อเฮี่ยกัดกันจนบรรลัย...ประชาชนจักเป็นใหญ่ในแผ่นดิน



วโรทาห์: 29 ก.ค. 53

ยิ่งดิ้นยิ่งเสื่อม "อัปรีย์กินเมือง".พล่าม "ปรองดองๆๆ"...เมื่อเบื้องบนสิ้นมนตร์ขลังร่างกลายเป็น"หุ่นยนตร์"ไร้สมรรถภาพช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วแต่ใครจะเอาไปใช้ประโยชน์เข็นเข้าเข็นออกหลอกลวงประชาชนไปวันๆคงไม่ได้ผล วันนี้คือยุคไฮเทคโลกไร้พรหมแดนไม่ใช่วันนั้นยุคมืดในอดีตอีกต่อไป ประชาชนตื่นตัวติดตามข่าวสารทันต่อสถานการณ์ได้รับรู้ความจริง จึงเลิกงมงายหมดรักสิ้นศรัทธาในครอบครัว"หุ่นปั้นเทวดา" อยากรู้.จริงๆ.จุดจบสุดท้าย..จะจบลงกันยังไง..???.

ยิ่งดิ้นยิ่งเสื่อม

by วโรทาห์: 22 ส.ค. 53


เหิมเกริมเข้าขั้น ขนาดไปลากเอาพระนามเดิมของพระพุทธเจ้ามาล้อเล่นกันแล้ว เมื่อนกตะกรุมเฒ่าจอมสร้างภาพ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม โดดก๋าออกมายกก้นทรราช 100 ศพ ขึ้นชั้น"อภิสิทธัตถะ"เทียบเท่าพระพุทธเจ้า โดยไม่กลัวนรกจะกินกบาล

ถือเป็นปฏิบัติการ"เลีย"ที่สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติจริงๆ

ออกลายมาเลย ออกลายมาให้เห็นกันชัดๆ กับอีกหนึ่งสมุนเครือข่ายอำมาตย์ แผนกฝีพายเรือโจร ผู้ทำหน้าที่พายเรือให้โจรนั่ง ลงทุนขายศักดิ์ศรี ขายจิตวิญญาณ เพียงเพื่อแลกกับยศฐาบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สินเงินทอง

ที่รู้ทั้งรู้ว่า ไม่อาจใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายในนรกได้

เอาบรรดาขาโจ๋วัยเล่นขี้ มารับจ๊อบงานใหญ่ ผลที่ได้มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ แทนที่จะฉุดเหรตติ้งให้กระเตื้องขึ้นมาบ้าง มันกลับตาลปัตรปักหัวจมดิ่ง เสื่อมทรุดหนักข้อเข้าเนื้อไปกันใหญ่ ยิ่งออกฤทธิ์ออกเดชความเสื่อมยิ่งย่ามใจ เข้าย่ำยีบีฑาทำลายล้างระบอบโบราณพันปี อย่างไม่ปรานีปราศัย

ส่งผลให้คนแก่ใกล้ตาย ต้องไปยืนโบกมือหย็อยๆ อยู่ตามแยกหัวมุมถนน อย่างคนสิ้นหวัง

ถ้าจะบอกว่า "ยิ่งดิ้นยิ่งเสื่อม" ก็คงจะไม่ผิด

แต่อย่างว่า ตราบใดที่พวกมันยังไม่บรรลัยวอดวายไปคาตา ประชาชนก็คงต้องตุ๊มๆต่อมๆ สลับกับอาการปวดหัวใจจี๊ดๆ ที่ต้องทนเห็นอยู่ตำตา ว่ามันโกงกินกันมูมมามขนาดไหน ขณะที่มือหนึ่งถือปืนไล่ยิงเจ้าบ้าน อีกมือหนึ่งก็เก็บกวาดทรัพย์สินใส่ย่ามอย่างอุกอาจ

ปากที่อยู่ว่างๆ ก็พล่าม "ปรองดองๆๆ"..แหลเอาตัวรอดไปวันๆ

ที่น่าเจ็บใจคือ ดันมีกองเชียร์มืดบอดออกมาส่งเสียงเย้วๆ ยุส่งพวกโจรให้ปล้นบ้านตัวเอง เพราะสำคัญผิดคิดว่ากงจักรเป็นดอกบัว เข้าใจว่าทรัพย์ของตัว เป็นสมบัติมหาโจรไปซะฉิบ โจรมันปล้นญาติพี่น้องอยู่เหย็งๆ ดันส่งเสียงเชียร์มันตะบันราด เพียงเพราะหวังส่วนแบ่งที่กระเด็นมาให้ แค่เศษเนื้อข้างเขียง

สภาพอย่างนี้กระมัง ที่โบราณท่านเรียกว่า "อัปรีย์กินเมือง"

เรื่องราวทั้งหลายมันถึงได้วิปริตผิดเพี้ยนไปซะหมด กระเบื้องตันๆที่หนักอึ้งก็ดัน"เฟื่องฟูลอย" แต่ทีน้ำเต้าน้อยที่กลวงโบ๋กลับ"ถอยจม" นับประสาอะไร กระบวนการยุติธรรมจะไม่
เอียงกระเท่เร่ เป็นนกปีกด้วน แทนที่จะ"ยุติโดยธรรม" ก็กลายเป็น"ยุติความเป็นธรรม"ไปซะงั้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถูกแปรสภาพเป็นหน่วยเกสตาโป ออกไล่ล่าสังหารประชาชนคนเสื้อแดง อย่างเมามัน อยู่ๆตัวอธิบดีเอง ก็ออกมาสารภาพแทนผู้ต้องหาเป็นตุเป็นตะ ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่ได้พูดอะไรสักแอะ

แต่ทีเมียตัวออกมาสารภาพเองอย่างหมดเปลือกว่า แอบขายบริการพิเศษครั้งละแสนห้า ดันทำปากแข็ง ประกาศสู้ยิบตา

ยังไม่ต้องพูดถึงองค์กรอิสระ ที่เป็นอิสระจากประชาชน แต่ขึ้นตรงต่ออำมาตย์ ว่าจะออกลิงออกค่าง ซักขนาดไหน

จะเอาแบบเร่งเกมเร็วม้วนเดียวจบเหมือนคดีเสื้อแดง หรือจะเอาแบบลากเลื้อยเจ็ดชั่วโคตรอย่างคดีเสื้อเหลือง ก็ไม่มีปัญหา ตบได้สั่งได้แล้วแต่ใจอำมาตย์

คดีเสื้อแดงไม่ว่าหนักว่าเบา มันเอาเข้าคุกลูกเดียว แต่ทีพันธมิตรขับรถไล่บี้ตำรวจ ดันได้รับความปราณีเป็นพิเศษให้รอลงอาญา ฐานที่ทำไปเพราะ"บันดาลโทสะ"ที่ถูกตำรวจล่วงเกินก่อน ทั้งๆที่มีหลักฐานอยู่ทนโท่ว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เขาทำตามหน้าที่กันแท้ๆ

จะทำยังไงได้ ในเมื่อวันนี้มันเป็นทีของอำมาตย์ อยากทำอะไรก็คงต้องเชิญทำไปตามที่เห็นสมควร แต่อย่าให้วันไหนถึงทีพวกไพร่ก็แล้วกัน

ถ้าประชาชน"บรรดาลโทสะ"เมื่อไหร่..แล้วพวกมึงจะหนาว

สื่อสารมวลชน แทนที่จะเป็นกระบอกเสียงให้รากหญ้าผู้ด้อยโอกาส ดันไปรับใช้อำมาตย์ มาปิดหู ปิดตา ปิดปากประชาชน ข้ออ้างว่าทำไปเพราะเห็นแก่เงิน ก็"ฟังไม่ขึ้น" เพราะอาการระริกระรี้ กระดี๊กระด๊าให้ท่าอำมาตย์ มันฟ้องอยู่ในตัว

ถ้าจะยกระดับสื่อไทย ให้ขึ้นชั้นเทียบกับโสเภณี ก็คงเปรียบได้กับโสเภณีโดยสันดาน ผู้ถือคติประจำใจ "เงินย่อมไม่สำคัญไปกว่าความเสียว" ถ้าถูกใจใช่เลย รับรองบริการให้ฟรีไม่มีชาร์จ แถมจับพลัดจับผลู จะมีแอบติ๊ปให้ตาค้างอีกต่างหาก

ประเภทโสเภณีจำเป็น ถูกบังคับขายบริการนั้น มีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย นับยังไงก็คงไม่ครบสิบนิ้ว

ไม่ใช่สิ! ถ้าไล่เรียงกันดูจริงๆ ยังได้ไม่ถึงห้านิ้วด้วยซ้ำไป

จึงไม่แปลกที่ความตอแหลจะระบาดไปทั่วทุกวงการ ก็ขนาดคำว่า "ขอคืนพื้นที่" กับ "กระชับพื้นที่" ยังส่งให้จอมแหลอย่างมาร์ค 100 ศพ ขึ้นชั้นผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ตีคู่ไปกับพันธมิตรห่มเหลือง "มหา ว.สี่ตาพาซวย" ผู้ที่สามารถใช้ภาษาไทย เทศนาอย่างพลิกพลิ้ว ชนิดมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก

จาก"เป็นกลาง=เป็นก้าง" สมัยม็อบพันธมิตร มาถึง"เสียใจที่คนไทยเลือกข้าง" ในยุคม็อบเสื้อแดง เล่นเอาอุบาสกอุบาสิกาพากันตีหน้าเหวอ ว่านี่ "หลงพี่" จะเอายังไงกันแน่

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน วิกฤติอำมาตย์ในครั้งนี้ ก็ได้พิสูจน์คุณธรรมจอมปลอมของพวกอีแอบ ที่รวมหัวกันปลิ้นปล้อน หลอกลวง มอมเมาประชาชน อย่างเป็นขบวนการ จนส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ "ตาสว่างทั้งแผ่นดิน" อย่างไม่น่าเชื่อ

คนมันถึงคราวจะฉิบหาย ผีห่าซาตานเลยดลใจ ให้เดินดุ่มๆไปบนหนทางเสื่อม อย่างไม่มีอาการลังเลแม้แต่น้อย

เรื่องของเรื่อง ที่มันเลอะเทอะเละเทะอยู่ทุกวันนี้ ผู้สันทัดกรณีที่ไม่กล้าเปิดเผยนาม ท่านให้ทัศนะว่า เป็นเพราะเราดันทะลึ่ง "เลี้ยงงูไว้ในเรือ เลี้ยงเสือไว้นอกกรง" เลี้ยงไม่เลี้ยงเปล่า ดันผ่าไปบูชาเซ่นไหว้ ยกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ซะงั้น เรื่องมันถึงได้เลยเถิดลามปามไปกันใหญ่

อันธรรมดาคนเรา ถ้าฐานะพอมีอันจะกิน เกิดมีอาการครึ้มอกครึ้มใจ อยากเลี้ยงเสือไว้ในบ้านให้เป็นสง่าราศี มันก็เก๋ไปอีกแบบ แต่ถ้าจนกรอบเป็นข้าวเกรียบกุ้งแล้ว ยังอุตส่าห์กระเบียดกระเสียนค่าข้าวค่าน้ำ เอามาเลี้ยงเจ้าลายพาดกลอนนี่ มันก็เกินไปหน่อย

แล้วถ้าดันผ่าปล่อยให้เดินเพ่นพ่านอย่างกับเป็นเจ้าบ้านซะเอง ก็ยิ่งดูไม่จืด เสือแก่เติบใหญ่กลายเป็นเสือสมิง เที่ยวแอบจับคนในบ้านกินเป็นดินเนอร์มื้อใหญ่ โดยที่ไม่มีใครระแคะระคายมาหลายทศวรรษ แม้จะมีคนสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าจับอุ้งตีนมันดม

แค่เห็นเสือใหญ่ยิ้มยาก นั่งหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ ก็หนาวไปถึงกระดูกแล้ว

แสงสว่างเท่านั้น ที่จะทำลายเวทย์ไสยมนตร์ดำ ความจริงเท่านั้น ที่จะสยบความตอแหลให้อยู่หมัด

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่มันทำให้คนพูดความจริง ตายมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้นจึงต้องอาศัยหลวงตาชู ให้รับหน้าเสื่อเสี่ยงตาย พูดความจริงแต่เพียงผู้เดียว เพื่อที่พวกเราจะได้ก๊อปปี้แจกจ่ายกันไป ให้ทั่วบ้านทั่วเมือง

เพราะว่างานนี้ ยังไงก็ลากยาวข้ามภพข้ามชาติ ประชาชนสู้ยิบตาอยู่แล้ว

"มึงรู้หรือเปล่าว่ากำลังสู้กับใคร" ถ้าเป็นสมัยก่อน ได้ยินคำถามทำนองนี้ เป็นได้ถอดใจวิ่งป่าราบกันเป็นแถว แต่มาถึงวันนี้ หลัง 19 พฤษภาเลือด อันแสนขมขื่น สถานการณ์มันหล่อหลอมให้ใจคนเปลี่ยนไป กลายเป็นหนังคนละม้วน

หมูในอวยกลับกลายเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนขึ้นมาดื้อๆ จึงไม่แปลก ที่วันนี้คนถามจะมีโอกาสได้เจอสวนว่า

"ทำไมกูจะไม่รู้ว่ากำลังสู้กับใคร แต่ฝากมึงไปถามมันด้วยว่า มันรู้ไม๊ว่า กำลังสู้กับประชาชน แล้วถามมันด้วยว่า ไอ้อีหน้าไหนที่บังอาจสู้กับประชาชน จะลงเอยด้วยชะตากรรมแบบไหน แล้วคงไม่ต้องให้บอกว่า..."

"จุดจบสุดท้าย..พวกมันตายกันยังไง"

วโรทาห์: 22 ส.ค. 53

ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติประเทศไทยก็เหมือนเดิม เพราะ "ครอบครัวปีศาจ" กับ รัฐธรรมนูญโจร "

"ครอบครัวปีศาจ" กับ รัฐธรรมนูญโจร

เจ๊ขกภาคสองs foto.


โดย  แสงตะวัน
๖ พ.ค. ๕๘
ออก โชว์ตัวพร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญโจรเผด็จการ  ที่เขียนออกมาเพื่อใช้ปกป้องรักษาระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพลและครอบครัว   เป็นการกลบเกลื่อนข่าว  เรื่องราวการต่อต้านรัฐธรรมนูญโจร ทีให้พวกลูกสมุนขี้ข้ารับใช้เขียนขึ้นที่กำลังจะนำออกมาบังคับใช้กับประชาชน นั้น  เพื่อเป็นการให้การสนับสนุนและสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จ การโจรนี้ได้ผ่านมติ   หัวหน้าจอมเผด็จการมาเฟียครอบครัวลิเกลวงโลกจึงได้สร้างภาพเข็นกันออกมาทั้ง ครอบครัว   ทั้งๆที่ภาพที่เห็นก็คือหุ่นของคนที่ไร้วิญญาณหมดสภาพของความเป็นคนไปแล้ว นับเป็นการสร้างภาพหลอกลวงประชาชนชาวไทยและชาวโลกว่า ข้ายังไม่ตายยังมีชีวิตอยู่ ยังมีอำนาจอยู่ในมือ 
คำถามตามมา...ถ้ายังมีสติสัมปชัญญะดียังมีอำนาจอยู่จริง  ดังทีเห็นในภาพ แล้วทำไมไม่จัดการเรื่องปัญหาครอบครัวตัวเองให้มันเสร็จสิ้น   ว่าจะให้ใครขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๑๐ แทนตัวเอง ให้ลูกสาวหรือลูกชาย หรือไม่ยกให้ใครเลย  โดยใช้อำนาจที่มีจัดการให้มันเรียบร้อยไปเสียที ในช่วงเปลี่ยนผ่านปลายรัชสมัย ประเทศ ไทยจะได้ผ่านพ้นกลียุคไปเสียที ประชาชนจะได้ทำมาหากินไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องวุ่นวาย สังคมจะได้เดินก้าวหน้าไป  เพราะปัญหาเรื่องความวุ่นวายทั้งหลายแหล่ในประเทศเวลานี้   สาเหตุมาจากกษัตริย์ภูมิพลนั้นเองที่เป็นตัวปัญหาของความขัดแย้งของสังคมไทย ในเวลานี้  เพราะภูมิพลใช้วิธี “ แยกแล้วปกครอง “ ใช้มาตรา ๑๑๒ เป็นเครื่องมือจับกุมคุมขังประชาชนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์และราชวงค์
เพื่อ จะได้ไม่ต้องออกมาจัดฉากลิเกสร้างภาพหลอกลวงชาวไทยและชาวโลกเขาให้เสียเวลา อยู่ต่อไป ทั้งๆที่ตัวเองหมดสภาพความเป็นคนไปแล้ว พูดก็ไม่เป็นภาษาคน   คอตกยกไม่ขึ้น แขน ขาก็กระดุกกระดิกไม่ได้  อาหารการกินต้องผ่านสายยางจนทำให้ปากเบี้ยว ขับถ่ายต้องผ่านสายยาง  นอนรอวันตายนานๆครั้งก็จะให้คนเข็นออกมาโชว์ตัวเพื่อสร้างภาพหลอกชาวบ้าน เท่านั้น บ้านเมืองเดือดร้อน สังคมแตกแยก เศรษฐกิจล่มจม ประชาชนยากจน ถูกกดขี่ข่มเหงรังแก สังคมไม่มีกฎหมาย ประชาชนไม่มีที่พึ่ง ไม่มีหลักประกัน  ไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่มีประชาธิปไตย เป็นสังคมระบอบทาส ไร้อนาคต  อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการของกษัตริย์หุ่นผู้ไร้สมรรถภาพ  ที่มีจิตใจวิปริตโหดอำมหิตผิดมนุษย์ เห็นแก่ตัวที่สุด  โลภมากที่สุด  ได้ขูดรีดปล้นประเทศชาติ  ปล้นประชาชน ไม่ยอมลงจากบัลลังก์เลือดที่ตนเองได้มาจากการฆ่าพีชายของตนเอง ได้สร้างระบอบเผด็จการภูมิพลขึ้นมา โดยสนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจ ฆ่านักศึกษา  ฆ่าประชาชน เป็นจำนวนมากมายอย่างต่อเนื่องจนได้รับฉายาว่า “ ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง “ เป็นกษัตริย์ที่ไม่มีศิลธรรมไม่มีความละอายแก่ใจ เอาแต่ได้  ฉนั้น ภูมิพลควรจะลาออกจากการเป็นกษัตริย์เสียจะยกบัลลังก์ให้แก่ลูกสาวหรือลูกชาย ก็ว่าไป หรือจะยกให้พลเอกเปรมก็รีปจัดการให้มันเรียบร้อยก่อนที่จะมีการแย่งชิงราช บัลลังก์กันเหมือนกับในประวัติศาสตร์ของราชวงค์    " ทองด้วง "
๖๙ ปีภายใต้การปกครองของระบอบกษัตริย์ภูมิพล ประชาชนไทยจะตกอยู่ใต้ท็อปบูทของพวกเผด็จการทหารที่ภูมิพลให้การสนับสนุนมาโดยตลอด กษัตริย์ภูมิพลได้ใช้อำนาจควบคุมระบอบการปกครองรวมศูนย์อำนาจบริหารประเทศทุกอย่างไว้ในมือคนเดียว  ทั้ง กองทัพ ศาล พรรคการเมือง และมีหุ้นส่วนร่วมกับนายทุนเข้าครอบครองในกิจการของรัฐนำไปเป็นของส่วนตัว ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ล่มจม ประชาชน ชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน และเกษตรกร ต่างๆได้รับความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ขณะเดียวกันครอบครัวกษัตริย์เองมีชีวิตเสวยสุขอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย มีเงินทองทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาลที่ขูดรีด คดโกง รีดไถมาจากผลประโยชน์ของชาติและจากประชาชนในรูปแบบต่างๆกัน จนร่ำรวยกลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก แม้กระนั้นครอบครัวของกษัตริย์ยังได้รับเงินค่าเลี้ยงดูจากประชาชนอีกปีละ หมื่นเจ็ดพันล้านบาทไม่รวมเงินในรูปบริจาคต่างๆอีกด้วย
เมื่อกษัตริย์ภูมิพล ถูกประชาชนทั้งภายในและภายนอกประเทศรู้ทัน ถูกประนามต่อต้านให้เลิกล้มระบอบเผด็จการกษัตริย์   กษัตริย์ภูมิพลและครอบครัวพร้อมด้วยพวกขี้ข้าทาสรับใช้เหลือบไรที่เกาะกินอยู่กับระบอบกษัตริย์เผด็จการ  กลัวว่าตัวเองจะถูกโค่นล้ม และทำให้ระบอบเผด็จการกษัตริย์ต้องล่มสลายอยู่ไม่ได้ เพราะ ประชาชนไทยตื่นตัวหูตาสว่างเป็นจำนวนมากได้ออกมาเรียกร้อง ปฏิเสธไม่ยอมรับระบอบเผด็จการษัตริย์ภูมิพลและไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญโจรเผด็จ การของกษัตริย์และครอบครัวปีศาจอีกต่อไป เพราะถือว่าครอบครัวของกษัตริย์คือกาฝากของสังคมที่ทำนาบนหลังคน มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกดขี่ขูดรีดจากสังคม ไม่ได้ทำการผลิตให้กับสังคม   เพื่อต้องการรักษาอำนาจระบอบเผด็จการของตัวเองเอาไว้จึงสร้างภาพหาทางหลอก ลวงประชาชนชาวไทยและชาวโลกโดยเข็นหุ่นออกมาโชว์ประชาชน  เป็นการแสดงว่าข้ายังมีชีวิตอยู่
แต่ความจริงเวลาของระบอบกษัตริย์เผด็จการมันได้เสื่อมลงและศรัธาของประชาชนที่มีต่อกษัตริย์หมดไปแล้ว  ต่อ นี้ไปเป็นเวลายุคสมัยของ " ปวงชนพาไป " และยุคสมัยของพวกศักดินาเผด็จการได้เดินมาถึงจุดจบของมันแล้ว สังคมที่เก่าแก่หล้าหลังและเน่าเฟะย่อมสูญสิ้นสลายไปตามกาลเวลา   เกิดสังคมใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาแทนที่  ตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติสังคมของมนุษยชาติ   ไม่มีใครฝ่าฝืนได้จะอยากหรือไม่อยากสรรพสิ่งทุกอย่างมันก็ต้องวิวัฒนาการ เป็นไปเช่นนั้น ไม่ว่าจะเข็นหุ่นปั้นกันออกมาสักกี่ครั้งและเขียนรัฐธรรมนูญเผด็จการออกมา อีกกี่ฉบับมันก็ไม่สามารถหยุดวิวัฒนาการของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไปได้ เพราะมันเป็นการฝืนกฎธรรมชาติของประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ วันนี้ที่ครอบครัวกษัตริย์ภูมิพล จะทำได้ก็เพียงเล่นลิเกสร้างภาพยืดเวลา หลอกตัวเองแบบทุเรศไปวันๆต่อไปอีกแค่นั้นเอง เวลาของครอบครัวท่านมันหมดแล้ว  ต่างจากเวลาของประชาชนที่ยังเหลืออีกมากมาย .. ดังนั้นคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนเสีย แล้วครอบครัวของพวกท่านก็จะอยู่ต่อไปได้ จากอดีตจนถึงปัจจุบันถือว่า"ประเทศไทยช่างโชคร้ายที่มีภูมิพลเป็นกษัตริย์."

โดย เกล็ดแก้ว

"ประชาธิปไตยไม่ได้หล่นมาจากท้องฟ้า
มีแต่ประชาชนต้องลุกขึ้นสู้กอบกู้มา
จะนั่งรอประยุทธ์จันทร์โอชานั้นอย่าหวัง
ไม่มีที่ไหนในโลกที่พวกเผด็จการจะยอมลงจากบัลลังก์
เราชาวไทยทุกคนต้องรู้จักการจัดตั้ง
เพื่อโค่นล้มราชบัลลังก์เผด็จการให้ล่มสลาย
แล้วจึงจะได้สถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่
ให้กับประชาชนชาวไทยกันทั่วหน้า " ( นี้คือหนทางที่จะได้ประชาธิปไตย)
  

ข่าวในพระราชสำนัก...ในหลวง-ราชินี สเด็จกลับถึง รพ.ศิริราชแล้ว...

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ ๑๓


บีบีซีไทย - BBC Thai
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จยังโรงพยาบาลศิริราชเมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มายังโรงพยาบาลศิริราช
ทั้งนี้ ขบวนรถยนต์พระที่นั่งได้เคลื่อนมาถึงโรงพยาบาลศิริราช เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. โดยมีประชาชนเฝ้ารอรับเสด็จฯ ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช เป็นจำนวนมาก
...
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)


มติชนออนไลน์
ทรงพระเจริญ



ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ จากวังไกลกังวล กลับประทับโรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรที่เฝ้าฯ รับเสด็จฯ เปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้องวันที่ 31 พฤษภาคม 2558 เวลา 09.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ออกจากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประขวบคีรีขันธ์ กลับมาประทับที่โรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้ได้มีพสกนิกรที่ทราบข่าวเดินทางมาจับจองที่นั่งรอบบริเวณโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเฝ้ารอรับเสด็จฯ เป็นจำนวนมาก

เวลาประมาณ 12.30 น. รถยนต์พระที่นั่งได้เดินทางมาถึงโรงพยาบาลศิริราชท่ามกลางประชาชนต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง

ภาพจากทวิตเตอร์ @BeamNothing-ข่าวสด /ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไล
    



คลิกดูเพิ่ม-Visa översättning-matichononline 





ขุนเขาบอก : วิถีทาง ประชาธิปไตย ไกลเหลือเกิน.....




ขุนเขาบอก :

วิถีทาง ประชาธิปไตย ไกลเหลือเกิน.....

กะลาแลนด์ แผ่นดินนี้ มีเรื่องเล่า
เทพเจ้า เอากะลา มาครอบหัว
เดินไม่ได้ ไปไม่เป็น เห็นแต่ตัว
ตามืดมัว หัวเกรียนโกร๋น โดนกะลา(ครอบ)

ป่วยเหลือเกิน เดินตามหมา กะลาครอบ
ผิดเป็นชอบ กรอบกำหนด เป็นกฎหมา
ตราถ้อยคำ ทำมะนูน คุณขอมา
ครอบกะลา พาลงเหว เลี้ยวลงคลอง

คอรอมอ ไม่ต้องเสือก กูเลือกเอง
ชงกันเอง เบ่งกันไป ไม่เสียของ
ไม่ต้องถาม ทำตามกู เพื่อปรองดอง
กินขิงดอง แทนขิงแก่ แน่กะลา(แลนด์)

อัยการ กูไม่สึก ใครจะทำไม
สึกเมื่อไร ได้ฉิบอ๋าย ตายอย่างหมา
การท่องเที่ยว ไม่ต้องฝัน มันไม่มา(ฝรั่ง)
เรื่องการค้า อย่าได้หวัง นั่งตบยุง

มีไอ้บ้า สั่งฆ่าคน โดนฟ้องสาน
โทษประหาร สานไม่ฟ้อง กลัวของสูง
ปฏิวัติ กันทำไม (แค่)จับไม้พยุง
ป้ากับลุง ขุดหน่อไม้ ได้ตะราง

กะลาเอ๋ย กะลาแลนด์ แดนพิศวง
ยังเดินหลง เป็นวงกต หัวจดหาง
ประชาชน โดนโขกสับ ลับลวงพราง
วิถีทาง ประชาธิปไตย ไกลเหลือเกิน.....    

ขุนเขาจากแดนไกล
...................................................

By  Equality,

ประเทศทรงกะลาครอบ...

ตอนวัยเล็ก เด็กชอบขำ อำเพื่อนเล่น
ว่าไอ้เวร เถรยายชี ไอ้อีบ้า
เสือกไว้ผม เจียนหูรอบ ครอบกะลา
เพื่อนฝูงฮา ว่าใครตัด จัดให้มึง

แค่ทรงผม ก็สุดฮา แทบบ้าแล้ว
ดันเป็นแนว การปกครอง ของประเทศ
ครอบกะลา คลุมถุงชน ล้นขอบเขต
จนเป็นเหตุ เทศ-ไทยถุย ว่าทุยแลนด์

นั่นก็แหล นี่ก็แหล แย่ทุกเรื่อง
ดันคุยเขื่อง เฟื่องเฟ้อ เซ่อฉิบหาย
ทั้งหน้าด้าน หน้าทน คนไม่อาย
ชาติฉิบหาย วายชน ไม่สนใจ

ดีแต่จ้อ หลอหน้า บ้าคำพูด
I am good and great yes alright
คนไทยอด หมดเรี่ยวแรง ช่างแม่งไร
ให้ตูได้ ใหญ่คับฟ้า นำหน้าคน...ขอใหญ่ก่อน ประชาธิปไตยเอาไว้ทีหลัง 

โดย เกล็ดแก้ว

"ประชาธิปไตยไม่ได้หล่นมาจากท้องฟ้า
มีแต่ประชาชนต้องลุกขึ้นสู้กอบกู้มา
จะนั่งรอประยุทธ์จันทร์โอชานั้นอย่าหวัง
ไม่มีที่ไหนในโลกที่พวกเผด็จการจะยอมลงจากบัลลังก์
เราชาวไทยทุกคนต้องรู้จักการจัดตั้ง
เพื่อโค่นล้มราชบัลลังก์เผด็จการให้ล่มสลาย
แล้วจึงจะได้สถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่
ให้กับประชาชนชาวไทยกันทั่วหน้า " ( นี้คือหนทางที่จะได้ประชาธิปไตย)
  

“หยุดเสียที” อัปรีย์ชน....

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘
เมื่อแม่ทัพกลับพร้อมเข้าป้อมค่าย

เตรียมก่อกรรมทำร้ายมุ่งหมายขวัญ
เข้าวอร์รูมสีขาวอันพราวพรรณ
การประจัญหน้าไทยใกล้เข้ามา
ผู้มีบุญทำบาปควรทราบไว้
ว่าบาปนั้นจักใหญ่เป็นนักหนา
กุศลที่เคยชมสะสมมา
จะเสื่อมสิ้นซึ่งราคาค่านิยม
เพียงคอยรอรถจอดก็ถอดยศ
คนคอยจดก็จะจดบดผสม
เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ชาตินิยม
หวังโคลนตมเกิดประดุจเป็นพุทธา
แต่จะเกิดอัศจรรย์ตรงกันข้าม
บาปจะลามลุกใหญ่ในภายหน้า
เมื่อส่วนใหญ่ในประเทศเขตพารา
กล่าวเตือนว่า “หยุดเสียที” อัปรีย์ชน.

lördag 30 maj 2015

อัพเดท *การยึดอำนาจของวังมีสูตรมาตรฐาน* อ่าน. คิด ติดอาวุธทางปัญญา ตามทันเกมส์แก็งค์ "ระบอบภูมิพล" เพื่อร่วมกันปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกเป็นไท จำเป็นต้องยกระดับการรับรู้เรื่องราวความเป็นมาของ"วงจรอุบาทว์"ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีวันสิ้นสุด ต่อเนื่องกันมาเป็นลูกโซ่จากอดีตจนถึงปัจจุบัน จนทำให้สังคมไทยวันนี้กลายเป็นสังคมทาสยุคใหม่ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชใหม่...




*อำนาจนอกระบบ : เครื่องมือสำคัญ*


บท: ดารณี รวีโชติ

อำนาจนอกระบบที่มีทั้งองค์กรมวลชน, ทหาร, ข้าราชการเกาะกลุ่มกันเป็นเครือข่าย โดยตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบรัฐสภา ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของราชสำนักในการทำลายรัฐบาลที่ราชสำนักไม่พึงพอ ใจจนกลายเป็นเส้นทางใหม่
นับแต่การสิ้นชีวิตของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์, จอมพลถนอม กิติขจร ก็ก้าวขึ้นสู่อำนาจอย่างสมบูรณ์แบบแทน แต่การมีอำนาจของจอมพลถนอมมีลักษณะเป็นเครือข่ายทางทหารที่เข้มแข็งโดยมีจอม พลประภาส จารุเสถียร ก้าวเคียงคู่มาด้วย
ขุนศึกทั้งสองมีลักษณะเป็นตัวของตัวเอง และผูกติดเป็นเครือญาติกันโดยถือเป็นขุนศึกยุคสุดท้ายที่ได้ผงาดขึ้นอย่าง เข้มแข็ง ในขณะเดียวกันอำนาจของฝ่ายเจ้าก็เริ่มตั้งมั่นเข้มแข็งแล้วเช่นกันในช่วง ระยะเวลาสิบกว่าปีนับแต่ปี 2490 ฝ่ายเจ้าได้สร้างเครือข่ายอำนาจของตนขึ้นครอบงำสังคมไทย
โดยรวบรวมนักวิชาการในมหาวิทยาลัย และตามกระทรวง ทบวง กรม รวมตลอดทั้งทหาร ตำรวจ สื่อสารมวลชน ที่มีแนวคิดจารีตนิยมกลุ่มหนึ่งขึ้นแล้ว โดยมีองคมนตรีเป็นกลไกอำนาจสูงสุดในการเชื่อมโยงโครงข่าย และกลายเป็นอำนาจนอกระบบที่เข้มแข็งขึ้นตรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
การล้มรัฐบาลของจอมพลถนอมจึงเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีผลเท่ากับ เป็นการทดลองการใช้เครื่องมือใหม่ที่ฝ่ายเจ้าได้ประดิษฐ์คิดสร้างขึ้นคือ “อำนาจนอกระบบ” โดยใช้ทหารที่เปลี่ยนปรัชญามาเป็นทหารของพระราชา แล้วเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนโดยประสานกับผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญใน
ขณะนั้นคือม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนนักศึกษาปัญญาชน แล้วทุกอย่างก็สำเร็จตามประสงค์อำนาจนอกระบบที่ควบคุมโดยราชสำนักจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญทางการเมือง ดังนั้นตลอดระยะเวลา 5 ทศวรรษที่ผ่านมานับแต่ปี 2500
อำนาจนอกระบบนี้ก็ได้แสดงบทบาทอย่างเข้มแข็งโดยบดขยี้ทุกอำนาจในระบอบรัฐสภา และอำนาจเผด็จการทหารแปลกปลอม ที่ไม่ยอมขึ้นต่ออำนาจฝ่ายเจ้า หรือมีทีท่าว่าจะเข้มแข็ง มาตีเสมอและทัดเทียมฝ่ายเจ้า อำนาจการเมืองนั้นก็จะถูกบดขยี้อย่างแนบเนียนเสมือนหนึ่งว่าการพังทลายของ
อำนาจนั้นเกิดขึ้นเพราะความเลวร้ายของผู้ถืออำนาจนั้นเองนับตั้งแต่รัฐบาล ของจอมพลถนอม-ประภาส เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน แต่เหยื่อรายล่าสุดคือรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดูเหมือนว่าเครื่องมือสำคัญคือ “อำนาจนอกระบบ” นี้จะล้าสมัยไปเสียแล้ว
เนื่องจากยุคสมัยของเทคโนโลยีทางข่าวสารได้เปลี่ยนไปในทางที่ก้าวหน้ามาก ประกอบกับเป็นรัฐบาลที่มีผลงานและนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ระดับล่างได้อย่างเป็นรูปธรรม และที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจนและ
สมบูรณ์แบบในยุคโลกาภิวัฒน์ ประกอบกับเป็นช่วงปลายของรัชกาลปัจจุบันที่วังเองก็เกิดความขัดแย้งกันภายใน รุนแรง จึงเกิดสภาวะการเปิดโปงตัวเองทางประวัติศาสตร์ กลายเป็นบทศึกษาทางการเมืองให้แก่ประชาชนได้เห็นระบอบการปกครองปัจจุบันที่ แท้จริงว่า“ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย”

*การยึดอำนาจของวังมีสูตรมาตรฐาน*

             




บท: ดารณี รวีโชติ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยในเหตุการณ์การยึดอำนาจของฝ่ายทหารตามที่คน ไทยเข้าใจมาโดยตลอดนั้น หากจะพิจารณาจากรูปแบบการจัดการแล้วจะเห็นว่าการยึดอำนาจนับตั้งแต่ปี 2500 จนถึงปัจจุบัน หากครั้งใดที่มีข่าวลือว่าเป็นพระราชประสงค์แล้ว
รูปแบบการจัดการก่อนและหลังการยึดอำนาจจะมีรูปแบบที่คล้ายกันหมดเกือบจะ เรียกว่ามีสูตรสำเร็จเป็นมาตรฐานเลยทีเดียว นับตั้งแต่การเคลื่อนไหวประท้วงของประชาชน เพื่อสร้างความชอบธรรมก่อนการยึดอำนาจ, การใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจโดยรวมศูนย์เป็นเอกภาพ,
การจัดตั้งรัฐบาลพระราชทานโดยให้คนใกล้ชิดมาเป็นนายกฯ และการดำรงอยู่ของรัฐบาลพระราชทานนั้น จะมีอายุอยู่ประมาณ 1 ปี โดยจัดร่างรัฐธรรมนูญที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบราชการ และสร้างความอ่อนแอให้แก่ระบบพรรคการเมืองโดยนักร่างมืออาชีพ
แล้วหลังจากนั้นก็จะจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่ออยู่ได้สักพักหนึ่งก็จะเกิด การยึดอำนาจในลักษณะนี้อีกกล่าวโดยสรุปแล้วการมีอำนาจของรัฐบาลนับแต่ปี 2500 เป็นต้นมา จะไม่มีรัฐบาลใดที่เข้มแข็งเลยด้วยสูตรยึดอำนาจแบบมาตรฐานสลับกับการเลือก ตั้ง การยึดอำนาจครั้งสำคัญๆ ที่จะชี้ให้เห็นถึงสูตรมาตรฐานได้แก่
1. เกิดการเดินขบวนต่อต้านจอมพล ป.แล้วก็มีการยึดอำนาจเมื่อ 16 กันยายน 2500 ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยให้นายพจน์ สารสิน คนใกล้ชิดมาเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ได้ประมาณ 1 ปี ก็เปิดให้มีการเลือกตั้งอยู่ได้ไม่นาน ก็เกิดการยึดอำนาจใหม่อีกทีเมื่อ 20 ตุลาคม 2501 แล้วก็เผด็จการยาว
2. เกิดการเดินขบวนของนักศึกษาปัญญาชนต่อต้านจอมพลถนอม แล้วพลเอกกฤษ สีวะรา ก็ยึดอำนาจในนามมวลชนเป็นผู้ขับไล่ล้มอำนาจจอมพลถนอมเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ก็ได้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ คนใกล้ชิดวังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ 1 ปี แล้วก็เปิดการเลือกตั้งทั่วไป ปี 2518 พอถึงปลายปี 2519 ก็เกิดรัฐประหารอีก
3. เกิดการเคลื่อนไหวไม่พอใจพลเอกชาติชาย มีนักศึกษาเผาตัวประท้วง แล้วก็เกิดการยึดอำนาจเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2534 โดยคณะทหาร รสช.บุกจี้ตัวนายกฯ บนเครื่องบินขณะที่พลเอกชาติชายกำลังจะไปเข้าเฝ้าที่เชียงใหม่แล้ว ก็ได้นายอานันท์ ปัณยารชุนคนใกล้ชิดวังเป็นนายกรัฐมนตรี 1 ปี แล้วก็เปิดเลือกตั้งทั่วไปต้นปี 2535 พล.อ.สุจินดา ตั้งรัฐบาลได้ 45 วัน ก็ถูกเดินขบวนขับไล่โดยการนำของพล.ต.จำลอง คนสนิทพลเอกเปรม แล้วก็ได้นายอานันท์ ปัณยารชุน มาเป็นนายกฯ ใหม่อีกครั้งหนึ่ง แบบหักมุม แล้วก็มีรัฐบาลแบบอ่อนแอ 8 ปี 4 รัฐบาล (2535-2543)
4. เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณของกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อน แล้วก็เกิดการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 โดยคณะทหารที่ใช้ชื่อว่า คปค.แล้วต่อมาเปลี่ยนเป็น คมช.โดยมีนายกรัฐมนตรีมาจากองคมนตรีโดยตรงคือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อยู่ได้ 1 ปี
แล้วก็เปิดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 แล้วก็มีรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพทำลายสถิติโลกคือ ภายใน 1 ปี (2551) มี 4 รัฐบาลสูตรสำเร็จทางการเมืองที่สรุปได้คือ ยึดอำนาจโดยกำลังทหาร แล้วตั้งรัฐบาลพระราชทานประมาณ 1 ปี ในระหว่างนี้จัดร่างรัฐธรรมนูญใหม่
แล้วเปิดเลือกตั้ง แล้วหลังจากนั้นถ้าได้รัฐบาลที่วังพอใจก็อยู่ได้นานหน่อย แต่ไม่นานมากก็ต้องเปลี่ยนนายกฯ แต่ถ้าได้รัฐบาลที่วังไม่พอใจ รัฐบาลก็จะอายุสั้นการเมืองไทยก็จะมีวังวนเช่นนี้จากสูตรมาตรฐานทางการเมืองของราชสำนักนี้เป็นผลให้การดำรงอยู่ของราชสำนักมี ความเข้มแข็งแผ่บารมีไพศาล ไม่มีสถาบันอำนาจการเมืองใดเติบโตมาเทียบบารมีได้ นับเป็นสูตรสำเร็จทางการเมือง ที่บ่งบอกถึงลักษณะเด่นของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชใหม่ที่ชัดเจน


ขุนเขาบอก : อันนี้”นาย” ต้องคิดเอง....โพลล์เฮงซวย ช่วยกันเชียร์เลียหำน้อย(เด็กน้อย) ช่วยกันถีบแม้วตกดอย ชูหำน้อยสู่สมัย เป็นนายก ตัวตลกประเทศไท ทำตาแหกแจกคนไท ที่ตรูได้..เพราะฟ้าประทาน ....


