onsdag 31 maj 2017

คลิป "หมดเวลาแห่งการรอคอย เราจะไม่รออีกต่อไป " ประจำวันที่ 31 พ.ค.60

 

คลิกฟัง-ล่าสุด 31 พ.ค. 2560 เราจะไม่รออีกต่อไป - สามสหายไกลกังวล @PeaceVoice Thailand 

 

คลิกฟัง-ล่าสุด 31 พ.ค. 2560 ต่างคนต่างกลัว - เพื่อสหพันธรัฐไท @PeaceVoice Thailand 

ข่าวน่าสนใจ

ฟอร์บส์เผย "ตระกูลเจียรวนนท์" ครองแชมป์มหาเศรษฐีไทย มูลค่าทรัพย์สินรวม 7.3 แสนล้านบาท


ไม่ฟ้องคดีโพสต์ทุจริตราชภักดิ์ เหตุติชมเพื่อประโยชน์สาธารณะ-ไม่กระทบความมั่นคง
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ เผยอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แจ่ม (นามสมมติ) คดีโพสต์ทุจริตราชภักดิ์ ระบุเป็นการติชมเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ ไม่เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือทำให้ประชาชนตื่นตระหนก
http://prachatai.org/journal/2017/05/71730

ภาพแทนล้านคำบรรยาย....ที่เกี่ยวข้องโยงกันเป็นลูกโซ่..

9.00 INDEX : ชะตากรรม “คสช.” ชะตากรรม “ประชาธิปัตย์” อนาคต “คสช.” กับ อนาคต “ประชาธิปัตย์”

ทำไมการเดินไปในพรรคประชาธิปัตย์ของ 8 แกนนำกปปส.จึงเป็นป …

“เอกนัฏ” ขอบคุณ “ลุงตู่-ลุงกำนัน-หน.มาร์ค” ช่วยกอบกู้ปร …

“บิ๊กตู่” ขอโทษมาออกกำลังกายช้า ใจดีแจกเสื้อคนละตัว ไม่ …



ประชาไท Prachatai.com


อภิสิทธิ์ ย้ำอดีตแกนนำ กปปส. กลับมาอยู่กับพรรคต้องยึดอุดมการณ์-หลักการของพรรค คือ การปฏิรูปประเทศ และการต่อสู้กับระบอบทักษิณ แจ้งไม่ต้องการเห็น ส.ว.ฝืนเจตนารมณ์ประชาชน อัดโมเดลพิชัยให้ 4 พรรคจับมือกันเพื่อสกัดทหารนั้น ไม่ได้เหตุอุดมการณ์และนโยบายไม่ตรงกัน
พุทธะอิสระ จวก พวกไม่รู้จักธรรมาภิบาล รุมฟาดหัวฟาดหางใส่ เชื่อประยุทธ์ห่วงบ้านเมือง

(หมายเหตุ-ทั้งหมดเรื่องเดียวกัน  เกี่ยวข้องโยงกันเป็นลูกโซ่  ที่มาของวิฤตปัญหาความวุ่นวายในสังคมไทย..  )

แผ่นดินจึงดาล: เกษียร เตชะพีระ การเมืองและพื้นที่สุดท้ายที่ต้องรักษาเอาไว้


บทสัมภาษณ์ 9 นักวิชาการในชุด ‘แผ่นดินจึงดาล’ นี้ ประชาไทตัดทอนมาจากบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มในหนังสือ ‘แผ่นดินจึงดาล: การเปลี่ยนผ่านในสภาพบังคับ’…

"มันคือการเมืองที่ไม่มีอำนาจนำ (Hegemony) ไม่มีพลังทางการเมืองที่จะชักจูงใจคนส่วนใหญ่ของประเทศได้โดยที่ไม่ต้องบังคับให้ยอมรับ พอขาดพร่องอันนี้ไปก็วิ่งหาการทดแทน เพราะไม่ไว้ วางใจว่าเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งจะยอมรับระเบียบการเมืองเดิมที่เป็นอยู่ได้ แต่ก่อนนี้ยังมีอำนาจนำที่กล่อมเกลา ที่ชักจูง ที่เชื่อมโยงเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งให้ยอมรับระเบียบอำนาจบางอย่างได้ ในภาวะที่อำนาจนำเสื่อมถอยก็มองหากติกาใหม่ขึ้นมา ทางออกก็คือสร้างระเบียบที่เป็นประชาธิปไตยน้อยลง
"ผมเห็นด้วยว่าพลังที่มีโอกาสจะใช้ความรุนแรงได้มากกว่าคือพลังที่มีเครื่องมือเครื่องไม้ในมือ ซึ่งก็คืออำนาจรัฐ ดังนั้น สิทธิมนุษยชนจึงยิ่งสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่จะจำกัดอำนาจรัฐไว้ หัวใจสำคัญที่สุดของสิทธิมนุษยชนคือการจำกัดอำนาจรัฐ หยุดแค่นี้ สิทธิมนุษยชนเริ่มตรงนี้ เส้นอยู่ตรงนี้ แล้วเปิดพื้นที่โล่งให้คนสู้กันอย่างสันติ"
คลิกอ่านต่อทั้งหมด-แผ่นดินจึงดาล: เกษียร เตชะพีระ การเมืองและพื้นที่สุดท้ายที่ต้องรักษาเอาไว้ | ประชาไท

tisdag 30 maj 2017

กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติ และ เป็นอาชญากรรมนิรันดร

บทเรียนที่ทักษิณและพวกเสื้อแดงควรจะจดจำเกี่ยวกับ The mad King 

  Image may contain: 2 people, people standing and shoes

#เผด็จการเพื่อประเทศชาติ คือ #คำพูดภูมิพล

พระราชดำรัส สุดอเมซิ่งของภูมิพล พูดไว้เมื่อ 14 ธันวา 2519 

ขี้ข้าจึงนำมาพูดซ้ำในวันที่ 29 ธันวา 2557

"อีกด้านหนึ่งยากที่จะพูดเหมือนกัน แต่ว่าต้องพูด ว่ามีบทบาททางการเมือง 
มิใช่ว่าทหารจะต้องไปเล่นการเมือง แต่หากว่าการเมืองมาเล่นทหาร 
และเห็นได้ชัด อันนี้ก็เกี่ยวข้องโดยตรงกับท่านทั้งหลายที่เป็นนายพล
เช่น หนังสือพิมพต่างประเทศเขียนไว้และเจาะจงว่า 
นายพลไทยยึดอำนาจ นายพลไทยเป็นเผด็จการ ซึ่งถ้่าเป็นเช่นนั้นจริง
ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของท่านนายพลไทยไม่ใช่น้อย เพราะว่าถ้า #เผด็จการก็ต้องเผด็จให้ดี #เพราะว่านายพลไทยและทหารไทยทั้งหลาย ไม่เคยเผด็จการ
เพื่อให้เป็นเผด็จการแบบฝรั่ง #พยายามที่จะทำเพื่อประเทศชาติ"

พระราชดำรัส พระราชทานในพิธีประดับยศนายทหารชั้นนายพล 
ณ พระที่นั่งบรมพิมาน วันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2519

http://www.openbase.in.th/files/14122519.pdf

// Nadier

Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ....... คัดมาจากบทความตอนหนึ่งของการเสวนาของคณะนิติราษฎร์ เมื่อ ๓๐ กย. ๒๕๕๕ ( จากการอธิบาย ของ Saint - just เราก็สามารถสรูปได้ว่า ภูมิพลก็คือ " ทรราชและ อาชญากรรมนิรันดร " ต่อประชาชนเพราะปล้นอำนาจมาจากปวงชนชาวไทย )

วิจารณ์ลักษณะที่สอง  ในสังคมการเมือง อำนาจเป็นของประชาชนเสมอ เพียงแต่ว่ายุคใดสมัยใด อำนาจนั้นจะถูก “แย่งชิง” ไปหรือไม่ หรือประชาชนจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ใคร ดังนั้น หากจะย้อนกลับไปหาความเป็นเจ้าของอำนาจ ในท้ายที่สุดก็จะเจอประชาชนในฐานะเจ้าของอยู่ดี การอ้างว่ากษัตริย์เป็นผู้ทรงอำนาจ เป็นผู้ปกครอง มาตั้งแต่นมนาน ในสังคมการเมืองหนึ่งอาจไม่เคยขาดซึ่งสถาบันกษัตริย์เลย นั่นอาจเป็นการอ้างตามประวัติศาสตร์ของพวกราชาชาตินิยม ประวัติศาสตร์ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องเป็นโค้ดของเรา Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ Saint-Just เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime éternel) ต่อประชาชน มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสัมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ   Saint-Just อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur) อำนาจของประชาชนไป
 

หรือในประกาศคณะราษฎร “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่าประเทศของเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง”
หากพิจารณาตามแนวทางนี้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหรือไม่ เพราะ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนเสมอ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตลอดกาล เพียงแต่ว่าบางช่วงบางตอน ถูก “ฉกฉวยแย่งชิงขโมย” ไป และสักวันหนึ่ง ประชาชนก็เอากลับคืนมาจนได้

 

กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติ และ เป็นอาชญากรรมนิรันดร

บีบีซีไทย - BBC Thai





"ประยุทธ์ไม่อยู่แล้วจะเรียกใคร" เป็นคำถามใหม่ที่ไม่ได้อยู่ใน 4 คำถามจากนายกฯถึงประชาชน ซึ่งกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในแวดวงการเมือง เพราะถูกตีความว่าส่งสัญญาณขอ "อยู่ต่อ" ทำให้ "คำถามโพล" ถูกมองว่าเป็นลูกต่อเนื่องจาก "คำถามพ่วง" เปิดทางให้มีนายกฯ คนนอก
คลิกดูเพิ่-บีบีซีไทย - BBC Thai

ไปป์บอม ... ระเบิดป่วนเมือง?


ตร.เผยวัตถุต้องสงสัย ใกล้ MRT ศูนย์วัฒนธรรม คือไปป์บอม พร้อมใช้งาน ส่วนจุดพระราม 2 แค่กล่องเปล่า ผบ.ตร.ขอเวลาตรวจสอบ ขณะที่กรณี รพ.พระมงกุฎฯ ระบุผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดิม มี 100 ผู้ต้องสงสัย ปัดข่าวลือไม่ขัดแย้ง รอง ผบ.ตร.
http://prachatai.org/journal/2017/05/71703

พวกเดียวกัน..???

"สุเทพ" ยันหนุน "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯต่อ ไม่สนคนมองเชียร์ทหาร
Prachachat - ประชาชาติ
เจอไปป์บอมบ์ซุกถุงดำหลังรถไฟฟ้าใต้ดิน-ตรงข้ามตึกอาร์เอส จนท.เร่งเก็บกู้ด่วน

ฉากสุดท้าย ไม่มีสันติ มีแต่ ความตาย แม้มีความพยายามจะทำ …
แต่หลังการรัฐประหารพฤษภาคม 2557 มีการพิพากษายกฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ด้วยเหตุผลว่าทั้งสองออกคำสั่งขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี
ฉะนั้น ศาลอาญาจึงไม่มีอำนาจพิจารณา ถือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง ต้องให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลความผิดและยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉะนั้น ศาลอาญาจึงไม่มีอำนาจพิจารณา   ขณะที่ทางด้าน ป.ป.ช. ก็มีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป

สองมหาโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดิน

 โดย ไม้ขีดไฟ

สองมหาโจรปล้นชาติปล้นแผ่นดินหัวหน้าโจรใหญ่คือโจรสวมมงกุฏ กับลูกน้องโจรคือขุนพลม. 44 สามปีที่ปล้นประเทศมาทำให้ประเทศชาติเสียหาย อย่างย่อยยับ เศรษฐกิจ สังคมการเมือง วุ่นวาย ประชาชน ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจชั้นผู้น้อยเดือดร้อนกันไปทั่วประเทศ แล้วจะปล่อยให้สองมหาโจรนี้ปล้นแผ่นดินไปอีกนานเท่าไหร่ ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้วันนี้แล้วจะมีอะไรเหลือไว้ให้ลูกหลานของเรา ถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่มีจิตสำนึก ทั้งหลายที่รักชาติรักประชาธิปไตยทั้งหลายจะต้องพร้อมใจกันให้การสนับสนุนขบวนการต่อสู้ที่กำลังก่อตั้งและดำเนินการต่อสู้อยู่ในเวลานี้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก เพราะทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้น มีการเกิดมีการพัฒนาจากเล็กไปหาใหญ่ จากต่ำไปหาสูง กองทัพปลดแอกประชาชนของเวียตนามเริ่มก่อตั้งมีเพียง 13 คนเท่านั้นเอง จนกลายมาเป็นกองทัพที่สามารถปลดปล่อยประเทศชาติได้ เมื่อมีทฤษฏีชี้นำที่ถูกต้องมีการจัดตั้งที่มีระเบียบวินัย...


 หัวหน้าโจรใหญ่สวมมงกุฏกับคฤหาสน์ที่มิวนิค

ไอ้ลูกชายพ่อตายแล้วไม่แคล้วเจ้า…

ไอ้ลูกชายพ่อตายแล้วไม่แคล้วเจ้า
หมูเต็มเล้าข้าวเต็มนาปลาเต็มหนอง
คณานับทรัพย์สินแผ่นดินทอง
พ่อเก็บกองไว้ให้เจ้าเท่าแผ่นดิน

แต่ที่แย่พ่อแม่เจ้าไม่เอาถ่าน
แอบล้างผลาญแรงศรัทธาคร่าทรัพย์สิน
แอบยักยอกปอกลอกคนปล้นแผ่นดิน
แอบโกงกินสินประชาสั่งฆ่าคน

ทรัพย์ที่กองทองที่หาขี้ข้าให้
หลอกลวงไพร่ไห้เสาะหาพากันขน
เทินบัลลังก์นั่งทำนาบนหลังคน
อิทธิพลของพ่อนั้นมหันต์เกิน

น้องของเจ้าเหล่าลูกหลานไม่หาญหัก
ศรีและศักดิ์เจ้าหนักกว่าน่าสรรเสริญ
ก่อนปลิดปลงลงลายมือคนถือเทิน
เพี่อเรียนเชิญเจ้าขึ้นนั่งบัลลังก์ปอง

บัลลังก์นี้มีชาวนาเป็นข้าต่าง
ยอมให้วางคานแบกข้าบนบ่าสอง
อีกเหล่าไพร่ไอ้ขี้ข้าพาประคอง
บัลลังก์ทองจึงผ่องเพรารอเจ้ามา

ต้องจำใจไปก่อนหนาชราแล้ว
หายใจแผ่วไม่แคล้วตายกายผวา
ข้างกายพ่อแม่รออยู่คู่ชรา
คงต้องลาเจ้าแลน้องทั้งสองคน

หลังพ่อตายแม่วายชนอย่าหม่นหมอง
รีบปรองดองปกครองไพร่ให้เหตุผล
อย่าหูเบาเจ้าลูกชายอย่าอายคน
พ่อเจ้าปล้นแม่เจ้าฆ่ายังกล้าทำ……..

ขุนเขาจากแดนไกล
....................................................................................................................................

 มหาโจรคนที่ 2 ทหารของพระราชาขุนพล ม. 44 ลูกน้องของมหาโจรสวมมงกุฏ

ถุย ...ไอ้ยุทธ ไอ้ขี้ข้าตาเหล่....

[​IMG]


ไอ้ขี้ข้าตาเหล่ ....
โดย  unter

มึงก็แค่ขี้ข้า ที่ตาเหล่
มาทำเท่ห์เก๋ไก๋ไอ้ลูกหมา
โถไอ้ยุดอย่าอวดโม้โฆษณา
มาทำบ้าโอชาหรือโอเลี้ยง

มึงก็ไพร่กูก็ไพร่มิใช่หรือ
แค่มีมือถือปืนแล้วยิงเปรี้ยง
เกาะกระโปรงเกย์เฒ่าเคล้าคลอเคียง
มึงก็เพียงขี้ครอกเขาหลอกฟัน

มึงก็ไพร่ใครก็รู้ดูก็เห็น
มึงก็เป็นแค่ขี้ข้ามาข่มขวัญ
ทำขึ้งโกรธจะคาดโทษขู่ลงทัณฑ์
หัวหน้ายามสารขัณฑ์รับบัญชา

ความโง่งมจมปลัก รักจนหลง
ทระนงว่าสูงส่งสูงเสียดฟ้า
เคยเป็นยามยืนตาเหล่ อยู่เอกา
ไปแนวหน้านั่งยองๆเป็นแค่ยาม

บุญนำพาวาสนามากระชาก
เป็นขี้เรื้อนเกลื้อนกลากดูเกรงขาม
เห็นผู้เฒ่าเร้าใจในกลกาม
จึงติดตามมาเลียบเลียงข้างเวียงวัง

มาอวดโอ้โอ่อ่าว่ากูใหญ่
สารพัน ทำจัญไรตามใบสั่ง
พูดลุกลี้ลุกลนให้คนชัง
ทำคุ้มคลั่งดั่งควายคะนองนา

เหวยๆไพร่จงอยู่ในความสงบ
จงเคารพค้อมคำนับนะขี้ข้า
กูแลเห็นมึงเป็นยามตามบัญชา
ใต้ฟากฟ้าไทยแลนด์แดนลิเกย์

............................

ขี้ตู่กลางนา....

ขุนเขาบอก:

ขี้ตู่กลางนา....

ขี้ตู่กลางนา. ขี้ตาตุ๊กแก
ขี้มูกยายแก. ออระแล้ออระชอน...

ขี้ตู่ แย่งอรชร. ละคร พฤษภาหน้าฝน
ขี้ตู่ เสียรู้เสียคน. โกลาหน เก้าอี้ดนตรี
ได้ที รีบขี่แพะไล่. ข้าไพร่ มันไร้ศักดิ์ศรี
ขี้ตู่ รู้ตัวอีกที. เก้าอี้ มีคนจ้องเอา

เรื่องเล่า เคล้าหยาดน้ำตา. ขี้ตู่ อาสามาสอย
น้องแก้ว พี่แม้วหลงดอย. ถูกสอย เพราะความหูเบา
หนักเอา เบาสู้รูอยู่. ขี้ตู่ เหมือนลาหน้าเขลา
หลงคน เป็นโจรย่องเบา. มัวเมา ขี้เถ้าเทวดา

หลังเสือ ไม่เหลือให้นั่ง. สังคัง เต็มก้นเต็ม(...)
ร่างทรง หลงเริงระบำกระทำ เยี่ยงเทพเทวา
จากมิตร กลายเป็นศัตรู. ขี้ตู่ ไม่รู้ภาษา
อนิจจัง ตั้งปุจฉามา. ให้นรา วิสัชนา

ปัญญา มีแค่หางอึ่ง. ทะลึ่ง อยากเป็นนาย(ยก)
นายก สมาคมตลก. โกหก เล่นหูเล่นตา
สอพลอ ขอต่ออำนาจ. ตวาด วิวาทภาษา
น้องรัก พยัฆค์บูรพา. แค่ตา ยังไม่สามัคคี

รักชาติ แม้นขาดสติ. เชื่อซิ ไม่มีสมอง
ชาติหน้า อย่าหวังปรองดอง. เลือดนอง ท้องธรณี
คนดี ขี้ตู่กลางนา. พลาดท่า ทายไม่ถูกซักที
ขี้ตู่ รู้ตัวอีกทีปฐพี ไม่มีที่ยืน......

ขี้ตู่กลางนาขี้ตาตุ๊กแก. ขี้มูกยายแก่ถือไม้อ้อแอ้อยู่มือคนไหนจำไว้ให้แน่ออระแร้ออระชอน.....

 

ภูมิพล-ปรีดี-วชิราลงกรณ์ กับกรณีทำลายหมุดคณะราษฎร

 
ภูมิพล-ปรีดี-วชิราลงกรณ์ กับกรณีทำลายหมุดคณะราษฎร

ผมได้พูดไปบ้างแล้วว่า ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับ "คำอธิบาย" ของนักวิชาการและแอ๊คติวิสต์ เรื่องหมุดคณะราษฎรถูกขโมย ในลักษณะที่พยายามเชื่อมโยงประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปถึง 2475 การต่อสู้ระหว่างคณะราษฎรกับคณะเจ้า (แนวแบบที่ อ.ชาญวิทย์, อ.ธำรงศักดิ์, อ.ยิ้ม, อ.ชาตรี และแอ๊คติวิสต์อีกหลายคนพูดๆกัน)

แม้แต่ต่อให้เรายอมรับกันว่า กษัตริย์วชิราลงกรณ์เป็นคนสั่งทำเอง (ซึ่งตอนนี้ ไม่มีทฤษฎีอะไรที่อธิบายได้นอกจากนี้ ประเด็นปมเงื่อนสำคัญคือเรื่องหมุดหน้าใสถูกปล่อยไว้ เพราะลำพังการขโมยหมุดคณะราษฎร ใครอาจจะเป็นคนทำก็ได้ แต่การปล่อยหมุดหน้าใสไว้ตรงนั้น ไม่เอาออก มีคำอธิบายได้อย่างเดียว คือกษัตริย์วชิราลงกรณ์ให้ทำ)

ในความเห็นผม เรื่องนี้ก็ไม่ใช่มีสาเหตุย้อนหลังไปไกลถึงเรื่องการต่อสู้คณะราษฎร-คณะเจ้าตั้งแต่ 2475 ยิ่งการที่สมมุติว่าวชิราลงกรณ์ให้ทำเพราะเชื่อเรื่องดวง เรื่อง "อาถรรพ์" ในความเห็นผม ก็ยิ่งยืนยันว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่อะไรที่เป็นความต่อเนื่องย้อนหลังไปไกลขนาด 2475 อะไรแบบนั้น (ผมจะพูดถึงเรื่องนี้ข้างล่าง)

