lördag 28 februari 2015

หยุดดัดจริตประเทศไทย ช่วยกันประนามปฎิเสธไม่ยอมรับ"กฎเผด็จการ" โดยนำเรื่องราวของพวกเผด็จการพวกเหลือบไรมาเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ความจริง ...

(เหลือบไรผู้สืบสันดานทรราช  " ตระกูลเหลือบกิตติขจร " ในอดีตทรราชเหลือบผู้พ่อได้ใช้อำนาจ"คอรัปชั่น"สูบกินผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นจำนวนมหาศาล จนถูกยึดคืนแผ่นดิน  แต่ยังเหลือมรดกที่ดินผืนใหญ่ที่ปากช่องตกมาถึงรุ่นลูกผู้สืบทอดสันดานเหลือบไรไว้ไม่เปลี่ยนแปลง  ช่วยกันประนามตระกูลเหลือบไรผู้เห็นแก่ได้.ไร้คุณธรรมไร้จิตสำนึก..)


[​IMG]


นี่เราจะต้องเสียภาษีบ้านและที่อยู่อาศัยเพื่อให้คนพวกนี้เอาเงินภาษีเราไปบริหารประเทศจริงๆหรือ??//ถามใจตัวเองนะว่าหลังจากอ่านเสร็จแล้วรู้สึกอย่างไร
*สภาสืบพันธุ์เผด็จการ
(คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี ลูก จอมพลถนอม กิตติขจร ตัวแทนกลุ่มเผด็จการปราบนักศึกษา 14 ตค 2516)

คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี แต่งตั้งนายสุวงศ์ ยอดมณี บุตรชาย เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสนช. เงินเดือน 24,000 บาท นางนิภาภรณ์ ยอดมณี ญาติ เป็นผู้ช่วยประจำตัวสนช. เงินเดือน 15,000 บาท

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425067526

ภาพจาก http://www.naewna.com/lady/gallery/2866


[​IMG]



“บิ๊กโด่ง” เผยสนช.ตั้งลูก-เมียได้ ไม่ผิดกฎหมาย-เป็นเรื่องส่วนบุคคล

คลิก-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU5UQTVOVGc1TlE9PQ==&subcatid



[​IMG]



-เบื้องหน้าเบื้องหลัง"บวรศักดิ์"ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

[​IMG]

อัพเดท เปิดโปงใครคือไอ้โม่งที่สั่งปิดเกมส์ม็อบกบฎเทพเทือก...อาวุธทางปัญญา เรื่องเก่านำมาให้อ่านใหม่ เพื่อความเข้าใจเรื่องราวเป็นการยกระดับความคิดติดตาม ทันข่าว ทันสถานการณ์ รู้ทันแผนร้ายของ"ไอ้โม่งและอีโม่ง"หัวหน้ามาเฟียใหญ่เจ้าของกฎหมายเผด็จการทรราช.ม.๑๑๒ .. เจ้าของใบสั่งโรดแม็ป "ปฎิรูปอะไร?".แม่น้ำห้าสายของเผด็จการทรราชใช้ทำลายประเทศไทยอยู่เวลานี้...


เปิดโปงใครคือไอ้โม่งที่สั่งปิดเกมส์ม็อบกบฎเทพเทือก...


คำตอบใครคือไอ้โม่งในบทความประชาทอล์ค



                             กลุ่มเสียงประชาชนไทย (สปท.) ได้เกาะติดสถานการณ์ช่วง 5วัน ก่อนการปิดกรุงเทพฯ ของม็อบกบฏเทพเทือกมีกระแสข่าวความวิตกกังวลในทุกวันของประชาชนว่าทหารจะยกกำลังออกมายึดอำนาจโดยจับมือกับกบฏเทพเทือก  ทำไมจึงเกิดกระแสข่าวเช่นนั้น?  มีความเป็นจริงได้มากน้อยเพียงไร?  เกิดวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์มากมายแต่มีบทวิเคราะห์หนึ่งโดยผู้เขียนใช้ว่า “สส.แดงแต่ไม่ดัง” นำเสนอโดย “wiikiki” ในเว็บบอร์ดประชาทอล์ค  โดยมีทั้งเรื่องและรูปภาพประกอบเป็นสองตอนที่ใช้ชื่อว่า เทพเทือก ปิด กทม.? ทำไมไอ้โม่งต้องรีบปิดเกมส์ และ หลักฐาน “ไอ้โม่ง” รีบปิดเกมส์...(เทพเทือกปิด กทม.ภาค2)   มีหลักฐานและเหตุผลที่น่าเชื่อมากว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดรัฐประหารได้หรือไม่และมีผู้สนใจกดเข้าไปอ่านจำนวนมาก  แต่น่าเสียดายที่เว็บบอร์ดในประเทศไทยไม่อาจจะเปิดว่าไอ้โม่งคือใคร และลูกสาวไอ้โม่งคือใครที่เป็นต้นเหตุวิกฤตของประเทศในขณะนี้ ด้วยเพราะมีกฎหมายมาตรา 112 ปิดปากอยู่  ดังนั้น สปท. จึงขอทำหน้าที่วิเคราะห์ต่อเติมและเปิดเผยความจริงที่น่าจะตรงกับเจตนาของผู้ที่ใช้ชื่อว่า สส.แดงแต่ไม่ดัง แต่ไม่ว่าจะตรงหรือไม่ตรง สปท. ขอเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเห็นนี้โดยขอเปิดเผยว่าไอ้โม่งตัวจริงที่ก่อวิกฤตในประเทศไทยมายาวนานคือ “กษัตริย์ภูมิพล” และ ลูกสาวไอ้โม่งในบทความนี้คือ “พระเทพ”  เพื่อความตาสว่างขอให้ท่านผู้อ่านติดตามเนื้อความวิเคราะห์ข้างล่างนี้

เทพเทือก ปิด กทม.? ทำไมไอ้โม่งต้องรีบปิดเกมส์

ศึกษาจากบทเรียน สุจินดา ปี’35 และ เสื้อแดงถูกฆ่า ปี’53




        
บทวิเคราะห์จาก ส.สแดงแต่ไม่ดัง.

 คนทั่วโลกไม่เฉพาะคนไทยที่สงสัยว่าสถานการณ์การปิดกรุงเทพฯ ของม็อบเทพเทือกจะจบลงอย่างไร?    ตอบแบบฟังธงเลยว่า จะจบลงด้วยการรัฐประหารในรูปแบบพิเศษ  “เทพประทาน” 

การเข้าใจสถานการณ์ “ม็อบก่อวิกฤตรัฐ” ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญของไอ้โม่งที่ใช้ในการล้มล้างรัฐบาล ที่ไอ้โม่งและองค์บริวารเหม็นขี้หน้าเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แต่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของไอ้โม่งห้ามลอกเลียนแบบ  หากคนเสื้อแดงได้อ่านบทวิเคราะห์นี้แล้วจะรู้เองว่าทำไมรัฐบาล พล.อ.สุจินดา สังหารประชาชนในปี 2535 จึงจบลงด้วยการเข้าเฝ้า?  แล้วทำไมรัฐบาล ร.ท.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สังหารประชาชนจึงจบลงด้วยคนถูกสังหารตกเป็นจำเลยไม่มีการเข้าเฝ้า  ?

เมื่อ กันยายน 2500 ไอ้โม่งและองค์บริวารเหม็นขี้หน้า รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็รอหาจังหวะล้ม ก็พอดีได้เรื่องต่อต้านกฎหมายนิรโทษสุดซอย  อุ๊ยขอโทษพิมพ์ผิด ก็พอดีได้เรื่องการต่อต้านทุจริตการเลือกตั้ง  ก็เกิดม็อบเดินขบวนขับไล่รัฐบาลจอมพล ป. (ม็อบเดินขบวนก็ไม่ต่างอะไรกับม็อบเทพเทือกเพียงแต่ขนาดเล็กกว่าตามสัดส่วนประชากรและการตื่นตัวต่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองในขณะนั้น)  แล้วก็ส่งสัญญาณให้ พล.อ.สฤษดิ์  ธนะรัชต์ ล้ม จอมพล ป. โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้เกิดความแตกแยกและเกิดการเสียเลือดเนื้อประชาชน  ฟังเหตุผลดูก็คล้ายๆกับม็อบพันธมิตรที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วไอ้โม่งก็ส่งสัญญาณให้ พล.อ.สนธิ ทำการรัฐประหารล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ  เมื่อ 19 กันยา 2549  ต่างกันที่ พล.อ.สนธิ ยังมีชีวิตอยู่ไขข้อข้องใจว่าไอ้โม่งคือใคร?  คำตอบที่เป็นวลีทองคือ “ตายไปก็บอกไม่ได้”

เมื่อ พฤษภาคม 2535 ไอ้โม่งและองค์บริวารเหม็นขี้หน้า รัฐบาล พล.อ.สุจินดา  ก็หนุนหลัง พล.ต.จำลอง  ศรีเมือง ลูกสมุนคู่ใจอย่างถาวร ก่อม็อบล้มรัฐบาล พล.อ.สุจินดา  ด้วยเหตุผลต่อแหลไปวันๆ ว่านายกฯ สุจินดา ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง (ก็คล้ายกับม็อบเทพเทือก ที่ต่อแหลไปวันๆ ว่า ต้องปฏิรูปการเมืองไทย) แต่ขนาดของม็อบใหญ่กว่าของม็อบปี 2500 ที่ล้มรัฐบาล จอมพล ป. และรัฐบาลสุจินดามีบทเรียนมากกว่ารัฐบาล จอมพล ป. จึงจัดการปราบปรามผู้ประท้วงและรวบหัวหน้าม็อบ พล.ต.จำลอง ชนิดเอาอยู่จับใส่กุญแจมือเข้าคุกดำเนินการตามกฎหมาย  กระบวนการสืบสวนสอบสวนก็จะต้องเริ่มขึ้นว่าไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลัง พล.ต.จำลอง คือใคร   ไอ้โม่งตัวจริงจึงต้องแสดงบทบาทช่วยเหลือ พล.ต.จำลอง ลูกสมุนเพื่อไม่ให้ข้อกฎหมายลุกลามมาถึงตัวจึงเกิดการพลิกเกมโดยองค์บริวารนำตัว พล.อ.สุจิดา และ พล.ต.จำลอง เข้าเฝ้า แล้วผลรับออกแบบอึ้งไปตามๆกันคือ ล้มรัฐบาลสุจินดา ทั้งๆที่เป็นรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบทางการเมืองและกฎหมาย  บทเรียนจากรัฐบาลสุจินดาล้มทั้งยืน ได้กลายเป็นโมเดลศึกษาเพื่อจะใช้เป็นมาตรฐานจากการกระทำของไอ้โม่ง  แต่ทุกคนลืมไปว่าไอ้โม่งมีหลายมาตรฐาน

