onsdag 31 augusti 2022

ตามหาคนหายต้องไปถามกับหัวหน้าโจร " กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ " " I love you all the same "

 





อิทธิพล สุขแป้น หรือ ดีเจซุนโฮ หรือ เบียร์ ผู้ลี้ภัยในลาว

หายตัวไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559

ดีเจซุนโฮเคลื่อนไหวกับกลุ่มเชียงใหม่ 51 ถือว่าเป็นกลุ่มเสื้อแดงในจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นผู้จัดรายการวิทยุชุมชนที่มีเนื้อหาวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์และการเมืองในช่วงเวลานั้น ดีเจซุนโฮเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2552 ทั้งการขึ้นปราศรัยกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และการร่วมกับกลุ่มเสรีปัญญาชน โดยดีเจซุนโฮถูก คสช. เรียกให้ไปรายงานตัวตามคำสั่งคสช. ฉบับที่ 25/2557 แต่เขาเลือกที่จะลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และยังคงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารผ่านยูทูปและเฟซบุ๊กอยู่เสมอ
 ชีวิตในช่วงที่ลี้ภัยนั้นนอกจากวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เขาทำอาชีพขายปลาร้าสับในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเขาจะเป็นคนไปส่งสินค้าเองโดยใช้รถจักรยานยนต์ที่มีตะกร้าผูกไว้ท้ายรถ

วันที่ 18 มิถุนายน 2559 ญาติของดีเจซุนโฮระบุว่า ยังได้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าตัวอยู่ ต่อมาวันที่ 22 มิถุนายน 2559 ดีเจซุนโฮได้ไปรับประทานอาหารกับคนไทยด้วยกันในร้านแห่งหนึ่งและแยกย้ายกันกลับ มีพยานระบุว่าได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย บริเวณถนนข้างทางที่มีหญ้าขึ้นรกนั้นปรากฏรองเท้ากีฬาข้างหนึ่งของดีเจซุนโฮ และรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ในระยะห่างจากตัวร้านอาหารเพียง 1 กิโลเมตร

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับดีเจซุนโฮสืบทราบข้อมูลมาว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ไทยคุมตัวไปไว้ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ แต่ติดตามสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกลับได้รับการปฏิเสธ ทั้งนี้ คสช. เองก็ยอมรับว่ามีการติดตามความเคลื่อนไหวของดีเจซุนโฮจริง แต่ปัดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการจับกุมหรือการหายตัวไปของเขา



วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ผู้ลี้ภัยในลาว

หายตัวไปเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม 2560

โกตี๋ เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงในจ.ปทุมธานี เขาเคยเป็นการ์ดให้แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเป็นที่รู้จักในฐานะสาย “ฮาร์ดคอร์” โกตี๋เป็นดีเจวิทยุคลื่น FM 106.10 สถานีวิทยุ..เพื่อมวลชน..(REDGARD RADIO) เคลื่อนไหวเป็นอิสระจากนปช. ต่อมาเขาถูกออกหมายจับในคดีมาตรา 112 ก่อนจะเลือกลี้ภัยไปลาว

จอม เพชรประดับ ผู้ลี้ภัยที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาโพสเฟซบุ๊กเปิดเผยเรื่องของโกตี๋ว่า “ผมได้รับคำยืนยันจากคนที่ใกล้ชิดกับ โกตี๋ ว่าโกตี๋ได้ถูกชายชุดดำ ประมาณ 10 คน คลุมหน้าด้วยหมวกไหมพรมพร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าจับตัวไปเมื่อประมาณ 9.45 ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา...”

คำบอกเล่าของจอมยังเสริมอีกว่าในการจับกุมนั้น มีชายชุดดำซุ่มอยู่รออยู่แถวละแวกบ้าน ในขณะที่โกตี๋กำลังจะลงจากรถชายชุดดำได้เข้าจับกุมคนที่อยู่ด้วยกันสามคน คือ โกตี๋, เพื่อน และภรรยาของโกตี๋เอง โดยใช้ผ้าดำคลุมหัว นำมือไขว้หลังและมัดเอาไว้ ก่อนจะทิ้งทั้งสองที่กลายเป็นพยานในที่เกิดเหตุไว้บริเวณหน้าบ้าน และนำตัวโกตี๋ไปคนเดียว

เพื่อนของโกตี๋เล่าว่า ชายชุดดำที่มาจับกุมพวกเขานั้นพูดภาษาไทยและใช้อุปกรณ์ช็อตไฟฟ้าช็อตเข้าที่ต้นคอของพวกเขา พร้อมกับการขู่ไม่ให้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ นอกจากนั้น เพื่อนทั้งสองคนนี้ยังได้ยินเสียงโกตี๋พูดว่า "โอ้ย หายใจไม่ออก" ก่อนจะไม่ได้ยินเสียงโกตี๋อีกเลย



สุรชัย แซ่ด่าน, ไกรเดช ลือเลิศ หรือกาสะลอง, ชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือ ภูชนะ ผู้ลี้ภัยในลาว

หายตัวไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2561

สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน เคลื่อนไหวทางการเมืองมาตั้งแต่วัยหนุ่ม เคยเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ ระหว่างปี 2519-2524 และถูกจับ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจนกระทั่งปี 2539 เขาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารในปี 2549 ในฐานะ “แดงอิสระ” ขึ้นเวทีปราศรัยหลายครั้ง และโดนคดีมาตรา 112 รวม 5 คดี จำคุกจริง 2 ปี 7 เดือนก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังลี้ภัยไปลาวยังคงเคลื่อนไหวจัดรายการทางยูทูป หรือที่เรียกว่า “วิทยุใต้ดิน”

วันที่ 12 ธันวาคม 2561 เพื่อนผู้ลี้ภัยชาวลาวเดินทางไปพบทั้งสามที่บ้านพักแต่ไม่พบ หลังจากนั้นหนึ่งวันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น จะเดินทางเพื่อประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว (Joint Cabinet Retreat: JCR) ครั้งที่ 3 และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่นครเวียงจันทร์ เพียงหนึ่งวัน

ผ่านไป 17-18วัน ถึงปรากฏภาพศพลอยติดฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งกลายเป็นข่าวดังในปีนั้น

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561 บริเวณตำพลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พบศพนิรนามศพแรก ตามมาด้วยศพที่สอง บริเวณตลิ่งใกล้บริเวณตลาดนัดไทย - ลาว อำเภอธาตุพนม จ.นครพนม ในวันที่ 27 ธันวาคม และพบศพที่สามที่บ้านสำราญเหนือ ต.อาจสามารถ จังหวัดนครพนม ในวันที่ 29 ธันวาคม โดยภายหลังศพที่พบในวันที่ 26 ธันวาคมนั้นถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป แม้จะมัดเชือกป่านไว้กับไม้ริมตลิ่งก็ตาม

เมื่อตรวจดีเอ็นเอแล้ว พบว่า สองศพนั้นตรงกับชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ และไกรเดช ลือเลิศ หรือกาสะลอง สภาพทั้งสองศพนั้นคล้ายกัน คือถูกใส่กุญแจมือไขว้ไว้ด้านหน้า ลำคอถูกรัดด้วยเชือกป่าน ถูกของแข็งทุบใบหน้า คว้านท้องยัดด้วยเสาปูนยาว 1 เมตร ห่อด้วยกระสอบป่าน เย็บติด 2-3 กระสอบแล้วหุ้มด้วยตาข่าย ยังไม่มีการยืนยันถึงความเป็นอยู่ของสุรชัย

"อาจารย์พูดไว้ตั้งแต่สมัยนู้นแล้วว่า การปฏิวัติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยมีอยู่สามอย่าง ไม่ตายก็ติดคุก ไม่ติดคุกก็ต้องหนีการไล่ล่า ป้าทำใจตั้งแต่ยังไม่แต่งงานกับอาจารย์" ป้าน้อย ภรรยาของสุรชัยให้สัมภาษณ์กับ BBC News

ไกรเดช ลือเลิศ เขาเคยเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มนปช. หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ รวมถึงเป็นทีมงานถ่ายทอดสดการชุมนุมและเวทีเสวนาต่างๆ ทั้งของกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มนักวิชาการตั้งแต่ช่วงหลังการรัฐประหารปี 2549 ไกรเดชเป็นคนมีความรู้และเชี่ยวชาญในเรื่องระบบไอที ทำให้เขาเป็นคนคอยช่วยเหลือการถ่ายทอดสดออนไลน์ของสุรชัยในช่วงก่อนและหลังลี้ภัย
ชัชชาญ บุปผาวัลย์ ก่อนหน้าเขาไม่ได้สนใจการเมืองเท่าไหร่นัก จนกระทั่งมีการจัดกิจกรรมชุมนุมขึ้นในพื้นที่กรุงเทพ กับความคิดที่ว่า ‘ในที่ชุมนุมน่าจะขายของได้’ ทำให้เขาเริ่มโฆษณาติดตั้งจานดาวเทียมในม็อบพันธมิตร ก่อนจะสนใจการปราศรัยของกลุ่มนปช. หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ทำให้้นอกจากไปร่วมชุมนุมแล้วเขายังรับติดตั้งจานดาวเทียมให้กับช่องเสื้อแดงอีกด้วย จนกระทั่งในปี 2551 ชัชชาญเคยลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น. และช่วยงานนักการเมืองในภาคอีสานหาเสียง หลังลี้ภัยชัชชาญเลือกที่จะอยู่ที่ไซยะบุรี ก่อนจะย้ายมาอยู่ร่วมกับสุรชัย แซ่ด่าน และเริ่มจัดรายการวิทยุใต้ดิน ที่เวียงจันทร์

ในวันที่ 12 ธันวาคม 2563 ชัชชาญบอกกับบุตรชายทางไลน์ว่าจะหายไป 3 วัน หลังจาก 3 วันก็ยังไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้ จนกระทั่งวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของชัชชาญ บุตรชายก็ยังไม่สามารถติดต่อผู้เป็นพ่อได้หลังจากนั้นไม่กี่วันถึงพบ 2 ศพลอยบริเวณแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนมในช่วงปลายเดือนธันวาคม

“สงกรานต์ปีที่เขาตาย ผมไปเจอเขา ก่อนกลับน้องชายก็เข้าไปกอด แล้วเรียกให้ผมไปกอดพ่อ พ่อก็บอกว่า “ไม่ต้องกอดๆ” เหมือนแค่มองตาเราก็เข้าใจกันแล้วไม่ต้องแสดงออก” กึกก้อง บุปผาวัลบ์ บุตรชายของชัชชาญ ให้สัมภาษณ์กับทาง the101.world


ชูชีพ ชีวสุทธิ์ หรือลุงสนามหลวง, กฤษณะ ทัพไทย หรือ สหายยังบลัด
และสยาม ธีรวุฒิ หรือ สหายข้าวเหนียวมะม่วง ผู้ลี้ภัยในลาว


หายตัวไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562

ชูชีพ ชีวสุทธิ์ เคยประธานชมรมนิยมไทย ที่มีการแสดงออกต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในอดีตและปัจจุบัน เช่น ร่วมติดโปสเตอร์และแจกใบปลิวเปิดโปงกรณีการจับผู้ต้องสงสัยว่าร่วมกับคอมมิวนิสต์มาฆ่าและเผาในถังน้ำมัน 200 ลิตร หรือ เหตุการณ์ ‘ถีบลงเขาเผาลงถังแดง’ ที่ภาคใต้ ช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เขาเลือกที่จะเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ในเขตอีสานใต้ ภายหลังจากออกจากป่าชูชีพทำธุรกิจส่วนตัว และจัดรายการวิทยุวิเคราะห์การเมืองไทย ในวันที่ 20 สิงหาคม 2551 ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับชูชีพ ในข้อหามาตรา 112 ชูชีพเลือกที่จะลี้ภัยออกนอกประเทศ
สยาม ธีรวุฒิ เด็กหนุ่มวัย 29 ปี อดีตนักกิจกรรมกลุ่มประกายไฟ เคยเกี่ยวข้องกับละครเวทีเรื่อง “เจ้าสาวหมาป่า” หลังลี้ภัยไปในปี 2557 เข้าร่วมจัดรายการวิทยุกับผู้ลี้ภัยคนอื่นด้วย

กฤษณะ ทัพไทย เคยเข้าป่าอีสานใต้ หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก่อนจะออกมาทำอาชีพทำป้ายโฆษณา โดยกฤษณะถูกทางการกล่าวหาในคดีความเกี่ยวกับความมั่นคง

9 พฤษภาคม 2562 'เพียงดิน รักไทย' หนึ่งในผู้ลี้ภัยทางการเมืองเปิดเผยผ่านช่องทางยูทูปว่า ทั้งสามคนถูกจับกุมที่เวียดนามเมื่อเดือนมกราคม 2562 ถูกส่งตัวกลับไทยแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า คาดว่าการจับกุมสืบเนื่องมาจากทั้งสามคนใช้พาสปอร์ตอินโดนีเซียปลอมเดินทางเข้าเวียดนาม เหตุที่ต้องข้ามจากลาวไปเวียดนามอาจเป็นเพราะมีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบฝ่ายพยายามที่จะติดตามและกวาดล้างกลุ่มผู้ลี้ภัยทางการเมืองในลาว


วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยในกัมพูชา

หายตัวไปเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563

วันเฉลิม อายุ 37 ปี เจ้าของเพจเฟสบุ๊ค ‘กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษินแน่ๆ’ เคยเป็นนักกิจกรรมด้านสังคม ที่ทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนหลายด้าน เช่น ด้านเด็กและเยาวชน รณรงค์ ป้องกันเอชไอวี และเอดส์ เขาเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่พักอาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา และกำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร

‘โอ๊ย หายใจไม่ออก’ เป็นเสียงสุดท้ายที่สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิมได้ยินทางโทรศัพท์ ก่อนสายจะตัดไป เธอได้เล่าว่า วันเฉลิม ถูกอุ้มหายตัวไปจากหน้าคอนโด ที่กรุงพนมเปญ เมื่อเย็นวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ขณะเดินลงมาซื้อลูกชิ้นปิ้งหน้าคอนโด และได้กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามเข้าไปช่วย แต่กลุ่มคนที่มาอุ้มตัวมีอาวุธปืนด้วย โดยหลังจากสายโทรศัพท์ตัดไปแล้ว เธอพยายามโทรกลับไปหลายสายและติดต่อกับทางเพื่อนของน้องชาย จึงได้ทราบว่าวันเฉลิมได้หายตัวไป

กรณีของวันเฉลิมกลายเป็นข่าวดัง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆ พี่สาวเป็นผู้คุยโทรศัพท์อยู่ในจังหวะที่ถูกอุ้ม และมีภาพในกล้องวงจรปิดบันทึกช่วงเวลาเกิดเหตุไว้ได้ แม้จะมีการร้องเรียนต่อทั้งทางการไทยและกัมพูชา โดยองค์กรทั้งไทย กัมพูชา และองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง แต่ก็ไม่อาจตามตัวจนพบได้


ผ่านไปหลายปี คนที่ถูก “อุ้มหาย” ก็ยังไร้ร่องรอย มีหลายชีวิตยังคงไร้ร่าง ไร้เสียงจนถึงปัจจุบัน

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar