söndag 23 juni 2019

กรณีทหารยิงอาสาสมัครตาย ๖ ศพในเขตอภัยทานวัดปทุมวนาราม ตอนสลายชุมนุมปี ๕๓

‘พอนดริ๊ฟ’ ทำกระสุนในร่างผู้ตายเคราะห์ร้ายหาย มีคนเม้นต์ “อ้อ ยิงเสร็จตามมา ‘เก็บ’ หลักฐาน"


ถ้าเค้าไม่ทวงก็คงไม่รู้กันนะนี่ พอนดริ๊ฟทำกระสุนในร่างผู้ตายเคราะห์ร้ายหาย เลยทำให้คนร้ายลอยนวลจนกระทั่งบัดนี้ กรณีทหารยิงอาสาสมัครตาย ๖ ศพในเขตอภัยทานวัดปทุมวนาราม ตอนสลายชุมนุมปี ๕๓
คนที่ทวงเป็นอาสาสมัครที่รอดตายวันนั้น ให้การว่ารู้เห็นเพื่อนตายต่อหน้า เลยถูกยัดข้อหาส่งขังคุกถูก ปิดปากอยู่นานหลายปี จนเมื่อคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ได้เป็นวุฒิสมาชิก ตู่ตั้งเลิดมาก เที่ยวสั่งสอน ส.ส.หญิงที่มาจากการเลือกตั้งเรื่องการแต่งกาย
หาว่าไม่ไว้ทุกข์ประธานองคมนตรี ถือว่าไม่จงรักภักดีต่อกษัตริย์ ทำยังกะประธานฯ คนนี้เคยเป็นที่โปรดปรานเสียนักละนี่ 

“ณัฎฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน อดีตพยาบาลอาสาในเหตุการณ์คนเสื้อแดงถูกสลายการชุมนุมเมื่อเดือน พ.ค. ๒๕๕๓ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด 

“กระสุน​สองนัดในร่างน้องเกดหายไปไหน...แหวนยืนมองคุณจากวินาที​แรกจนวินาที​สุดท้าย​ก่อนเคลื่อนศพ​ คุณ​ปฏิเสธ​ไม่ได้​ว่า​ไม่ได้เอาไป เรามีคลิป​ เรามีหลักฐาน​ว่า​คุณ​สั่ง​ให้เอาพลาสเต​อร์มาแปะอีสองเม็ด​นี้ไว้​”
คุณหญิงหมอหรือคุณหมอหญิงผู้นี้ ในฐานะ ผอ.สำนักนิติวิทยาศาสตร์ ตอนนั้นเป็นผู้ชันสูตร ๖ ศพถูกยิงตายในวัดปทุมฯ แต่ “เราเองเป็นเพียง​อาสาสมัคร​ภาคสนามไม่มีสีไม่มีฝ่าย​ พวกเรา​ทิ้งคนเจ็บ​ไม่ได้​...แค่ช่วยเหลื​อ​เพื่อน​มนุษย์​ในฐานะ​มนุษย์​คนหนึ่​ง​ที่พอจะทำได้​”
แต่กลับถูกข้อหาคดีขัดอำนาจรัฐประหารร้ายแรง “คุกมันไม่ได้ทำไห้ความเป็​น​คนของแหวนลดลง​ แต่กลับตรงกันข้ามมันทำไห้แหวนมองโลก​ได้​กว้าง​ขึ้น...บางครั้ง​แค่ยืนลำพังยังเซ​ ไม่มี​อะไร​จะเสียและหมดสิ้นศรัทธา​ในขบวนการยุติ​ธรรม​แบบไทยๆ”
(จากโพสต์ของ Natthatida Meewangpla June 20 at 8:51 AM https://www.facebook.com/photo.php?fbid=236251420665266&set=a.109772776646465&type=3)
 
เรื่องอย่างนี้บ่งบอกอะไรไม่มากไม่น้อยไปกว่า “อ้อ ยิงเสร็จตามมา เก็บหลักฐาน เพราะอย่างนี้นี่เองน้องแหวนถึงได้ถูกยัดคดีติดคุกติดตะราง” (Voteจ้า @iamasiam14) กาลเวลาและอำนาจเบ็ดเสร็จไม่สามารถหมกเม็ดความจริงได้
นับแต่นี้ไป ผล เวรของฝ่ายทหารที่บรรดาตัวนำยึดอำนาจได้ครองบ้านครองเมืองมาแล้ว ๕ ปี และกำลังต่ออีก ๔ ปี ตามหลอนไม่มีลดละ ดังเช่นอีกคดี ในกรณีที่มีการจับกุมตัวผู้ลี้ภัยไทยสามคนในประเทศเวียดนามส่งกลับไทยเมื่อต้นปีนี้
ผู้ลี้ภัยทั้งสามคือ สยาม ธีรวุฒิ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ลุงสนามหลวงและกฤษณะ ทัพไทย ถูกทางการเวียดนามส่งตัวให้ประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ แต่จนบัดนี้ญาติพี่น้องยังไม่สามารถหาพบว่าทั้งสามอยู่ที่ไหน เชื่อกันว่าน่าจะถูกสังหารโหดเช่นเดียวกับกรณี สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ และสองสหาย
ทีมลุงสนามหลวงหลบหนีจากที่ลี้ภัยในประเทศลาวเข้าไปยังเวียดนามเมื่อปลายปีที่แล้วหลังจากมีเหตุเชื่อว่าทีมล่าสังหารจากประเทศไทยเข้าไปตามเก็บกลุ่มผู้ลี้ภัย ปรากฏการเสียชีวิตปริศนาของผู้ลี้ภัยไม่น้อยกว่า ๘ คน ตั้งแต่กลุ่ม โกตี๋ ดีเจซุนโฮ ไปถึง อาจารย์สุรชัย
ซึ่งทางองค์การสิทธิมนุษยชนนานาชาติ แอมเนสตี้อินเตอร์แน้ทชั่นแนลเพิ่งมีหนังสือถึงทางการไทยในฐานะประธานอาเซียนปัจจุบัน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ ๓๔ ช่วง ๒๒-๒๓ มิ.ย.นี้ในกรุงเทพฯ สืบเนื่องกับข้อเรียกร้องให้จัดการสอบสวนเรื่องการลักพาตัวนักข่าวเวียดนามส่งกลับไปให้รัฐบาลฮานอย
สำนักเลขาธิการใหญ่ ‘A I’ ณ กรุงลอนดอนชี้ว่าการลักพาตัวนี้กระทำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย อันเป็นส่วนหนึ่งของการ “แลกเปลี่ยนตัวบุคคลฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และบุคคลที่หลบหนีการประหัตประหาร ซึ่งเป็นความร่วมมือที่น่ารังเกียจของรัฐบาลต่างๆ ในภูมิภาค”
นิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการภูมิภาคของ เอไอระบุว่าการ “แลกเปลี่ยนตัวบุคคลที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองซึ่งเป็นเป้าหมายให้แก่กันและกัน ถือเป็นการละเมิดอย่างชัดเจนต่อกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ซึ่งคุ้มครองสิทธิของผู้ลี้ภัยและผู้ขอลี้ภัย”
 
โดยที่เอไอชี้ชัดว่ากรณี เจือง ซุย เญิ๊ต (Truong Duy Nhat) นักข่าวเวียดนามที่หายตัวไปในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ม.ค.นั้นขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวของทางการเวียดนาม ทว่าผู้ลี้ภัยไทยสามคนกลับเป็นการ อุ้มหาย สาบสูญ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar