torsdag 30 november 2017

ปล้นกันต่อไปพวกโจรในเครื่องแบบ ปล้นอำนาจ ปล้นทรัพย็สินของประเทศ !!!

รัฐตูดขาด... ล้วงเงินท้องถิ่นกว่าแสนล้าน เรื่องใหญ่แต่เงียบมาก อ้างว่า เป็นการเอาเงินมาใช้เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ





รัฐตูดขาด สั่งแก้ระเบียบฯ ใช้เงินท้องถิ่น อนุมัติ 1.5 แสนล้าน อ้างกระตุ้นเศรษฐกิจ


BY SARA BAD
ON NOVEMBER 29, 2017
Ispace Thailand


เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร) ณ จังหวัดสงขลา ในที่ประชุมได้มีวาระการประชุม กล่าวถึง การแก้ระเบียบปลดล็อกการใช้งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่มีสะสมกว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นไปเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและประธานในที่ประชุม ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังหารือเรื่องนี้ร่วมกันและวางกรอบการใช้เงินให้โปร่งใส[1]





ในที่ประชุม พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกระทรวงมหาดไทยจะหารือกับกระทรวงการคลัง กำหนดเป็นแนวทางที่ชัดเจนออกมาและจะกำชับกับผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ให้ดูแลเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณท้องถิ่นให้ตรงวัตถุประสงค์และโปร่งใส [2] ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติไฟเขียวให้แก้ระเบียบการใช้จ่ายเงินท้องถิ่นได้

ในส่วนของ พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ที่ประชุมครม.มีมติรับทราบให้นำเงินสะสมท้องถิ่นไปสร้างความเข้มแข็งตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซ่อมถนน ซ่อมสนามกีฬา ซึ่งเป็นงบซ่อมแซม ไม่ใช่การสร้างใหม่[3]





โดยกระทรวงมหาดไทยเคยรายงานให้คณะรัฐมนตรีในที่ประชุมทราบว่า อปท.มีเงินสะสมประมาณ 318,000 ล้านบาท สามารถนำมาใช้จ่ายได้ประมาณ 150,000 ล้านบาท เพราะส่วนที่เหลือจากการเปิดเผยของ พล.ท.สรรเสริญ ได้อธิบายว่ารัฐบาลนำมาใช้ทั้งหมดไมได้ เพราะครึ่งหนึ่งต้องกันไว้สำหรับรายการอื่นๆ เช่นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และเงินที่รัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติ และไม่ต้องไม่น้อยกว่า 25% ของงบสำรองที่ต้องมี

ที่มาที่ไปของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องนำงบประมาณ 2 แสนล้านบาท ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาจ้างงาน และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ซึ่งงบดังกล่าว แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยร้อยละ 25 เป็นงบสำรองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท.ทั้งหมด ส่วนอีกร้อยละ 75 นำมาใช้ได้ ทั้งนี้เงินดังกล่าวมาจาก อปท. 7 พันกว่าแห่งทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มี 2 พันกว่าแห่ง จะมีเพียงเงินสำรองสำหรับแก้ปัญหาเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ได้ ขณะที่อีกประมาณ 5 พันแห่ง สามารถนำมาใช้ได้ในอัตราที่ไม่เท่ากัน โดยเงินจำนวนดังกล่าวต้องแบ่งสำรองไว้ใช้กรณีบรรเทาสาธารณภัย อีกส่วนหนึ่งก็กันไว้ สำหรับเบี้ยเลี้ยงคนชราและผู้พิการ เป็นต้น

ซึ่งจากการประมาณการแล้ว จะมีงบประมาณที่จะสามารถนำไปใช้ได้ มีประมาณ 150,000 ล้านบาท แต่การจะนำงบประมาณไปใช้ ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย ว่าจะนำงบประมาณไปใช้อย่างไร[4] โดยนายสมคิด ก็ได้เสนอให้กระทรวงมหาดไทยนำเสนอคณะรัฐมนตรีและอนุมัติเรียบร้อย โดยข้อกล่าวอ้างของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรี มหาดไทย ที่ว่างบประมาณดังกล่าวต้องการมาช่วยเหลือประชาชนและพัฒนาประเทศในโอกาสต่าง ๆ โดยตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นการอนุมัติใช้ไม่น่าจะเสียหายตรงไหน





ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความพยายามเร่งรัดมาก เพราะแนวคิดของนายสมคิดนี้ เพิ่งจะเสนอกระทรวงมหาดไทยไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา และ ครม.อนุมัติ วันที่ 28 พ.ย.เลย า ซึ่งจากข้อกฎหมายของการใช้เงิน อปท.นั้น ต้องระบุการใช้เงินด้วย และที่มาที่ไปของโครงการด้วย แต่มหาดไทยยังไม่มีโครงการเลย จะสั่งการให้จังหวัด อำเภอ ดำเนินการได้อย่างไร มีแต่กล่าวลอยๆว่า เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะกำหนดเป็นแนวทางที่ชัดเจนออกมาในอนาคต และจะกำชับ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ให้ดูแลการใช้จ่ายงบประมาณท้องถิ่น ให้ตรงวัตถุประสงค์ และโปร่งใส[5] ซึ่งเลื่อนลอยมาก สำหรับงบประมาณมหาศาลกว่า 1.5 แสนล้านบาท เกือบเท่ากับงบประมาณกระทรวงมหาดไทยเลยทีเดียว




ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความพยายามเร่งรัดมาก เพราะแนวคิดของนายสมคิดนี้ เพิ่งจะเสนอกระทรวงมหาดไทยไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา และ ครม.อนุมัติ วันที่ 28 พ.ย.เลย า ซึ่งจากข้อกฎหมายของการใช้เงิน อปท.นั้น ต้องระบุการใช้เงินด้วย และที่มาที่ไปของโครงการด้วย แต่มหาดไทยยังไม่มีโครงการเลย จะสั่งการให้จังหวัด อำเภอ ดำเนินการได้อย่างไร มีแต่กล่าวลอยๆว่า เป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะกำหนดเป็นแนวทางที่ชัดเจนออกมาในอนาคต และจะกำชับ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ให้ดูแลการใช้จ่ายงบประมาณท้องถิ่น ให้ตรงวัตถุประสงค์ และโปร่งใส[5] ซึ่งเลื่อนลอยมาก สำหรับงบประมาณมหาศาลกว่า 1.5 แสนล้านบาท เกือบเท่ากับงบประมาณกระทรวงมหาดไทยเลยทีเดียว

ในส่วนของที่มาของเงินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) นั้น แบ่งออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ รายได้ที่จัดเก็บเอง, รายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมที่รัฐจัดเก็บให้และจัดสรรให้ และรายได้จากเงินอุดหนุดจากรัฐบาล(อ่านเพิ่มเติม http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/user_upload/morkor/km/guidebook/Local_Administrator.pdf) ซึ่งปัจจุบันรายได้รวมของ อปท.อยู่ที่ 318,000 ล้านบาท หากถูกรัฐส่วนกลางอย่างกระทรวงมหาดไทยหยิบไปใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายประชารัฐของรัฐบาลทหาร 150,000 ล้านบาท

คงน่าสนใจไม่น้อยที่จะพิจารณาต่อประเด็นรัฐตูดขาด ถึงกระทั่งสั่งแก้ระเบียบ อปท.ให้ใช้เงินท้องถิ่น เพราะจากตัวเลขของการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลทหารตลอด 3 ปี กว่า 8 ล้านล้านบาท ไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศโตขึ้นเลย แม้รัฐบาลจะพยายามปรับแก้ตัวเลขจีดีพีขนาดไหน ก็แทบจะรั้งท้ายประเทศในภูมิภาคอาเซียนนี้ ตัวเลขงบประมาณขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพียงแค่ในปี 2560 รัฐบาลมีงบประมาณขาดดุลอยู่ที่ 541,740 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ และจะเห็นได้ว่าดุลของรัฐบาลไทย ปี พ.ศ. 2556-2560 มีดุลการคลับต่อเนื่องเรื่อยๆ แค่ในยุครัฐบาลทหาร มีภาวะขาดดุลไปแล้วกว่า 1,331,789 ล้านบาท ซึ่งไม่มีที่ท่าว่าจะลดลง[6]

คงเห็นแล้วว่ารัฐบาลทหารผลาญงบประมาณของประเทศไปมหาศาลแค่ไหน ที่เราเห็นๆคุ้นๆเช่น การผลาญเงินประกันสังคม และยังจะผลาญต่อไปถึงองค์กรปกครองท้องถิ่นอีก น่าสนใจว่าจะไปผลาญที่ไหนต่อ

[1]http://www.moneychannel.co.th/news_detail/19880/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1.%E0%B8%94%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%97.%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99-1.5-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81

[2] เรื่องเดียวกัน

[3] http://www.thansettakij.com/content/236508?ts

[4] http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/782111

[5]http://www.moneychannel.co.th/news_detail/19880/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A1.%E0%B8%94%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%97.%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99-1.5-%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81

[6]http://www.ispacethailand.org/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/14438.html


ooo

วิกฤตสถานการณ์บ้านเมือง..ภายใต้รัฐบาล(คสช.)พระราชทาน..

สะเดาอ่วมท่วมรอบ 3 โรงพยาบาลโดนด้วย ทหารเร่งช่วยผู้ป่วย ชาวบ้านตุนอาหารแห้ง

บีบีซีไทย - BBC Thai

ข้อสังเกตเล็กๆ เกี่ยวกับ "สปีชสด-เสียงจริง" ของวชิราลงกรณ์วันน

ข้อสังเกตเล็กๆ เกี่ยวกับ "สปีชสด-เสียงจริง" ของวชิราลงกรณ์วันนี้

ข่าวสองทุ่มคืนนี้ มีการเผยแพร่ "สปีชสด-เสียงจริง" ของวชิราลงกรณ์ที่กล่าวกับ รมต.ที่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ความยาว 3 นาทีกว่า (อยู่ระหว่างนาที 3:45-7:28 ในคลิปตามข่าวนี้ http://news.ch7.com/detail/259495)

เนื้อหาก็ไม่มีอะไรเท่าไร ปกติรัชกาลที่ 9 ตอนรับ ครม.เข้าเฝ้าปฏิญาณก็จะไม่ได้พูดอะไรมาก ที่พูดประจำคือทำนอง "ให้ทุกท่านทำตามคำปฏิญญาณ" วชิราลงกรณ์เองก็พูดแบบนี้นิดหน่อย
แต่สิ่งที่สะดุดใจผม ในฐานะคนศึกษาสปีชของ ร.9 มานาน (55 ผมเชื่อว่าผมรู้จักและคุ้นเคยสปีชและข้อเขียนของ ร.9 มากกว่าคนรักเจ้าส่วนใหญ่ที่สุด) มีความต่างอย่างหนึี่งในสปีชของวชิราลงกรณ์
คือ ปกติ ร.9 จะไม่เคยพูดพาดพิงถึง "สามสถาบัน" (ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริิย์) อันนี้ หลายคนอาจจะไม่สังเกต แต่ผมสังเกตมานาน และเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ ร.9 ผ่านมาคิด-ฝึก-และจงใจ เพราะถ้าพูดในลักษณะ "ให้ช่วยกันรักษาสามสถาบัน" หรือพูดยกย่อง "สามสถาบัน" ก็จะมีลักษณะทำนอง "เข้าตัวเอง" ในแง่ ให้คนมารักษาปกป้องตัวเอง เชิดชูตัวเอง ("สถาบันกษัตริย์") อะไรแบบนั้น ซึ่งจะกลายเป็นดูไม่งามไป คำที่ ร.9 ใช้ประจำจึงเป็น "ชาติ" "ประเทศชาติ" "บ้านเมือง" - แน่นอน ในคำถวายสัตย์ รมต. มีการพูดว่าจะปกป้องเทิดทูนสถาบันกษัตริย์อะไรแบบนั้นอยู่ และการที่ ร.9 พูดให้ "ทำตามคำปฏิญาณ" ก็เท่ากับเป็นการให้คนถวายสัตย์มาปกป้องเชิดชูตัวเองด้วย แต่มันมีความต่างกันอยู่ ระหว่างการพูดอ้อมแบบนี้ กับการพูดยก "สามสถาบัน" โดยตรง - ผมสังเกตมานานว่า ร.9 จะหลีกเลี่ยงการพูดในลักษณะให้ดูเหมือนว่า เรียกร้องให้คนมาปกป้อง-เชิดชูตัวเอง (คนเกลียดเจ้า ย่อมพูดได้ว่า นั่นเป็นการ "เนียน" - ประเด็นที่ผมสนใจในการศึกษาสปีชของ ร.9 คือ เขาระมัดระวังเรื่องพวกนี้ และคงผ่านการคิดเรื่องพวกนี้มา)
แต่ในสปีช 3 นาทีกว่าของวชริาลงกรณ์ พาดพิงถึง "สามสถาบัน" ถึง 3 ครั้่ง
"สถาบันอันสูงสุดต่างๆของชาติ"
"สถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามสถาบัน ได้คุ้มประเทศมาตลอด"
"สถาบันอันสูงสุดต่างๆของชาติ"
ในแง่นึงก็ขำๆดี คือ วชิราลงกรณ์พูด "เป็นสูตร" ("สามสถาบัน") แบบเดียวกับคนไทยที่ได้ฟังการโฆษณาชวนเชื่อเรื่องนี้มานาน ทั้งที่ตัวเองเป็นหนึ่งใน "สามสถาบัน" นั้นโดยตรงแล้ว (ในขณะที่ ร.9 พูด โดย conscious ในฐานะที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นกษัตริย์ และพยายามเลี่ยงไม่ให้ดูเหมือน "ยกย่องตัวเอง")
ทั้งหมดนี้ ผมคิดว่า มาจากความ "มือใหม่" (พูดเป็นสูตร ไม่ได้คิดอะไรมากมาย) ของวชิราลงกรณ์

เห็นข่าว อ.สุรินทร์ ถึงแก่กรรมด้วยความตกใจ เพราะนึกไม่ถึงว่า จะถึงแก่กรรมกระทันหันแบบนี้... ผมรู้จัก อ.สุรินทร์ หลังผมออกจากคุกคดี 6 ตุลา และกลับมาเรียน มธ.ใหม่ในปี 2522 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ อ.สุรินทร์จบจากฮาร์วาร์ด และเริ่มงานที่ มธ.เต็มตัวพอดี...
เห็นข่าว อ.สุรินทร์ ถึงแก่กรรมด้วยความตกใจ เพราะนึกไม่ถึงว่า จะถึงแก่กรรมกระทันหันแบบนี้
สุรินทร์เป็นคนรุ่นเดียวกับ "เสก" เกิดปีเดียวกัน (2492) ธีรยุทธ อ่อนกว่าสองคนนี้ปีหนึ่ง ในขณะที่จรัล แก่กว่าสุรินทร์-เสก 2 ปี - พูดอีกอย่างคือ เขาเป็นคน "รุ่น 14 ตุลา" เหมือนกัน ต่างกับเสก(ซึ่งสุรินทร์เคยเป็นเพื่อนสมัยอยู่ธรรมศาสตร์) สุรินทร์เรียนธรรมศาสตร์ได้เพียง 2 ปี ก็ไปเรียนต่อและจบทั้ง ตรี-โท-เอก ที่สหรัฐเลย
ผมรู้จัก อ.สุรินทร์ หลังผมออกจากคุกคดี 6 ตุลา และกลับมาเรียนธรรมศาสตร์ใหม่ในปี 2522 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ อ.สุรินทร์จบจากฮาร์วาร์ด และเริ่มงานที่ธรรมศาสตร์เต็มตัวพอดี สมัยนั้น ยังจำได้ว่า อ.สุรินทร์ "ดัง" ไม่น้อยทีเดียว เพราะมีท่าทางเป็นอาจารย์รุ่นใหม่ ไฟแรง (รูปหล่ออีกต่างหาก) เห็นว่าเป็นที่ชื่นชมและเป็นมิตรกับนักกิจกรรมที่คณะไม่น้อย
เช่นเดียวกับอดีตนักวิชาการ-อาจารย์หลายคน ที่ผมรู้จักสมัยยังเป็นหนุ่ม (สุขุมพันธ์, องอาจ, ฯลฯ) อ.สุรินทร์ พอเข้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว กลับไม่มีบทบาทอะไรน่าประทับใจอย่างที่คาดหวัง และในทางการเมือง ก็มีแนวโน้มแย่ลงๆ กรณีอ.สุรินทร์นี้ ถ้าดูจากแบ๊คกราวน์ก่อนจะเข้าไป เป็นอะไรที่ผมผิดหวังอยู่ไม่น้อย ยังเคยพูดบ่นๆกับหลายคนเรื่องนี้
(ผมจำได้อยู่เรื่องว่าสมัยที่อาจารย์เป็น รมต.ต่างประเทศ ได้รับการชมเชยจากต่างประเทศ แมดเดอรีน ออลไบรท์ ถึงกับเอ่ยปากชม เป็นต้น แต่ผมไม่คิดว่า แม้แต่ในด้านต่างประเทศเอง จะมีอะไรที่เป็นผลงานฝากไว้ยืนยาว ที่สำคัญผมคิดในแง่การเมืองในประเทศ ในพรรค ปชป.เป็นหลัก)
นี่เป็นอะไรที่ผมยังเสียดายมาจนทุกวันนี้ ครั้งหลังสุด ไม่กี่ปีก่อน ที่มีข่าวลือๆออกมาว่า อ.สุรินทร์จะ challenge ตำแหน่งหัวหน้าพรรคของอภิสิทธิ์ ผมยังนึกแวบขึ้นมานิดหน่อยว่า หรือ "ไฟ" บางอย่างของอาจารย์จะกลับมา? แม้ว่าการเมืองของอาจารย์ในหลายปีหลัง เป็นอะไรที่ไม่ทำให้ผมหวังอะไรแล้ว แต่ก็ยังอดลุ้นนิดหน่อยไม่ได้ว่า อย่างน้อยถ้ามีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค อาจจะทำให้เกิดการขยับเขยื้อนในทางที่ดีขึ้นบ้าง แต่ไม่ทันไร ข่าวนี้ก็ถูกทำให้เงียบไป
(ในหลายปีหลังนี้ ผมหันมามองด้วยความสนใจ ลูกชายของอาจารย์มากกว่า - คุณฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ซึ่งกำลังทำปริญญาเอกที่ฮาวาร์ด อ่านบทความและบทสัมภาษณ์ของเขา 2-3 ชิ้น นับว่าน่าสนใจมาก และความคิดบางอย่างก็ดีด้วย)

ในฐานะคนเคยรู้จักชอบพอ ก็ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว อ.สุรินทร์
ขอให้อาจารย์ไปสู่สุขคติ
 

อนาคตประเทศไทย???.... ภายใต้.รัฐบาลพระราชทาน..

ในหลวง โปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

เมื่อเวลา 17.41 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน สมเด็จพระเจ้าอยู …
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล …
"บิ๊กตู่"ทำพิธีบวงสรวงเทพยดา ภายในวัดพระแก้ว

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา …
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 30 พ.ย.ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ …
"บิ๊กป้อม"เป็นประธานงานเลี้ยง "อาหารพระราชทาน" ให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยมีผู้เข้าร่วมงานนับพันคน
(หมายเหตุ-ประชาชนและประเทศชาติได้อะไร???คิด คิดๆๆ)

คลิป ละครวิทยุ แถแพ้เจ้า ประจำวันที่ 30 พ.ย.60




ละครวิทยุ แถแพ้เจ้า
ตอน : ชีวิตนี้มีแต่หอย
โดย : ส.ข้าวเหนียว–ส.ยังบลัด-ส.112-ลุงสนามหลวง
วันพฤหัส 30/11/2017 เวลา 21.00 น. ประเทศไทย
(ช่วยกันกดไลค์ทุกคลิ้ปเพื่อต่อต้านการสกัดกั้นของเครือข่าย คสช.)...

อาลัย ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาฯอาเซียน เสียชีวิตแล้ว

ช็อกวงการการเมือง! ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาฯอาเซียน เสียชีวิตแล้ว
https://www.matichon.co.th/news/749656

มีรายงานแจ้งว่า ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบ …

วันนี้ (30 พ.ย.) น.ส.พลอยทิพย์ วณิชย์มณีบุษย์ เลขาส่วนต …


จากกรณีการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ นายสุรินทร์ พิศสุวร …

“บัวแก้ว” ยกย่อง “ดร.สุรินทร์” ผู้ขับเคลื่อนอาเซียน-มีคุณูปการต่อการต่างประเทศของไทย
(หมายเหตุ-" ค่าของคน"..อยู่ที่ผลงานและการกระทำ มีคุณธรรมในจิตใจ  มีจิตสำนึกที่ดีเสียสละใช้ความรู้ความทำงานเพื่อรับใช้สังคมมวลมนุษย์ชาติเพื่อนร่วมโลก )

onsdag 29 november 2017

คลิปรายการ มีปัญหาปรึกษาลุง ประจำวันที่ 29 พ.ย.60


 

รายการ มีปัญหาปรึกษาลุง
ตอน : ถ่วงเวลา หาความเป็นธรรม
โดย : ส.ข้าวเหนียว–ส.ยังบลัด-ส.112-ลุงสนามหลวง
วันพุธ 29/11/2017 เวลา 21.00 น. ประเทศไทย
(ช่วยกันกดไลค์ทุกคลิ้ปเพื่อต่อต้านการสกัดกั้นของเครือข่าย คสช.)...