ก่อนอื่น ผมเสนอว่า เราต้องแยกระหว่างประเด็นที่ว่ากษัตริย์วชิราลงกรณ์หรือราชสำนักให้ทำ กับการที่มีคนรักเจ้าออกมาพูดเชียร์หมุดคณะราษฎรถูกขโมย ด่าคณะราษฎร ด่าปรีดี ยกย่อง ร.7 เมื่อเกิดข่าวหมุดหายขึ้น กรณีหลังนี้คือพวก "กองเชียร์" ยุคใหม่ #ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เกี่ยวโยงไปที่2475 #มากเท่ากับเป็นการสะท้อนต่อเนื่องของความขัดแย้งในไม่กี่ปีมานี้ เป็นอะไรที่ผมเรียกว่า proxy war หรือสงครามตัวแทน เนื้อแท้ของการเชียร์ ร.7 ด่าปรีดีของกองเชียร์รุ่นใหม่เหล่านี้ คือการเชียร์ในหลวงภูมิพล-เกลียดทักษิณ/เสื้อแดง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิกฤติปัจจุบัน (ดูกระทู้ก่อนหน้านี้ ที่ผมอภิปรายเรื่องนี้ https://goo.gl/usNlNL)
..............
ประเด็นที่ผมตั้งข้อสังเกตตั้งแต่วันแรกๆคือ อันที่จริง กษัตริย์ภูมิพลไม่ได้มองว่าปรีดีหรือ 2475 เป็นปัญหามาหลายสิบปีแล้ว มิเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ ที่ในต้นทศวรรษ 2540 กษัตริย์ภูมิพลจะยอมให้รัฐบาล (ประชาธิปัตย์อีกต่างหาก) เสนอชื่อปรีดีเป็นบุคคลสำคัญของโลกคู่ไปกับชื่อแม่ตัวเองแบบนั้น (และการจัดงานฉลองปรีดี ที่รัฐบาลเป็นสปอนเซอร์ในช่วงนั้น เด่นยิ่งกว่าการฉลอง 100 ปีของแม่พระองค์เสียอีก)
มี "มิตรสหายบางท่าน" ได้หยิบยกกรณีที่เมื่อตอนปรีดีตาย (2526) ราชสำนักไทยกับปรีดี "ไม่เผาผี" กัน (ไม่มีพิธีรัฐอะไรให้ปรีดีตามที่มีคนเรียกร้องเป็นต้น)
ผมได้ชี้ให้เห็นว่า
ปรีดีตายปี 2526
ในหลวงภูมิพลอยู่ต่อมาอีกถึง 33 ปี คือกว่าหนึ่งเจเนเรชั่น
และถ้านับจากปรีดีตาย ถึงตอนที่ให้มีการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก ก็เป็นเวลาถึง 17 ปี (2526-2543) หรือเกือบ 2 ทศวรรษ

ปรีดีตาย (และเกิดอาการ "ไม่เผาผี" กับราชสำนัก) ก่อนจะมีปรากฏการณ์ที่ผมเรียกว่า The Rise of King Bhumibol (จากกลางทศวรรษ 2530 ถึงกลางทศวรรษ 2540) คือการที่กษัตริย์ภูมิพลได้ขึ้นสู่การมีอำนาจนำสูงสุด (hegemonic) อย่างที่เราได้เห็นในปัจจุบัน ในช่วงเวลาดังกล่าว #ความสัมพันธ์และสถานะของสถาบันกษัตริย์กับสังคมโดยรวมมีความเปลี่ยนแปลงโดยพื้นฐาน สถานะของปรีดีและ 2475 ในสังคมไทยโดยรวม ก็เปลี่ยนแปลงไปในช่วงนี้ ทัศนะหรือความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์ภูมิพลหรือเจ้ากับปรีดีหรือ 2475 ก็เปลี่ยนไปด้วย
(มันมีประเด็นหนึ่งที่สะท้อนเรื่องนี้ ที่ผมสังเกตมานาน คือแม้แต่พันธมิตรฯ หรือตัวสนธิเอง ตอนเคลื่อนไหวล้มทักษิณ "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ไม่เคยโจมตีปรีดีหรือ 2475 - สนธิเคยพูดพาดพิงถึงปรีดี แต่ก็แบบผ่านๆ และไม่ได้โจมตี - อันที่จริง อย่างที่คงรู้กัน แกนนำพันธมิตรบางคน เช่นพิภพหรือสมเกียรติ โตมาใน "สำนักสุลักษณ์" ที่เชียร์ปรีดีและคณะราษฎรตั้งแต่ทศวรรษ 2520)
...............
"มิตรสหายบางท่าน" ตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่ความเกลียดที่กษัตริย์ภูมิพลมีต่อปรีดีและคณะราษฎร จะตกทอดเป็นมรดกทางความคิดมายังกษัตริย์วชิราลงกรณ์ (และนำมาสู่การรื้อหมุดในตอนนี้)?
ข้างล่างนี้ คือที่ผมเขียนตอบ "มิตรสหายบางท่าน" ไป
ความจริง ผมไม่ถึงกับรับไอเดียที่พูดๆกันว่ากษัตริย์ภูมิพล "เกลียดปรีดี" นะ

ในการทำเรื่องเจ้าแบบซีเรียส ผมพยายามระมัดระวัง ศึกษาลงไปในรายละเอียด ไม่ใช่พูดแบบรวมๆ
ผมว่า ถ้าพูดว่ากษัตริย์ภูมิพลเกลียดจอมพล ป. กับคณะ รปห 2490 นี่พูดได้ เรื่องที่เขาโกรธมาก ที่พวกนี้ทำ รปห 2494 ที่หักหน้าเขา (ตามที่พระองค์เจ้าธานีแสดงออก) และหลังจากนั้น เขาก็ยังพูดกับทูตสหรัฐ (มีในหนังสือ อ.กอบเกื้อ) แบบเหยียดๆพวกคณะ รปห
คือจริงๆกษัตริย์ภูมิพลนี่ "ดีล" กับจอมพล ป. มากกว่ากับปรีดี
ใช่ ในแง่ที่ปรีดีเป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวข้องกับกรณีสวรรคต กษัตริย์ภูมิพลก็มีเรื่องปรีดีให้ต้องคิด-จัดการ
แต่ถ้าเราดูรูปธรรมจริงๆ เขาไม่ได้ดีลกับปรีดีโดยตรง

ถ้าจะว่า เป็น "ความกลัว" ความระแวดระวัง(หรือหวาดระแวง) อาจจะใกล้เคียงความจริงมากกว่า คือกษัตริย์ภูมิพลกลัวปรีดี ในแง่เชื่อมโยงกับกรณีสวรรคต ว่าวันดีคืนดี ปรีดีเกิดตัดสินใจ "ลุย" เรื่องนั้นขึ้นมา (หยิบเอากรณีสวรรคตขึ้นมาโจมตีกษัตริย์ภูมิพลต่อชาวโลก)

และอันนี้ ผมว่า มันอธิบายว่า ทำไมท่าทีของกษัตริย์ภูมิพลต่อเรื่องปรีดีจึงเปลี่ยนไปหลังปรีดีตายได้ อนุญาตให้เสนอชื่อปรีดีกับแม่เขาได้ คือ ถ้าปรีดีตาย ก็ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป (โดยเฉพาะในเรื่องปรีดีเปิดประเด็นกรณีสวรรคต) แต่ถ้าเป็นความเกลียดนะ ต่อให้ตาย ก็เกลียด

ทีนี้ วชิราลงกรณ์ ผมว่า เอาเข้าจริง ไม่ได้สนใจ 2475 ปรีดี หรือเรื่องเก่าๆพวกนั้นเลย เขาไม่เอาไหนกว่านั้นเยอะ และนี่เป็นประเด็นสำคัญที่ผมมีปัญหา ที่นักวิชาการ พูดๆกันในไม่กี่วันนี้ คือราวกับว่า เรื่องหมุด มันมาจากความไม่ชอบต่อเนื่องของราชสำนัก จากพ่อมาถึงลูก

ผมว่า ถ้าจะเอาตามข้อสันนิษฐานที่น่าจะใกล้เคียงที่สุด เรื่องหมุดครั้งนี้ คงมีบางคนไปแนะนำวชิราลงกรณ์เรื่องพวกดวงอะไรนั่นแหละ และความที่เขาไม่สนใจเรื่อง 2475 เรื่องคณะราษฎร-ปรีดีจริงๆ เขาก็เลยเอาด้วย - นี่เป็นอะไรที่ paradox หรือย้อนแย้ง

