onsdag 30 mars 2022

โทนี่ วู้ดซั่ม พูดเกี่ยวกับในหลวง 29 มีนาคม 2565 ...

 
(1/2) โทนี่ วู้ดซั่ม พูดเกี่ยวกับในหลวง 29 มีนาคม 2565 "ผมไม่เคยมีอคติหรือความไม่เคารพพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไร้สาระ... พระเจ้าอยู่หัวท่านอยู่สูง อย่าเอาท่านไปยุ่งกับการเมือง"
 
(2/2) บางทีคุณ "โทนี่" น่าจะงดพูดถึงเสียดีกว่า การพูดโกหกซ้ำๆอย่างนี้ไม่ดี "เขาบรรยายถึงในหลวงด้วยความรู้สึกเซ็งที่แทบซ่อนไว้ไม่อยู่ว่า "บ้านนอก" ไม่รู้ตัวถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลก ("ไม่เคยนั่งโบอิ้ง 747") และกล่าวหาพระองค์ว่า "คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของประเทศ"06BANGKOK2990
 
Bild

...................................................................

 Update :  ธาตุแท้ของทักษิณ !

โดย   แสงตะวัน

ในยุคปัจจุบัน ชึ่งเป็นยุคไฮเทคโนโลยี่ ยุคโลกไร้พรหมแดน   การต่อสู้เรียกร้องของประเทศต่างๆชึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนี้   เกี่ยวกับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่ มีสูตรสำเร็จกำหนดตายตัวที่จะนำมาเป็นแม่แบบเพื่อใช้แก้ปํญหาให้ลุล่วงไป ได้    เพราะปัญหาความต้องการของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน    นอกจากนี้ยังไม่มีทฤษฎีหรือตำราพิชัยสงครามแบบใหม่มาให้ใช้เป็นแนวทางชี้นำ

ก่อนอื่นพวกเราต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า  "นายทุนก็คือนายทุน"

พวกพ่อค้านักธุรกิจที่ลงทุนค้าขายก็เพื่อให้ได้กำไร  และกำไรเหล่านี้ได้มาจากไหนก็ได้มาจากการขูดรีดแรงงานของคนงานหรือกรรมกรที่ผลิตสินค้าให้แก่พวกนายทุนซึ่งกำไรจากมูลค่าส่วนเกินแต่ละปีได้ถูกสะสมขึ้นมาเป็นเงินทุนอันมหาศาล... 
 

ในระบอบทุนนิยมเสรีพวกนายทุนจะมีการแข่งขันกันผลิตเพื่อหากำไรให้มากที่สุด   เมื่อมีการแข่งขันกันอย่างเสรีนายทุนที่มีความอ่อนแอกว่าก็จะแพ้และถูกนายทุนที่มีกำลังเหนือกว่ากลืนกินแล้วกลายมาเป็นนายทุนผูกขาดที่เป็นเจ้าของการผลิตสินค้าในตลาดแต่ผูัเดียว... 

กลุ่มนายทุนผูกขาดในระบอบเศรษฐกิจทุนนิยม ถ้าแข่งขันสู้กันไม่ได้ก็จะเกิดการรวมตัวกัน (ออมซอมกัน หรือปรองดองกัน) อย่างกรณีที่อดีดนายกฯทักษิณ กำลังกระทำอยู่ในเวลานี้  โดยได้ร่วมจับมือกันกับกลุ่มทุนผูกขาดเครือข่ายของกษัตริย์ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๙ มาจนถึง "องค์ปัจจุบัน"รัชกาลที่๑๐
นี่คือธาตุแท้ของนายทุน เขาจะขายได้ทุกอย่างแม้แต่ "ประชาชน ประเทศชาติ ไปจนถึงอุดมการณ์ "   ต่างกับผู้นำนักปฏิวัติที่มีอุดมการณ์จะทำงานต่อสู้เรียกร้องเพื่อสังคมส่วนรวม  ทำการเปลี่ยนแปลงนำสังคมเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

"ดังนั้นความคิดแบบพ่อค้านายทุนกับนักปฎิวัติสองสิ่งนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี อยู่ในตัวคนเดียวกัน "

เริ่ม แรกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศโดยผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยตาม รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ซึ่งระบอบการปกครองไทยโดยแท้จริงยังคงเป็นระบอบเผด็จการราชาธิปไตยอยู่
ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยตามที่พวกนักวิชาการทั้งหลายเข้าใจ       ( แค่คำโฆษณาหลอกลวงประชาชน) 

รัฐบาลนายกฯทักษิณชนะการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ แต่มีเงื่อนไขทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจของ "ระบอบราชาธิปไตย"  ทั้งๆที่ รัฐบาลทักษิณมีหลักนโยบายที่เห็นผลงานสามารถจับต้องได้  ทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการบริหารของรัฐบาลนายกฯทักษิณ เช่นระบบโครงการ 30  บาทรักษาได้ทุกโรคและโครงการโอทอป เป็นต้น....แต่นโยบายเหล่านี้ก็ไม่ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้   ซึ่งถ้าปล่อยให้ประเทศชาติได้มีโอกาสพัฒนาต่อไปภายใต้รัฐบาลของทักษิณ  ทางด้านเศรษฐกิจประเทศชาติก็จะดำเนินก้าวหน้าวิวัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆต่อไปได้...
แต่ระบอบการปกครองแบบ" ราชาธิปไตย" หรือ"ระบอบกษัตริย์เผด็จการ " นั้นยังคงครอบงำสังคมไทยและครอบงำรัฐบาลทักษิณอยู่เหมือนเดิม   (หลังจากการเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕ เป็นต้นมา)

นี่คือธาตุแท้ของ"ระบอบราชาธิปไตย"ที่ขัดขวางต่อระบอบประชาธิปไตยมาตลอดเวลาทุกยุคสมัย   ไม่ว่าโครงการนั้นจะดีอย่างไรก็ไม่สามารถรักษาไว้และพัฒนาต่อไปได้ (ตราบใดที่ระบอบกษัตริย์เผด็จการยังดำรงคงอยู่ ) ถ้าไม่ล้มล้าง"ระบอบกษัตริย์เผด็จการ " นี้ลงเสียก่อน   ซึ่งนายกทักษิณเองเขาไม่ได้มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างระบอบราชาธิปไตยหรือระบอบกษัตริย์เผด็จการนั้นลง   พวกอำมาตย์ซึ่งเป็นกลุ่มทุนผูกขาดที่หล้าหลัง   เห็นว่าถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอันตรายแก่ พวกเขา กษัตริย์ภูมิพลจึงสั่งให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของทักษิณ (ที่มาจากการเลือกตั้ง) เมื่อวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙   

เมื่อทักษิณถูกพวกอำมาตย์โค่นล้มลง ทักษิณเองก็ยังจะพยายามจะประณีประนอมกับพวกอำมาตย์มาตลอดเวลา  (เป็นเวลาถึง ๑๒ปี.).  นี่คือตัวตนธาตุแท้ของพวกนายทุนผูกขาด เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง "เพื่อความอยู่รอดและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของตนเอง"  พวกเขาจะร่วมจับมือกัน...

นี่คือธาตุแท้ของพวกนายทุน ก่อนอื่นเขาจะคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเท่านั้น  และมองเห็นประชาชนเป็นเพียงแค่แรงงานที่เขาขูดรีดเพื่อผลิตสินค้าสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและครอบครัวเขาเท่านั้น

ตราบจนถึงทุกวันนี้ทักษิณก็ยังเชื่อมั่นยอมรับในการปกครองแบบเดิม"ระบอบราชาธิปไตย"  ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง  โดยเปิดเผยตัวตนออกมาสนับสนุนร่วมมือกับรัชกาลที่๑๐ "กษัตริย์โจรทรราชองค์ใหม่"ปล้นทรัพย์สินของประเทศชาติ  ขูดรีดกดขี่ข่มเหงหลอกลวงประชาชนชาวไทยต่อไป...

ธาตุแท้ พฤติกรรมการตีสองหน้าของทักษิณคือ ด้านหนึ่งร่วมมือกับพวกเจ้า อีกด้านทรยศหักหลังหลอกลวงประชาชนที่สนับสนุนเขา "ม็อบคนเสี้อแดง" ไปให้ทหารฆ่าตายที่ราชประสงค์เป็นจำนวนมาก  เมื่อวันที่  ๑๙ พ.ค ๒๕๕๓  รวมทั้งบาดเจ็บสูญหายอีกกว่าพันคน และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีอีกจำนวนมาก  โดยไม่มีความรับผิดชอบช่วยเหลือแต่อย่างใด(?) ไร้ความเป็นมนุษย์ ... นี่คือธาตุแท้ของทักษิณ....

ความคิดความคาดหวังของประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่คิดว่าทักษิณจะเป็นผู้ที่จะนำประเทศชาติและประชาชนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น... จงลืมเสียเถิด  !!

เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของทักษิณคือต้องการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองในการต่อสู้เพื่อใช้ปกป้องรักษาผลประโยชน์และอำนาจของนายทุนและเครือข่ายธุระกิจของกลุ่มทุนผูกขาดของพวกนายทุนเท่านั้นเอง  ทักษิณเป็นคนทะเยอทะยานกระหายอำนาจเป็นคนเห็นแก่ตัวเป็นนักฉวยโอกาศเป็นคนฉลาดแกมโกง   การที่เขาร่วมมือกับวชิลาลงกรณ์เพราะเขามองการณ์ไกลเขารู้ว่าราชวงค์นี้จะไปไม่รอดแล้วหลังจากที่ภูมิพลตาย ราชินีสิริกิตย์ก็เป็นบ้าเสียจริต และรู้ว่าวชิลาลงกรณ์เป็นคนไม่ฉลาดมีความประพฤติไม่ดีประชาชนชาวไทยไม่ยอมรับ  เป็นช่วงที่ราชวงค์อ่อนแอที่สุดเขาจึงวางแผนที่จะครอบงำพวกเจ้า   โดยเชิดวชิราลงกรณ์ไว้เพื่อเป็นโล่ห์อำพรางและจะสร้างตัวเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศภายใต้"ระบอบ   ทักษิณเผด็จการอันมีกษัตริย์เป็นประมุข " สืบต่อไป...

ฉะนั้นประชาชนต้องเข้าใจ  จะมาเรียกร้องให้ทักษิณเปลี่ยนแนวคิดจากนายทุนมาเป็นผู้นำของ การปฎิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  เพราะเขาคือนายทุน....

"นายทุนคือนายทุนไม่ใช่นักปฎิวัติ"  ซึ่งเวลาได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทักษิณไม่มีอุดมการณ์และความจริงใจกับประชาชน   เขาเพียงต้องการรักษาอำนาจและผลประโยชน์ทางธุระกิจเพื่อทำมาหากินกับระบอบกษัตริย์เผด็จการที่กำลังเน่าเฟะอยู่ในเวลานี้ต่อไป...เพื่อสนองความกระหายอำนาจและปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องแค่นั้นเอง

ฉะนั้นการที่จะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมจากระบอบเผด็จการทรราชราชาธิปไตยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้นั้น..   จึงเป็นหน้าที่และจิตสำนึกของประชาชนไทยทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน
ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้มาเองเพราะไม่มีใครยกให้ฟรีๆ..   ไม่ใช่จะนั่งรอนอนรอคอยพึ่งทักษิณและพรรคการเมืองของเขา รวมทั้งพรรคการเมือง
สารพัดพิษและบรรดานักการเมืองน้ำเน่าทั้งหลายที่กำลังออกมาโฆษณาประกาศขายตัวเพื่อรับใช้ระบอบกษัตริย์เผด็จการอยู่ในเวลานี้.

....................................................

รายงานที่ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม กรณี เม.ย.-พ.ค.53 หรือ ศปช. ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมเหตุการณ์ทั้งหมด ในช่วง เมษา-พฤษภา 2553 ซึ่งได้ตีพิมพ์เมื่อปี 2555 ได้รวบรวมตัวเลขของเหตุการณ์นี้ไว้ดังนี้
  • 1,283 คือจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
  • 1,763 คือจำนวนคนที่ถูกจับกุมระหว่างการชุมนุมและถูกดำเนินคดี
  • 94 คือจำนวนคนเสียชีวิต
  • 88 คือจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้ชาย
  • 6 คือจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้หญิง
  • 10 คือเจ้าหน้าที่รัฐที่เสียชีวิต (ส่วนใหญ่เป็นทหาร ในจำนวนนี้มีตำรวจ 3 นาย)
  • 2 คือสื่อมวลชนที่เสียชีวิต (สัญชาติญี่ปุ่นและอิตาลี)
  • 6 คืออาสากู้ชีพ/อาสาพยาบาลที่เสียชีวิต
  • 32 คือผู้เสียชีวิตที่โดนยิงที่ศีรษะ
  • 12 คืออายุของผู้เสียชีวิตที่อายุน้อยที่สุด

       .................................................................................

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar