ประยุทธ์แนะให้ประชาชนเลี้ยงไก่บ้านละ 2 ตัว อย่าเพิ่งฆ่า เก็บไข่ไว้กิน ตามหลักพอเพียง
กลายเป็นประเด็นล้อเลียนหัวร่อสนั่นหวั่นไหวในโลกออนไลน์
แบบที่ประยุทธ์ยังงง ไปสามจังหวัดใต้พูดอะไรมากมายทำไมกลายเป็นประเด็นนี้โดนยำเละ
การที่ผู้นำไม่รู้ว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน ไม่ใช่แค่ปัญหาการสื่อสาร
แต่เป็นปัญหาทางสมอง คือสมองตกยุคจนพูดคนละโลกกับยุคปัจจุบัน
พูดเหมือนมาจากโลกผู้ใหญ่ลี สั่งชาวนาเลี้ยงเป็ดและสุกร
น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา ให้ทหารปลูกผักชี
ไม่เข้าใจด้วยซ้ำไปว่าไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่หรอก ชาวบ้านทั่วไป
เกษตรกรเลี้ยงไก่เลี้ยงปลา ก็หัวเราะกลิ้ง
ไม่เพียงเท่านั้น หลังประยุทธ์บอกชาวบ้านให้ดูแลสุขภาพฟัน
ผู้หญิงถูกลูกดึงแคลเซียมไปจนฟันเสียหาย เพจหมอฟัน 2
แห่งก็ออกมาสวนว่าไม่จริง
สงสารจังประยุทธ์เข้าใจผิดมาสามสิบกว่าปีว่าลูกแฝดตัวเองทำให้เมียฟันผุ
บางคนก็ว่าโลกออนไลน์จ้องจับผิดประยุทธ์ เป็นตัวตลก เป็นคนโง่
แต่มันสะท้อนความไม่เชื่อถือ หรือยิ่งกว่านั้น ดูหมิ่นเย้ยหยัน
แล้วในทางกลับกัน มีอะไรให้เชื่อมั่น คลองโอ่งอ่าง คลองแสนแสบ?
บางคนอาจบอกว่าช่างประยุทธ์เถอะ ยังไงประเทศก็ขับเคลื่อนไปได้
รอบตัวประยุทธ์ก็ใช้ที่ปรึกษาเทคโนแครต แบบไปปาฐกถาเรื่อง 5G
ก็มีคนร่างสปีชยัดปากให้ แต่เวลาหลุดพูดนอกบท มันคือประยุทธ์ตัวจริงไง
ไม่ใช่งาน PR แบบประยุทธ์รายวัน ให้เสียงพากย์โดยธนกร
นักกีฬาไทยแข่งชนะก็ให้ข่าวปลาบปลื้ม เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
ยังไงประเทศก็ขับเคลื่อนไปได้ ด้วยภาคเอกชน ด้วยกลไกรัฐ ด้วยเทคโนแครต
ที่ช่วยกันแบกประยุทธ์ไว้ ใช่เลย แต่แทนที่จะเป็นผู้นำกลับเป็นภาระ?
คนคิดอย่างนี้ลืมไปว่า ไม่ใช่แค่ตัวประยุทธ์หรอกที่มาจากโลกผู้ใหญ่ลี
แต่เป็นรัฐราชการเกือบทั้งองคาพยพ ที่มองว่าประชาชนโง่ ต้องให้บอกให้สอน
เหมือนสมัยตู่เป็นผู้กองฝึกไอ้เณรซ้ายหันขวาหัน
สอนอาบน้ำแปรงฟันรักษาสุขภาพ
ทั้งที่โลกยุคปัจจุบัน
ประยุทธ์และรัฐราชการรู้เรื่องเลี้ยงไก่เลี้ยงปลาน้อยกว่าชาวบ้านด้วยซ้ำ
ชาวบ้านที่ยืนฟังประยุทธ์สอนเรื่องฟันผุ อาจหยิบมือถือขึ้นมาค้น google
ดูแล้วพบว่าไม่จริงนี่หว่า
7 ปีรัฐประหาร 2557 ขยายอำนาจรัฐราชการเพื่อสร้าง “รัฐเป็นบิดา”
ทั้งควบคุมความคิดประชาชนและดูแลอุปถัมภ์ โดยเฉพาะในชนบท เพื่อช่วงชิงคนจาก
“ประชาธิปไตยกินได้” ในยุคทักษิณ
รัฐเป็นบิดาทุ่มกำลังทุ่มงบลงไปมากมาย แต่ทั้งโง่และล้มเหลว
สิ้นเปลืองเป็นภาระ เช่น ทหารแจกผ้าห่ม (แย่งงาน อบต.)
แตงโมราคาตกก็สั่งซื้อเลี้ยงทหารเอาไว้แก้ต่าง “ทหารมีไว้ทำไม”
รบรากับคนรุ่นใหม่ ก็มีปัญญาแค่แต่งเพลงปลุกใจ กับให้ครูออกข้อสอบตลก ๆ
ประเทศไทยเจริญเพราะบรรพบุรุษ
ที่บางคนอ้างว่าประชาธิปไตยกินไม่ได้ ระบอบไหนก็ได้ขอให้เศรษฐกิจโต
จึงไม่จริง อย่างน้อยก็สำหรับประเทศนี้ตรงกันข้าม
ความพยายามควบคุมประชาธิปไตยทำให้สร้างรัฐใหญ่โต โง่ ล้าหลัง สิ้นเปลือง
เป็นภาระ ฯลฯ มาปกครอง ควบคุม ขัดขวางความเติบโต
เหมือนที่บางคนยังจำไม่ลืม รถไฟความเร็วสูงขนผัก “ทำถนนลูกรังให้หมดก่อนไหม” พอรถไฟลาวขนผักมาประชิดชายแดนไทย ก็เลยทั้งขำทั้งเจ็บ
เทคโนโลยีไปไกลแค่ไหน โลกเปลี่ยนแค่ไหน ประยุทธ์ก็เปลี่ยนไม่ได้
รัฐล้าหลังเปลี่ยนไม่ได้
เพราะระบอบนี้ขีดเส้นให้เป็นประชาธิปไตยน้อยลงแล้วต้องใช้อำนาจดิบควบคุม
บังคับให้ประชาชนต้องเป็นฝ่ายปรับตัว แล้วก็แบกภาระแบกรัฐล้าหลังเข้าสู่ 5G
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/502158
“โควิดกระจอก” เป็นไงล่ะ พิษโอมิครอนทำให้ ศบค.สั่งปิดรับการเดินทางเข้าประเทศชั่วคราว รับเฉพาะที่ลงทะเบียนค้างไว้
เข้าใจตรงกันนะ โอมิครอน “กระจอก” จริง อาการไม่รุนแรงแต่แพร่เชื้อง่าย
ถ้าเข้ามาแทนเดลต้าได้ก็เป็นเรื่องดี แต่เฉพาะหน้านี้ต้องระวัง
เพราะถ้าทำให้คนป่วยจำนวนมาก ขณะที่เดลต้าก็ยังระบาด
ระบบสาธารณสุขจะรับไม่ไหว และวางใจไม่ได้ว่าจะกลายพันธุ์เป็นไฮบริดหรือไม่
การระงับ Test & Go จึงถูกแล้ว
เพียงสงสัยว่าทำไมไม่ทำก่อนนี้ จนมีคนติดโอมิครอนค่อยขึงขัง
วัวหายล้อมคอกแล้วใช้ยาแรง ปิดรับจนหลังเทศกาล
ถึงตอนนี้คนทั้งประเทศใจคอไม่ดี กลัวเกิดระบาดใน 4-5 วันที่เหลือ จนต้องล็อกดาวน์ปีใหม่ หรือไม่ล็อกคนก็ไม่กล้าเดินทางอยู่ดี
โอมิครอนไม่ร้ายแรงแต่ทำให้เกิดความตึงเครียด ซ้ำเติมเศรษฐกิจเปราะบาง
ผลจากการระบาดในยุโรปที่บางประเทศล็อกดาวน์แล้ว จะทำให้นักท่องเที่ยวลดลง
จากที่ประเมินกันว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวราว 7 ล้าน (จากอดีต 40
กว่าล้าน) ก็คงหดลงไปอีก
มองอีกมุม โอมิครอนอาจช่วยเตือนสติ ที่เชื่อกันว่าเศรษฐกิจฟื้น
หนทางยังคดเคี้ยว
ความกังวลเรื่องโควิดจะกดเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไปทั้งปี
ขณะที่เฟดก็จะยุติ QE ขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ
ซึ่งกระทบเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทย
ไม่ได้เป็นกูรูเศรษฐกิจ รู้น้อยด้วยซ้ำ แต่อดไม่ได้ที่จะฉงนฉงาย
กับภาพรวมเศรษฐกิจยุคโควิดใน 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งเศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทย
เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว บนความพังพินาศของเศรษฐกิจเก่า
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเศรษฐกิจจริงที่คนจำนวนมากอาศัยทำมาหากิน
เศรษฐกิจปัจจุบันที่บางคนเรียกว่าเศรษฐกิจ Fusion
มีด้านที่น่ากังวล
แต่ก็ขับเคลื่อนไปได้ด้วยการกระตุ้นอัดฉีดทั้งโลกทั้งไทยซึ่งน่าฉงนฉงาย
ว่าถ้ามองแบบเดิมมันคือฟองสบู่ชัดๆ แต่ฟูอยู่ได้และฟูยิ่งขึ้น
เวลามองบน ก็เห็นบริษัทในตลาดประกาศผลกำไร ผู้บริหารถ่ายภาพกอดอก PR
รายวันว่าผลประกอบการอนาคตมีแต่ดีๆ ธุรกิจอสังหา
ราคาคอนโดตามแนวรถไฟฟ้าแพงลิบ แต่ตามถนนทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด
เห็นประกาศขายบ้านขายที่ดินเพียบ ไม่มีคนซื้อ
ร้านค้าจำนวนมากปิดตัวเอง บอกว่านี่เป็นยุคค้าขายออนไลน์ ขายอะไรบ้าง
หลายวันก่อนไปต่างจังหวัดได้ดูทีวีดาวเทียม (ปกติไม่เคยดู) มีร้อยกว่าช่อง
อยากร้องว่า บร๊ะเจ้า! นอกจากทีวีดิจิทัล ที่เหลือช่องขายของทั้งนั้น
ขายแข่งกันจนงงว่าขายใคร เคยเปิดฟังวิทยุ ตจว.ไหม
ถ้าไม่ใช่ขายอาหารเสริมก็ขายปุ๋ยขายสารเคมีการเกษตร
เปิดดูข่าวในเว็บไซต์ทุกวันนี้ก็เห็นแต่โฆษณาผู้หญิงอายุ 75
หน้าเหมือนเด็ก ยายท้อง 64 ปีแต่งงานกับเศรษฐีหนุ่ม ฯลฯ เนี่ยนะ
เศรษฐกิจใหม่
แต่ยอมรับจริงๆ ค้าขายออนไลน์รุ่ง ไม่ใช่แค่พิมรี่พาย
ญาติเป็นสรรพากรเล่าว่าพ่อแม่พาเด็กผู้หญิงอายุ 15
มาร้องห่มร้องไห้เพราะขายได้เกินปีละ 1.8 ล้านแต่ไม่ได้จด VAT
โดนเรียกภาษีย้อนหลัง!
ตลาดบ้านๆ โฆษณาเครื่องสำอางอาหารเสริมแล้วตลาดบนๆ โฆษณาอะไร ชวนลงทุนไง
หุ้น ฟอเร็กซ์ คริปโต ฯลฯ ใช่เลยคริปโตเป็นเงินอนาคต
แต่ระยะสั้นคือปั่นกำไร จนมีคนล้อขำๆ ว่าวันๆ
นักลงทุนคริปโตเอาแต่รอฟังอีลอน มัสก์ จะทวีตอะไร
เศรษฐกิจอย่างนี้คืออะไร ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
รู้แต่ว่าตามถนนเห็นร้านกาแฟสวยๆ ถูกทิ้งร้าง
สันนิษฐานว่าลูกคนมีตังค์ลงทุนขายเซลฟี แต่พัง
ขณะที่ร้านอาหารรากหญ้าอยู่ได้เพราะคนละครึ่ง
ซึ่งคงยื้อโครงการให้ประยุทธ์อยู่ถึงปี 2570
เศรษฐกิจอย่างนี้อนาคตจะเป็นอย่างไร ตอบไม่ได้จริงๆ เพียงแต่รู้ว่าเปราะบางเต็มที
ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/502929