คือเอาเข้าจริง ถ้าเป็นพ่อเขา ซึ่งไม่เพียงสนใจพวกคณะราษฎร แต่เคยสัมผัสมาด้วยตัวเอง เขาไม่ตัดสินใจทำเรื่องแบบนี้ให้โง่หรอก แต่เพราะความไม่สนใจของกษัตริย์ใหม่นี่แหละ คือไม่รู้สึกไอ้หมุดเดิมมันมีความหมายอะไร เลยโอเค ตามที่คนไปแนะเรื่องดวง
......................
มีเรื่องหนึ่ง ที่ผมนึกๆขึ้นมาได้ คือเอาเข้าจริง กษัตริย์ภูมิพลนี่ เขามีลักษณะ scientific-oriented (คือ "เอียงทางวิทยาศาสตร์") นะ คือ เขาไม่ใช่เก่งด้านวิทยาศาสตร์อะไรแบบที่โฆษณากันแน่ เขาเป็นประเภท "มือสมัครเล่น" แต่ถ้าดูจริงๆ หรือลองนึกจริงๆนะ สมัยเขาไม่ได้มีลักษณะเกี่ยวกับเรื่อง "ฤกษ์ยาม" "ดวง" อะไรพวกนี้นะ มันไมใช่สไตล์เขา คือเขาเป็นสไตล์ scientific-oriented ที่ว่า ("ฝนเทียม" "กังหัน" ฯลฯ) แม้จะเป็นแบบมือสมัครเล่น แต่ก็มาทางนี้ (แม้แต่เรื่องที่กษัตริย์ใหม่ ให้ประกาศรัฐธรรมนูญโดยใช้ "ฤกษ์" หรือโอกาส "วันจักรี" นี่ กษัตริย์ภูมิพลก็ไม่เคยทำ ไม่เคยเอา "วันฤกษ์ดี" ตามราชวงศ์มาเกี่ยวข้องเลย แน่นอน ส่วนหนึ่งคงเพราะเขาฉลาดกว่า รู้ว่ารัฐธรรมนูญเดี๋ยวก็เปลี่ยน แล้วเอามาผูกกับวันราชวงศ์แบบนั้น จะแย่กับวันราชวงศ์เอง แต่ผมว่า ในอีกด้านหนึ่ง มันสะท้อนประเด็นที่ว่า เขาไม่ได้มีลักษณะเรื่องฤกษ์ยาม ดวง อาถรรพ์ อะไร)

เรื่องหมุดคราวนี้ มันออกแนวโหราศาสตร์จริงๆ แต่นั่น มันไม่ใช่สะท้อนว่า เป็นเรื่องเก่าย้อนหลังไปไกล ("การต่อสู้ระหว่างคณะราษฎรกับคณะเจ้าตั้งแต่สมัย 2475") อย่างที่บางคนมาพูด แต่มาจากความที่กษัตริย์ใหม่เองนั่นแหละ ไม่ได้สนใจเรื่องย้อนหลังไปขนาดนั้น ถ้าสนใจหรือศึกษาหรือรู้เรื่องย้อนหลังไปไกลแบบพ่อเขา จะไม่ทำหรอก เพราะไม่มีประโยชน์ เป็นการทำอะไรแบบไร้สาระ แบบเด็กๆ - 2475 มันจบไปนานแล้วสำหรับราชวงศ์ สถานะของราชวงศ์กลับมายิ่งใหญ่ภายใต้กรอบใหม่นานแล้ว แต่ที่กษัตริย์ใหม่ทำ สาเหตุมันแคบกว่านั้นเยอะ ไม่ใช่จะทำเรื่องใหญ่โตย้อนหลัง "ลบล้างประวัติศาสตร์" อะไรแบบที่ว่ากัน เป็นแค่เรื่อง "ดวง" ที่คงมีคนไปเสนอ แล้วกษัตริย์ใหม่ ความที่ไม่เคยสนใจประวัติศาสตร์ ไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้มาก ก็เชื่อตาม ให้ทำไปโดยไม่คิดอะไร
................
ในที่สุดแล้ว การทำความเข้าใจเรื่องครอบครัวมหิดลนี้ มีข้อจำกัดเรื่องข้อมูล แต่ว่า ถ้าลองนึกๆ ที่ผมเพิ่งอธิบายไปข้างบนว่า กษัตริย์ภูมิพลกับปรีดี เป็นเรื่องกลัวมากกว่าเกลียด และเรื่องที่ว่าเอาเข้าจริง กษัตริย์ภูมิพลไม่ได้เอียงมาทางไสยศาสตร์ เรื่องหมุดหรือเรื่องคณะราษฎรและปรีดี จึงคงไม่ใช่ประเด็นที่เขาจะถ่ายทอดเป็นมรดกมาถึงลูก บวกกับเรื่องที่ว่า เอาเข้าจริง กษัตริย์ใหม่ก็ไม่ได้มีความสนใจเรื่องประวัติศาสตร์อะไรขนาดนั้น มันนำมาสู่สิ่งที่ผมพยายามบอกว่า เรื่องหมุดคราวนี้ มันมีลักษณะเฉพาะมากๆของคาแร็กเตอร์บางอย่างของกษัตริย์ใหม่ ไม่ใช่เป็น "ส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การสู้กับคณะราษฎรหรือปรีดี" ของสถาบันกษัตริย์ไทย ขนาดนั้น
  
 

Image may contain: 3 people

มรสุมโหมกระหน่ำ. ต้นฤดูฝน ฝนตกหนักกรุงเทพฯ น้ำขังรอระบาย..รวมทั้งทั่วทุกภาคของประเทศไทยประเทศ

Prachachat - ประชาชาติ