นปช. พยายามจะหาคำตอบจากบทเรียนโมเดลล้มรัฐบาลสุจินดา  โดยคาดหวังว่าการสังหารประชาชนของรัฐบาล ร.ท.อภิสิทธิ์ ในเดือนเดียวกันคือ พฤษภาคม ในปีเลขเดียวกันแต่กลับด้านคือ 35 เป็น 53  โดยหวังว่าไอ้โม่งจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับการล้มรัฐบาลสุจินดา แต่การกลับกลายเป็นว่าไอ้โม่งกลับหนุนหลังรัฐบาล ร.ท.อภิสิทธิ์ แล้วถีบศพประชาชนทิ้งไปอย่างไม่แยแสและยังเปิดไฟเขียวอนุมัติงบประมาณให้รัฐบาล ร.ท.อภิสิทธิ์ 8แสนล้านเพื่อให้มีเงินทอนไปซื้อเสียงล่วงหน้าอีกด้วย  คนเสื้อแดงจึงเกิดภาวะตาสว่างว่าไอ้โม่งมีหลายมาตรฐานแล้วแต่อารมณ์และแล้วแต่ผลประโยชน์

มาถึงปัจจุบัน รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์  ไอ้โม่งและองค์บริวารเหม็นขี้หน้าไม่ชอบรัฐบาลรัฐบาลน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ โดยแสดงออกตลอดสองปีเศษจากเหตุการณ์ที่สามัญมนุษย์หาเหตุผลไม่ได้ตั้งแต่วันแรกจนถึงม็อบเทพเทือกประกาศตัวเป็นอันธพาลยึดสถานที่ราชการจนประกาศปิดกรุงเทพฯ รัฐบาลและองค์กรมวลชนต่างๆ พยายามจะทัดทานโดยอาศัยสถาบันตุลาการและองค์กรต่างๆ ของรัฐ โดยไม่เรียกร้องเอากับรัฐบาลเพราะมีบทเรียนตาสว่างว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจจริงแต่แทนที่ศาล องค์กรอิสระและทหารจะห้ามปรามม็อบอันธพาลกลับกลายเป็นว่าต่างช่วยกันรุมรัฐบาลด้วยเหตุผลว่าม็อบอันธพาลที่ยึดหน่วยราชการ (ปิดล้อมกระทรวงมหาดไทยจนถึงวันนี้ยังปิดล้อมต่อเนื่องทำงานไม่ได้) และปิดกรุงเทพฯ เป็นการแสดงออกถึงประชาธิปไตย

รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตาสว่างจากบทเรียนในอดีตทางประวัติศาสตร์ที่ไอ้โม่งชอบล้มรัฐบาลโดยชอบอ้างว่าจะเกิดการเสียเลือดเนื้อของประชาชนจึงเดินแนวทางไม่ใช้ความรุนแรงและยอมผ่อนปรนทุกเรื่องจนไอ้โม่งปวดกบาลหาข้ออ้างอย่างที่เคยๆ ล้มรัฐบาลเล่นงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้สักทีและล่าสุด นายกฯยิ่งลักษณ์กลับโยนคำถามที่แสบสันให้ไอ้โม่งที่ไม่ชอบประชาธิปไตยต้องตอบคือ “ยุบสภาแล้วไปเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภา ดีกว่าไหม?” 

ด้วยคำตอบที่ยากสำหรับไอ้โม่งที่ไม่ชอบประชาธิปไตย  จึงเกิดการถลำลึกของไอ้เทพเทือกประกาศความเลวประจานตัวเองด้วยการปิดกรุงเทพฯ  โดยหวังว่าเป็นไม้ตายสุดท้ายที่จะให้ยิ่งลักษณ์ยอม  แต่ก็พบกับความเงียบ จนถึงขณะนี้แผนการรัฐประหารในลักษณะพิเศษจึงต้องเกิดขึ้นแต่เป้าหมายหลักมิใช่การล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่เป้าหมายหลักเป็นการช่วยม็อบเทพเทือก (เพราะการปิดกรุงเทพคือสัญญาณความพ่ายแพ้ทางการเมืองของเทพเทือกลูกสมุน) ส่วนการล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นผลพลอยได้ซึ่งคล้ายกับสถานการณ์ความพ่ายแพ้ของ พล.ต.จำลอง ปี 2535 เพราะหากไม่ช่วยม็อบเทพเทือกจะต้องประสบกับการพ่ายแพ้อย่างแน่นนอนเพราะไม่อาจจะล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้  และสิ่งที่ไอ้โม่งและองค์บริวารหวาดกลัวที่สุดคือไอ้เทพเทือกจะถูกรวบตัวในคราวนี้และการสอบสวนจะไปถึงตัวไอ้โม่งและองค์บริวารที่อยู่เบื้องหลัง  และจะเป็นความพ่ายแพ้ที่รุนแรงที่สุดนั่นคือประชาชนจะรุมเกลียดชังและประณามไม่ใช่เฉพาะไอ้เทพเทือกแต่จะลามไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเพราะขณะนี้เขารู้กันหมดแล้วว่าเธอและพวกเธอเป็นใคร

การรัฐประหารในลักษณะพิเศษจะเริ่มต้นจากการชี้มูลของ ปปช. และการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และจะติดตามมาด้วยสารพัดคำวินิจฉัยเล่นงานรัฐบาลขององค์กรเครือข่ายองค์บริวารที่ตอแหลโจ่งแจ้งจนสังคมไทยและสังคมโลกรับไม่ได้เพื่อสร้างความชอบธรรมแบบแหลๆแถๆจนบ้านเมืองปั่นป่วนแล้วก็จะทำการเผด็จศึกปิดเกมในเร็วๆนี้ โดยห้ามวิภาควิจารณ์

ท่านจะเห็นการรัฐประหารในรูปแบบหลากหลายองค์กรถล่มรัฐบาลและถล่มม็อบเทพเทือกไปพร้อมๆกันที่แอ๊บว่าเป็นกลางด้วยข้อกล่าวหาว่าสองฝ่ายทะเลาะกันทำให้ประชาชนเดือดร้อน (ตามสูตรโบราณ) ภายใต้ร่มธง “เพื่อความสามัคคีของคนในชาติ” ซึ่งสุดท้ายหนีไม่พ้นที่เราจะได้เห็นภาพการเข้าเฝ้าของตัวแทนรัฐบาลและตัวแทนม็อบอย่างแน่นอน

โปรดจับตาจะได้เห็นในเร็วๆนี้

เรื่องของกษัตริย์นักลงทุนอันดับ1 และ เป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก.."ความจริง ".คือ กษัตริย์ภูมิพลของประเทศไทยผู้เป็นเจ้าของระบอบอำมาตย์เผด็จการทรราชราชาธิปไตยนั่นเอง...เหลือบศักดินาผู้กดขี่ขูดรีดทำนาบนหลังคน ผู้ปล่อยให้ประชาชนมีชีวิตอยู่แค่"พอเพียง"....



สำนักข่าวดังระดับโลกให้เกียรติ์ในหลวงบอกที่มาของรายได้หลักๆที่ทำให้พระองค์ทรงครองตำแหน่งนักลงทุนอันดับ 1 ในประเทศไทยตลอดกาลและเป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลกแต่ให้โอวาทประชาชนมีชีวิตอยู่แค่"พอเพียง"
--------------------------
เนื้อข่าวสำคัญนายวิลเลียม เมลเลอร์ ( William Mellor) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) กล่าวในหลวงของไทยครองตำแหน่งนักลงทุนอันดับ 1 ของประเทศและพบว่าการครองสิริราชย์สมบัติผ่านทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวสองแสนล้านๆบาท ซึ่งเรื่องนี้นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนใดๆในการทำรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดกว่า 30% ในหุ้นเครือซิเมนต์ไทย ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีพนักงานในเครือกว่า 24,000 คน ผลิตสินค้านับตั้งแต่เคมีภัณฑ์ ไปยันวัสดุก่อสร้างสารพัด ส่วนหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 3 ของไทย และในหลวงทรงถือหุ้นอยู่ 21% ส่วนเทเวศน์ประกันภัย ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินฯถืออยู่ 87% หากนับหุ้นที่ถือผ่านสำนักงานทรัพย์สินฯแล้ว ก็จะคิดเป็น 7.5%ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหุ้นไทย