คลิกฟัง-ลุงสมชายสบายดี No.27 [ 2015-02-14 ]
ตอน สัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ประยุทธ "นายพลเผด็จการไอ้กุ๊ยหลังวัง" -

ขุนเขาบอก :

อันนี้”นาย” ต้องคิดเอง....

เป็น ท.ทหารอดทน
ขี่รถถังปืนกล ปล้นประชาธิปไตย
อภิสิทธิ์ สั่งปิดประเทศไท
เป็นขี้ข้ารับใช้ เป็นขี้ไคลเทวดา

ท.ทหาร หมอบราบคาบแก้ว
เป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว กลัวแล้วท่านเจ้าขา
ออกทีวี หน้ายวนยีอวดประชา
ตรูอยากเป็นนายกว่ะ ปวงประชาจะว่าไง

โพลล์เฮงซวย ช่วยกันเชียร์เลียหำน้อย(เด็กน้อย)
ช่วยกันถีบแม้วตกดอย ชูหำน้อยสู่สมัย
เป็นนายก ตัวตลกประเทศไท
ทำตาแหกแจกคนไท ที่ตรูได้..เพราะฟ้าประทาน

เหนียงก็ยาน งานก็แย่ แม่ก็ป่วย
ป๋าก็แก่ใกล้จะม้วย หมดตัวช่วยน่าสงสาร
ตับแทบแตก ถูกหลอกแดกล้มรัฐบาล
คนต่างชาติเขารำคาญ ตบกระบานจนตาเอียง

อัยการศึก นึกหรือว่าจะรอด
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เตรียมวายวอดเจ้าดอกเหลือง
เลิกเมื่อไร ได้บรรลัยกันทั้งเมือง
สีดอกแดงสีดอกเหลือง ยังไม่เชื่องยังเคืองคาย

ขึ้นหลังเสือ เขาไม่เหลือทางให้ลง
ไม่วอดวายก็ตายโหง สกุลวงศ์คงชิบอ๋าย
เตือนไว้เหล่ โรงลิเกใกล้วอดวาย
เลือกคนเป็นหรือคนตาย อันนี้”นาย” ต้องคิดเอง....



มหากาพย์ การปกครอง ของสยาม
เหมือนงดงาม สดใส ไร้ปัญหา
แสนสลับ ซับซ่อน ซ้อนไปมา
ภาพลวงตา มหาหอก หลอกผู้คน

พวกที่หนึ่ง ทะลึ่งบ้อง ต้องการเดช
ไว้เบ็ดเสร็จ เด็ดขาด กันพลาดหวัง
ใช้เล่ห์เหลี่ยม เยี่ยมยุทธ์ อุดฉุดบัง
ให้จังงัง คลั่งไคล้ ไหว้กราบกราน

พวกที่สอง สนองรับ ขับเพลงบู๊
บังคับขู่ รู้เจนจัด กัดข้างหลัง
เหล่ามีสี ขี่อาวุธ ยุทธ์กำลัง
โชว์โง่งั่ง พังเสรี ขี่คอคน

นักการเมือง แท้จริง ยิ่งหายาก
เพราะอดอยาก ปากแห้ง แล้งทรัพย์สิน
มีแต่นัก กินเมือง เฟื่องราคิน
กอบโกยกิน สินบน จนท้องกาง

เข้าตำรา หญิงก็ร้าย ชายก็ชั่ว
ต่างรวมหัว ชั่วช้า น่าบัดสี
เมื่อถึงครา พาราโค่น โดนย่ำยี
หลบหลีกลี้ หนีหาย ขายอุดมการณ์

ส่วนนายเรื้อน เลวร้าย ชายชาติชั่ว
หูตามัว วัวลืมตีน สิ้นศักดิ์ศรี
คิดไม่เป็น เห็นแก่เอา เขลาสิ้นดี
คงจะมี ที่ให้ลง ตรงเข้าโลง...ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
    

ข่าวทั่วไป ยุคเผด็จการครองเมือง สังคมวิปริตอยู่กันแบบหวาดระแวง ไม่รู้ว่าใครเป็นใครถูกค้นบ้านถูกกล่าวหาเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลมั่วกันไปหมด .ข่าวความจริงคืออะไรไม่มีใครรู้ ยุคปฎิรูปปรองดอง กับ"คสช.ม44.?





เจ้าพ่อนครปฐม"ไชยา สะสมทรัพย์"เปิดใจถูกบุกค้นบ้าน! "ตำรวจนำสื่อมวลชนมาเต็มไปหมด"






Xomxai-Xomjit No38 ประจำวันที่ 29 พ.ค.58 ตอน : เฮือกสุดท้ายของลุงสมชาย







เถียงแทนเจ้า No.38 [2015-05-29] เฮือกสุดท้าย..ของลุงสมชาย
คลิกฟัง-https://www.youtube.com/watch?v=dfYKdpM6LYE

คลิกฟัง-http://youtu.be/ehpA-P4hqEU
สัปดาห์นี้สิรินทอมเปิดเผยหลักการสำคัญในการปกครองแล­ะค้ำจุล

ระบอบภูมิพล








อัพเดท.. 


[IMG]


ยามราชวงศ์ ตกอับเนี่ย มันน่าสงสารจริง ๆ
เจ้าชาย อลี เรซาห์ ปาห์ลาวี อดีตมกุฏราชกุมารแห่งอิหร่าน อายุ 44 ปี
เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ทั้ง Princeton Columbia และ Harvard
ผ่านโลกมามาก มีวุฒิภาวะ ยังเกิดรับกับชีวิตตัวเองไม่ได้ ฆ่าตัวตาย
ไปเสียแล้ว พี่ชายบอกว่า เพราะสูญเสียพ่อ น้องสาวและคิดถึงบ้านเกิดที่อิหร่าน ก็ว่ากันไป

ปูลู มีเรื่องเล่ากันว่า ก่อนชาร์ปาห์ลาวี จะเสียบังลังก์ให้กับโคไมนี่
ได้ฝากทองไว้กับราชวงศ์แถวอุษาคเนย์ หลายตันอยู่แต่โดนอมเรียบ
เห็นเขาเล่ากันว่า ทองนั้นเก็บอยู่ในเรือบรรทุกเครื่องบิน
ที่ไร้เครื่องบิน ปัจจุบันเอามาทำเป็น Gift Shop ของประเทศหนึ่ง

สงสัย มอ มอแลนด์ดินแดนซ่อนหา

............................................................



โดย แสงตะวัน

เมื่อตอนกษัตริย์ ซาร์แห่งอิหร่านยังเรืองอำนาจได้สะสมทองคำและทรัพย์สมบัติไว้อย่างมากมายมหาศาล ต่อมาเมื่อรู้ตัวว่าราชวงค์จะถูกโค่นล้มลงก็นึกถึงพระสหายที่สนิทองค์หนึ่งคือกษัตริย์ภูมิพล แห่งประเทศไทย ได้ขอฝากทองคำแท่งอันมหาศาลเป็นจำนวนหลายสิบตันนั้นเก็บไว้ให้ด้วย   โดยจะมารับเอาคืนเมื่อถึงเวลาต้องการ พระสหายกษัตริย์ภูมิพลแห่งประเทศไทยก็รับปากอย่างมั่นเหมาะว่าจะเก็บทองคำจำนวนนั้นไว้ให้ หลังจากพระเจ้าซาร์ถูกโค่นล้มลงและหนีออกจากประเทศไปอยู่ต่างประเทศก็ได้โทรศัพท์ถึงพระสหายที่ประเทศไทย  แต่ ... เจ้ากรรมพระสหายกษัตริย์ภูมิพลไม่ยอมรับโทรศัพท์และฮุบเอาทองคำนั้นไว้เป็นสมบัติของตัวเองอย่างหน้าตาเฉยเลย .ซึ่งทองคำเหล่านั้นเวลานี้เก็บไว้ในเรือจักรีนฤเบศรที่ลอยลำอยู่ในอ่าวไทยหน้าวังไกลกังวลหัวหินถิ่นกบดานของกษัตริย์ภูมิพล.. เรื่องนี้ก็คงจะไม่แตกต่างอะไรจากเรืองเพชร" สีน้ำเงิน" ของราชวงค์ซาอุ ที่เป็นคดีฉาวโฉ่อยู่จนถึงทุกวันนี้ ......กว่าพระเจ้าซาร์จะรู้ตัวว่าถูกพระสหายภูมิพลจอมโจรหักหลัง.....ก็สายไปเสียแล้ว ...

A small aircraft carrier with an upturned bow underway in calm seas. The number "911" is painted on the side, and an AV-8S aircraft and S-70 helicopter are sitting on the flight deck.

เรือหลวงจักรีนฤเบศรในทะเลจีนใต้ ต้นปี พ.ศ. 2544





กระต่ายตื่นตูม. "แก็งค์ระบอบภูมิพล" อยู่ด้วยความหวาดกลัว ทุกเกมส์จุดไม่ติดคนรู้ทันว่า วางระเบิดเอง เล่นเอง ชงเอง ถอดถอนเอง สารพัดวิชามารนำมาใช้เป็นเกมส์กดดันยั่วยุแต่ไร้ผล ประชาชนรู้ทันไม่ออกมาเคลื่อนไหวให้ปราบปรามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ยุคไฮเทคโนโลยี่โลกไร้พรหมแดนประชาชนไทยสามารถเรียนรู้ติดตามข่าวทันสถานการณ์ยกระดับติดอาวุธทางปัญญาให้ตัวเอง รู้ทันเกมส์ชั่วของพวกฆาตกรมือเปื้อนเลือดจึงไม่หลงทางให้ใครหลอกออกไปเป็น"เหยื่อ"จุดชนวนให้ปราบปรามถูกฆ่าถูกทำร้ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา....วันนี้ประชาชนรู้ว่าไม่มีใครช่วยใครได้ภายใต้ระบอบภูมิพล ทุกคนต้องช่วยตัวเองเพื่อปลดปล่อยตัวเองออกเป็นไท



บีบีซีไทย - BBC Thai

รูปภาพของ บีบีซีไทย - BBC Thai
ผบ.ตร. สั่งด่วนคุมเข้มความปลอดภัยหลังถอนพาสปอร์ตทักษิณ หวั่นมีผู้ไม่หวังดีก่อเหตุป่วน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งด่วนที่สุด ที่ 0001(ศปก.ตร.)/96 ลงวันที่ 29 พ.ค.2558 ให้เฝ้าระวังความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยอ้างถึงสถานการณ์ทางการเมือง อันเนื่องมาจากการที่กระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลผู้เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองบางราย ซึ่งอาจทำให้มีผู้ไม่หวังดีก่อความเคลื่อนไหวคัดค้าน สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง และอาจส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อ...ยของประชาชน
เพื่อเป็นการป้องกัน ผบ.ตร. จึงสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนหาข่าว และให้ชุดเฝ้าระวัง ติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยประสานกับผู้นำท้องถิ่นในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งให้เฝ้าระวังบ้านพักบุคคลสำคัญ สถานที่ที่ประชาชนสนใจใช้บริการเป็นจำนวนมาก สถานที่เชิงสัญลักษณ์ สถานที่ท่องเที่ยว สถานีขนส่งสาธารณะ และเพิ่มความเข้มงวดในการออกตรวจตราพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุร้าย
นอกจากนี้ ในคำสั่งยังระบุด้วยว่า ให้มีการเตรียมชุดปฏิบัติการพิเศษทางยุทธวิธีเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการ และให้ปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุในทันที ส่วนผู้บังคับบัญชาระดับ บช./ภ. บก./ภ.จว. และหน.สน./สภ.ต้องอยู่ในพื้นที่ และพร้อมอำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และห้ามลาไปต่างประเทศโดยเด็ดขาด
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์ภายหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตของนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทและหมิ่นสถาบันว่า ขณะนี้สถานการณ์โดยภาพรวมสงบเรียบร้อยดี และทางคสช. ยังไม่ได้รับรายงานความผิดปกติใดๆ สำหรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนั้นก็ยังคงเดินหน้าเฝ้าระวัง และดูแลสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อยตามปกติ
 





มติชนออนไลน์



"สมยศ"ตีกลับ! รายงานเสนอ"ถอดยศทักษิณ" หลังคกก.ยังไม่ได้รับรองมติครบถ้วน




(เรื่องนี้คือความจริงทำไม "ระบอบภูมิพล " ยึดอำนาจรัฐประหารเพียงเพื่อ ไล่ล่าทักษิณ ถอดถอนพาสปอร์ตทักษิณ ถอดยศทักษิณ   ขุดรากถอนโคนทักษิณไม่ให้เหลือซาก  เพื่อการดำรงคงอยู่ของระบอบภูมิพลแค่นั้นเอง บนพื้นฐาณของความไม่ชอบอิจฉาริษยาเกลียดชังซึ่งเป้นเรื่องส่วนตัว   นับเป็นการกระทำของคนโง่ไร้จิตสำนึกเห็นแก่ตัวขาดความรับผิดชอบ  ไม่ได้คำนึงถึงปัญหาความเดือดร้อนใดๆของประเทศชาติและประชาชนไทยหกสิบห้าล้านคน แล้วจะมีระบอบภูมิพลไว้ทำไม?)