นักลงทุนซึ่งตกใจกลัวจากเหตุการณ์รัฐประหารก็กำลังเฝ้าจังหวะที่จะกลับมาช้อนซื้อหุ้นไทยอยู่ แต่ระหว่างนั้นก็จ้องจะเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ในหลวงทรงถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย เนื่องจากมีความเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงอยู่ในพระราชบัลลังก์มาอย่างมั่นคงกว่า 61 ปี แล้ว ก็นับว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศไทย รวมทั้งเป็นประเทศเกษตรและอุตสาหกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเป็นทั้งประเทศที่ส่งออกข้าวใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน
ตามตัวเลขเดิมนั้น กษัตริย์มีที่นาที่ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี นครปฐม เพชรบุรี สระบุรี นครนายก อยุธยา ปทุมธานี ตามที่รัฐบาลเปิดเผย 53,683 ไร่ โดยแจกเอกสารสิทธิการเช่าที่ดินแก่ราษฎร 43,143ไร่ ส่วนที่ดินในกรุงเทพฯนั้นกษัตริย์มีที่ดินอยู่เกือบครึ่งเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณศูนย์การค้า เช่น สยามสแควร์ ราชประสงค์ สุขุมวิท สีลม สาธร ท่าพระจันทร์ สองข้างถนนราชดำเนิน นางเลิ้ง หัวลำโพง ราชเทวี ประตูน้ำ สำเพ็ง ราชวงศ์ เยาวราช  สี่พระยา บางรัก วงเวียนใหญ่ คลองเตย ฯลฯ
และที่สำคัญคือเป็นเจ้าของที่ดินอันเป็นที่ตั้งของสนามม้าสองแห่งเนื้อที่หลายร้อยไร่ นับเป็นแหล่งการพนันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ กษัตริย์จะได้ค่าเช่าจากสนามม้า ปีละมหาศาล และที่แน่ๆ ก็คือทรงสนับสนุนการแข่งม้า มีการประทานถ้วยให้ม้าแข่งชนะเลิศ
นอกจากนี้ คนยากจนส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ ก็ยังอาศัยในที่ดินของ คนกรุงเทพฯอยู่ในสลัมถึง 8 แสนคน เกือบทั้งหมดต้องเช่าที่ดินอยู่ และกว่าครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในที่ดินของทางราชการและสำนักงานทรัพย์สิน กษัตริย์จึงเป็นเจ้าของที่ดินที่เป็นสลัมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เป็นทรัพย์สินก้อนใหญ่ที่ทำประโยชน์อย่างมหาศาล และไม่มีใครกล้าแตะต้องยุ่งเกี่ยวด้วยโดยเฉพาะการเสนอกฎหมายจำกัดการถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในปัจจุบันพระเจ้าอยู่หัวทรงมีที่ดิน 32,500 ไร่ ในนั้นกว่า 7,500 ไร่ อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไทย โดยพื้นที่บางแห่งมีมูลค่าตารางวาละหลายแสนบาท จากการประเมินของบริษัทซีพีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
พื้นที่บางส่วนถูกนำไปพัฒนาเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์ใหญ่ที่สุดของประเทศ, สวนลุมไนต์บาร์ซ่า พื้นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ทรงไล่นักเรียนเตรียมทหารออกไปเรียนที่นครนายก, พื้นที่ถนนราชดำเนินอันเต็มไปด้วยตึกสวยงามและสถานที่ตั้งสำนักงานทรัพย์สินฯ และโรงแรมโฟร์ซีซั่น และโรงแรมดุสิตธานี
พระเจ้าอยู่หัวยังทรงถือหุ้น 87% ในโรงแรม เคมเพน สกี้ Kem penski ซึ่งมีฐานมาจากมิวนิค ประเทศเยอรมันนีด้วย ผ่านทางบริษัท CPB EQUITY ทั้งนี้รายงานในปี 2548 ระบุว่าเคมเพนสกี้ในไทยมีมูลค่ากว่า 716 ล้านเหรียญ (กว่า23,000 ล้านบาท)
คริส เบเกอร์ นักประวัติศาสตร์ผู้เขียนเรื่อง " ประวัติศาสตร์ไทย ร่วมกับดร.สุก พงษ์ไพจิตร ถึงกับกล่าวว่าพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลทรงรื้อฟื้นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง โดยชี้ว่า "สำนักงานทรัพย์สินฯคือองค์กรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรอุดหนุนสถาบันกษัตริย์นั้น ทุกประเทศในยุโรปและประเทศที่พัฒนาแล้ว เงินปีที่ประชาชนถวายให้ในฐานะประมุขของประเทศที่พัฒนาแล้ว มีค่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับเงินปีที่ประชาชนถวายให้กับสถาบันกษัตริย์ และสมาชิกราชวงศ์ของประเทศไทย ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีคนจนมากมาย อีกทั้งทุกพระองค์ได้รับอภิสิทธิ์ในการยกเว้นภาษีเงินได้ ในขณะที่สถาบันกษัตริย์และสมาชิกในราชวงศ์ในประเทศพัฒนาแล้วต้องเสียภาษีเงินได้มากกว่า 40 เปอร์เซนต์
นอกจากนี้ประชาชนในประเทศไทยยังต้องถวายเงินเพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกในราชวงศ์ เพื่อแสดงความจงรักภักดี อาทิ โครงการในพระราชดำริทุกโครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปตรวจสอบและประเมินผลได้ โครงการประชาสัมพันธ์พระราชกรณียกิจ และพระกรณียกิจของทุกพระองค์ เป็นต้น อีกทั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นนิติบุคคลที่ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีเงินได้ ข้อมูลจากนิตยสารเอลสิเวียร์ Elsevierซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินของประเทศเนเธอร์แลนด์บอกว่า ควีนเบียทริกซ์ มีเงินปีที่ได้รับการถวายในการดำรงตำแหน่ง 762000 ยูโรต่อปี หรือราวปีละ 40 ล้านบาทซึ่งต้องเสียภาษีมากกว่า 40 เปอร์เซนต์ แตกต่างจากงบประมาณที่ประชาชนในประเทศไทยถวายให้กับสำนักพระราชวังสำหรับสำหรับทุกพระองค์ ดังตัวเลขเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้แก่สำนักพระราชวังดังนี้
งบประมาณของสำนักพระราชวัง
ปี 2545 -1,136,536,600 บาท ปี 2546 -1,209,861,700 บาท ปี 2547-1,275,948,400 บาท ปี 2548 -1,501,472,900 บาท ปี 2549 -1,676,888,800 บาท ปี 2550 -1,945,122,400 บาท แยกรายจ่ายเฉพาะปี 2550 เฉพาะที่น่าสนใจ
1. งบบุคลากร 835,701,700 บาท
1.1 เงินเดือนและค่าจ้างประจำ 833,201,700 บาท
1.2 ค่าจ้างชั่วคราว 2,500,000 บาท

2. งบดำเนินงาน 339,869,300 บาท
2.1 ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ156,432,500 บาท
(1) ค่าเช่ารถยนต์ส่วนกลาง 24 คัน4,635,200 บาท งบประมาณทั้งสิ้น23,176,000 บาท
(2) ค่าเช่ารถยนต์ส่วนกลาง 23 คัน5,110,700 บาท งบประมาณทั้งสิ้น25,553,500 บาท
3. งบลงทุน 9,162,200 บาท
3.1 ค่าครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง9,162,200 บาท
3.1.1 ค่าครุภัณฑ์5,979,700 บาท
4. งบเงินอุดหนุน 756,889,200 บาท
4.1 เงินอุดหนุนทั่วไป756,889,200 บาท

1. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในพระราชฐานที่ประทับ 280,000,000 บาท
2. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานที่ประทับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร 180,000,000 บาท
3. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระองค์ 65,625,000 บาท
4. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินปีพระบรมวงศานุวงศ์ 57,856,000 บาท

5. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในพระราชฐานต่างจังหวัด 100,000, 000 บาท
6. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินเบี้ยหวัดข้าราชการฝ่ายใน 8,908, 200 บาท
7. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินพระราชกุศลตามพระราชอัธาศัย 9,000, 000 บาท
8. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประสานงานโครงการ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 19,000, 000 บาท
9. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประสานงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมากจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 6,500,000 บาท
10. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพระราชฐานและซ่อมเครื่องตกแต่ง 10,000,000 บาท
11. เงินอุดหนุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงพระตำหนักจิตรลดารโหฐานพร้อมจัดหาซ่อม ทำเครื่องใช้เครื่องตกแต่ง 15,000,000 บาท
12. เงินอุดหนุนโครงการบูรณาการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต 5,000,000 บาท ยังมีงบแยกเป็นของสำนักเลขาธิการพระราชวังอีก 400 กว่าล้านบาท

ประเทศไทยนอกจาก จะมีราชวงศ์ที่ร่ำรวยมั่งคั่งที่สุดในโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บโดยมีทรัพย์สินล่าสุดรวมกันไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาทแล้ว ประชาชาวไทยยังมีภาระเลี้ยงดูราชวงศ์ที่แพงที่สุด มากกว่าราชวงศ์ในประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย กษัตริย์ของประเทศอังกฤษและยุโรปเขาจนกว่ากษัตริย์ของเรามาก และกษัตริย์ของเขาต้องเสียภาษีแต่กษัตริย์ของไทยเรารวยกว่าเขามาก แถมยังไม่ต้องเสียภาษีและมีงบประมาณสนับสนุนอย่างเหลือเฟือ รวมทั้งได้รับเงินบริจาคที่มีจากหลายๆแหล่งตลอดทั้งปี.//

Xomxai No 29 ตอน : The Opportunist Vajiralongkorn... เสี่ยโอแค่รอโอกาส

 #กษัตริย์ภูมิพลป่วยหนักใกล้ตายพวกอำมาตย์ร้ายพากันวางแผนจะยึดอำนาจ
#การแย่งชิงราชบัลลังก์คือสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยปัจุบัน
#กษัตริย์ภูมิพลป่วยหนักใกล้ตายพวกอำมาตย์ร้ายพากันวางแผนจะยึดอำนาจเพื่อขัดขวางไม่ให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป !

    

วิกฤติของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในเวลานี้คือวิกฤติการแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่าง ลูกชาย ลูกสาว และเมียของกษัตริย์ภูมิพล  เป็นเรื่องภายในครอบครัวซึ่งกษัตริย์ภูมิพลเองไม่สามารถจัดการให้มันลงตัวได้  แต่ โยนปัญหาครอบครัวให้เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย โดยมี รัฐบาล รัฐสภา ประชาชนและประเทศชาติเป็นฝ่ายรับผิดชอบแก้ไขปัญหาให้โดยตัวเองไม่กล้ารับผิด ชอบ นี้คือสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยในเวลานี้

ก่อนการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 กษัตริย์ภูมิพลป่วยหนัก  แต่ประชาชนไม่รู้   และมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าหลังจากการยึดอำนาจ  พระเทพ ฯลูกคนที่สามซึ่งกษัตริย์ภูมิพล ต้องการให้ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป  ได้ ไปทำพิธีต่ออายุให้กษัตริย์ภูมิพลในจังหวัดทางภาคเหนือในขณะเดียวกัน กษัตริย์ภูมิพลก็เข้าโรงพยาบาลทำการผ่าตัดใหญ่ที่กระดูกสันหลังซึ่งป่วยมาจน บัดนี้   และได้ทำโรงพยาบาลศิริราชเป็นพระราชวังสำหรับกษัตริย์ภูมิพลโดยเฉพาะ  การยึดอำนาจเป็นการส่งสัญญาญถึงประชาชนใน ๒ เรื่อง  ชี้บอกถึงว่าทางวังจะมีการเปลี่ยนแปลงรัชกาลคือ :

1)    คณะรัฐประหารใช้ภาษาว่าเป็นระยะเปลี่ยนผ่าน ซึ่งพลเอกเปรมเองก็ได้ออกมาพูดว่า “ เป็นคนไทยเกิดมาต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน “  นั้นหมายความว่าพลเอกเปรมจะเป็นคนกำหนดว่าใครจะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป ปัญหามีอยู่ว่า พลเอกเปรมรับคำสั่งมาจากใคร ?  เมื่ออ่านรัฐธรรมนูญปี พ.ศ 2540 และปี พ.ศ. 2550  ในหมวดพระมหากษัตริย์  จะมีข้อความเหมือนกัน โดยให้พลเอกเปรมเป็นคนเสนอชื่อรัชทายาทที่จะขึ้นครองราชย์สืบทอดราชบัลลังก์ต่อรัฐบาล  โดยให้รัฐบาลเสนอต่อรัฐสภาเป็นที่ชัดเจนว่าให้ผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์ได้    ดังนั้นรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์การแก้ไขที่จะเกิดขึ้นใหม่  ทางพรรคประชาธิปัตย์จึงได้เสนอห้ามแตะต้องอย่างเด็จขาด    นั้นหมายความว่าห้ามแตะต้องอำนาจพลเอกเปรมในรัฐธรรมนูญ  ถ้า เป็นเช่นนั้นจริงก็ไม่ได้แก้ไขต้นเหตุแห่งความวุ่นวายในการแต่งตั้งกษัตริย์ จึงเป็นสาเหตุแห่งความวุ่นวายของปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้

2 ) เรื่องการสืบราชสันตติวงค์ตามกฏมณเทียรบาลเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ภูมิพลโดย ตรงในการตัดสินใจแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 ว่าจะให้ใครเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป   แล้วเรื่องยุ่งยากทั้งหมดก็จะหมดสิ้นไป   แต่กษัตริย์ภูมิพลกลับไม่ทำอะไร  ปล่อยให้ปัญหาความยุ่งยากของครอบครัวเป็นปัญหาของประชาชนในประเทศต้องเกิดความขัดแย้งกันเป็นปัญหาวุ่นวายอยู่ในเวลานี้   นอกจากนั้นยังโยนเรื่องนี้ให้เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลและรัฐสภา  ซึ่งตามหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ   ได้บัญญัติไว้ว่าไม่ให้แก้ไขและใครแตะต้องไม่ได้    จึงกลายมาเป็นหมวดที่ควบคุมรัฐบาลและรัฐสภาไปในตัว  ดังนั้นการมีรัฐบาลที่พลเอกเปรมควบคุมได้ก็คือตัวกำหนดองค์รัชทายาทรัชกาลที่ 10   ฉนั้นพลเอกเปรมจึงต้องการควบคุมรัฐบาลเพื่อให้การแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 เป็นไปตามความประสงค์ของตน   คนที่จงรักภักดีเช่นอดีตนายกสมัคร  สุนทรเวช  ที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เพราะนายสมัคร จะเอาเจ้าฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่  10    และรัฐบาลทักษินก็ต้องการฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์  ซึ่งตามกฏมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์  ในฐานะเป็นองค์มกุฏราชกุมารฟ้าชายย่อมเป็นผู้มีสิทธิ์มากกว่าคนอื่น   แต่พลเอกเปรมมีความขัดแย้งกับฟ้าชายไม่ยอมให้ฟ้าชายขึ้นเป็นกษัตริย์ รัชกาลที่ 10   เพราะเปรมต้องการให้พระเทพ ฯ ขึ้นเป็นกษัตริย์

ด้วยเหตุนี้การยึดอำนาจ  วันที่ 19  กันยายน  2549   จึงทำเพื่อการนี้ โดยเฉพาะ  หลังจากการยึดอำนาจมีการวางแผนที่จะควบคุมอำนาจไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี    เพราะไม่รู้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะตายเมื่อไหร่  โดยได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญให้อำนาจรัฐสภา อำนาจรัฐบาลอยู่ภายใต้อำนาจตุลาการทั้งหมดในช่วงเวลาถึง 9 ปี  ภายใต้คำพูดที่เรียกว่า “ ตุลาการภิวัฒน์ “
แล้วใครเป็นคนใช้ศาลได้ถ้าไม่ใช่กษัตริย์ภูมิพลเอง ?

ดังนั้นเมื่อรู้ปัญหาชัดเจนเช่นนี้กษัตริย์ภูมิพลควรแต่งตั้งรัชกาลที่ 10 ขึ้นมาเสียเอง  เป็นการแก้ปัญหาทั้งหมดให้จบสิ้นไป   ประชาชนจะได้ไม่ต้องแบ่งแยกทางความคิดและเข่นฆ่ากันเหมือนกับที่เป็นอยู่ในเวลานี้ประเทศชาติจะได้เดินหน้าพัฒนาต่อไปเสียที
แล้วทำไมกษัตริย์ภูมิพลจึงไม่ทำ ? .

#จากประวัติศาสตร์ทำให้เรารู้ว่าในราชวงค์จักรีมีการแย่งชิงราชบัลลังก์กันมาตลอดเวลา   เริ่มต้นโดยเจ้า  #พระยามหากษัตริย์ศึก  ได้  #ฆ่าพระเจ้าตากสิน   หลังจากนั้น ได้ตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์แล้ว   #สถาปนาราชวงค์จักรี   ขึ้นมา  จากนั้นมาก็มีการแย่งชิงราชบัลลังก์กันมาแทบทุกรัชกาล  พี่ฆ่าน้อง  ลูกฆ่าพ่อ (ร 2 ฆ่า ร 3 ) น้องฆ่าพี่  ( ร 9 ฆ่า ร 8 )  อาฆ่าหลาน  แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อเป็น  #เรี่องธรรมดาในประวัติศาสตร์ของราชวงค์จักรี   การที่กษัตริย์ภูมิพลได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ก็เแย่งชิงราชบัลลังก์มาจากพี่ชาย  #โดยการฆ่ารัชกาลที่ 8 ในหลวงอานันท  ถึงรุ่นลูกกษัตริย์ ภูมิพลก็ควรจะจัดการปัญหาให้เรียบร้อย  ซึ่งเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ตามกฏมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงค์  ไม่ควรปล่อยให้มีการแย่งชิงกันฆ่ากันเหมือนในอดีตซึ่งทำให้เป็นสาเหตุปัญหาใหญ่ของประเทศชาติ  ของประชาชน  ของรัฐบาล และของรัฐสภา  ที่จะต้องมาแก้ปัญหาให้ครอบครัวกษัตริย์เพราะมันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของกษัตริย์ภูมิพลเอง 

@NADIER


ลุงสมชาย # 29 เสี่ยโอแค่รอโอกาส
Xomxai # 29 The Opportunist Vajiralongkorn เสี่ยโอมองออก แค่อยู่บนภูดูทอมไล่กัดปู ไม่ว่าใครชนะ เสี่ยก็ได้เป็นกษัตริย์อยู่ดี



คลิกฟัง-https://www.youtube.com/watch?v=u6ZXkw9hWfE

อัพเดทข่าวทั่วไป สภาพสังคมไทยยุคเผด็จการทรราชยึดอำนาจครองเมืองไร้กฎกติกา บ้านเมืองแตกแยกคนจิตใจวิปริต ปัญหาได้ลุกลามระบาดเข้าทำลายทุกสถาบัน เพราะอำมาตย์เผด็จการทรราชกำลังบ้าคลั่งแย่งชิงอำนาจทำลายตัวเองไม่ยอมหยุด...สุดท้ายสถาบันจะล่มสลายไปตามกาลเวลา..


คลิก-matichononline
มติชนออนไลน์
-ธปท. ชี้เศรษฐกิจเดือนม.ค. ฟื้นตัวช้ากว่าคาด รัฐไม่เร่งเบิกจ่าย ฉุดบริโภคเอกชนดิ่ง



-เบรก ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ไม่ทัน 1 เมษายน 2 ล้านคน เงก -ฉุดกำลังซื้อ



”เบรก ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ไม่ทัน 1 เมษายน 
2 ล้านคน เงก -ฉุดกำลังซื้อ”


-มหาสารคาม - ตำรวจมหาสารคาม แถลงยึดยาบ้ากว่า 15,700 เม็ด หลังทหารยศสิบโทขับกระบะประสบอุบัติเหตุ ตรวจพบในรถมียาบ้าอื้อ ขณะที่เจ้าตัวยังพักรักษาซี่โครงหัก กระดูกสันหลังเคลื่อน ตำรวจพร้อมสรุปสำนวนส่งฟ้อง ข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย -
คลิก-, , ,
คลิก-http://news.mthai.com/hot-news/social-news/425334.html#sthash.u4ZkRpqD.dpuf


-ทหารนำกำลัง บุกจู่โจม ทลาย บ่อนเตาปูน ปะทะคารมชาวบ้าน เจอของกลางอื้อ! (ชมภาพ+คลิป)
คลิก-http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425029632#sthash.u4ZkRpqD.dpuf



ข่าวสดออนไลน์
-แตกตื่นทั้งห้องประชุมเทศบาลที่เชียงใหม่ ปธ.สภาชักปืนขึ้นชูหรา ขู่ลั่น"ใครมีปัญหา"!?


“ปานเทพ” ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ข้องใจไม่มีชื่อ “น.ต.ประสงค์-ปานเทพ” เป็นกรรมการร่วมเพื่อหาทางออกการสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ตามที่ได้มีการเสนอรายชื่อในสัดส่วนของคณะกรรมการที่มาจากภาคประชาชน
คลิกอ่าน-http://prachatai.org/journal/2015/02/58135
'ปานเทพ' โวยแทรกแซงภาคประชาชนหลังไม่มีชื่อตัวเองเป็น กก.ทางออกพลังงาน

ไอ้พวกสันดานนรกจกเปรตทำลายชาติ...โวยวายขอมีส่วนร่วมช่วยกันประนาม

คลิกดูทั้งหมดVisa översättning