tisdag 21 september 2021

ใบตองแห้ง: 15 ปี delete ตัวเอง

2021-09-20 09:22

15 ปีประเทศดิ่งเหวสู่หายนะทุกด้าน ป่านฉะนี้ยังไม่พ้นวิกฤต มีแต่จะวิบัติยิ่งกว่าเดิม

15 ปีที่แล้ว คนรุ่นเพนกวิน ไผ่ รุ้ง มายด์ เบนจา ฯลฯ ม็อบราษฎรทั้งหลาย ยังเป็นเด็ก ป.1 ป.2 อยู่เลย แต่เพราะชนชั้นนำอนุรักษนิยมขยายอำนาจ จำกัดเสรีภาพ ทำลายประชาธิปไตย พวกเขาจึงลุกขึ้นต่อต้าน ถูกจับกุมคุมขังไม่ได้ประกัน

ทั้งที่หากเกิดยุคนั้น พวกเขาอาจกลายเป็นนักสิทธิมนุษยชน วิจารณ์รัฐบาลทักษิณฆ่าตัดตอนปราบยาเสพติด ปลุกชาตินิยมใช้ความรุนแรงจัดการปัญหาภาคใต้ กรือเซะ ตากใบ ทุกวันนี้ก็ตามถามพี่โทนี่ อยู่ไง

ยุคทักกี้ไม่ใช่ดีเลิศเสียหมด เป็นอำนาจนิยมจากเลือกตั้ง แต่ที่มีอำนาจมาก ก็มาจากความนิยมของประชาชน จากนโยบายพรรคไทยรักไทย ที่ทำให้ลืมตาอ้าปาก ประชาธิปไตยกินได้ เลือกไทยรักไทยได้กองทุนหมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค OTOP SML บริหารเศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด

แน่ละ ทักษิณมีจุดอ่อน แต่รัฐประหารไม่ได้ทำเพราะอำนาจนิยม ผลประโยชน์ทับซ้อน ย้อนดูไทม์ไลน์ก็เห็นชัด ทักษิณยุบสภา เลือกตั้ง 2 เมษา ฝ่ายค้านบอยคอต เลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตยิ พันธมิตรเรียกร้อง ม.7 นายกพระราชทานิ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง สั่งเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพียงเพราะตั้งคูหาหันก้นออก 3 ศาลยืนเรียงหน้ากระดาน กดดันให้ 3 กกต.ลาออก พอไม่ออกก็โดนศาลยุติธรรมจำคุก จนลาออกจึงได้ประกัน

วุฒิสภาเลือก 5 กกต.ชุดใหม่ จะไปสู่เลือกตั้งอยู่แล้ว จู่ๆ พันธมิตรนัดชุมนุม ปล่อยข่าวม็อบชนม็อบ แล้วสนธิ บุญยรัตกลิน ก็รัฐประหารทันใด (หายไปไหนแล้วไม่รู้ ใครก็รู้ว่าไม่ใช่หัวหน้าคณะรัฐประหารตัวจริง)

นับถอยหลังสู่เลือกตั้ง ยังชิงรัฐประหาร ทั้งที่คาดกันว่า แม้ไทยรักไทยยังชนะ ก็ได้น้อยกว่าเดิม พลังต่อต้านน่าจะสามารถกดดันทักษิณเว้นวรรค

รัฐประหารเกิดเพราะกลัวอำนาจจากเลือกตั้ง เข้มแข็งอย่างไม่เคยมีมาก่อน ได้ความนิยมเกินหน้า ยิ่งกว่านั้น เครือข่ายอนุรักษนิยมยังกลัวคอนเน็กชั่น ระหว่างทักษิณกับชนชั้นนำบางคน จนกลัวว่าจะเข้ามามีอิทธิพลแทนเครือข่ายเดิม

พี่โทนี่ ก็บอกใบ้ในคลับเฮาส์ครั้งล่าสุด รู้แก่ใจว่าตัวเองโดนอะไร

นี่คือการตัดสินใจผิดพลาดที่สุด ซึ่งไม่ใช่แค่นำประเทศลงเหว ยังนำเครือข่ายอนุรักษนิยมลงเหว มาชนกับความนิยมที่มีต่อทักษิณ มาชนกับความตื่นตัวของประชาชน ที่ตระหนักในอำนาจเลือกตั้ง รวมถึงคนชั้นกลางในเมืองเสียงข้างน้อย ที่ไม่เอาทักษิณแต่รัฐประหารเลวร้ายกว่า

รัฐประหาร 49 ไม่เหมือนอดีต ทั้งถูกต่อต้านกว้างขวาง ทั้งดึงอำนาจนำมาเกี่ยวข้องตั้งแต่ม็อบพันธมิตร แล้วยังดึงกระบวนการยุติธรรม มาจัดการฝ่ายการเมือง ็ตุลาการภิวัตน์

ตั้งแต่บีบ 3 กกต.ลาออก รัฐประหารตั้งคณะตุลาการยุบพรรคไทยรักไทย ใช้ประกาศ คปค.เป็นกฎหมายมีผลย้อนหลัง ตัดสิทธิ 111 กรรมการบริหารพรรค จากนั้นก็ตั้ง คตส. ส่งศาลเอาผิดทักษิณ ไม่ทุจริตแต่ติดคุก เซ็นชื่อให้เมียซื้อที่ดิน ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควริ ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ต่อเนื่องจนหลังเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญเปิดพจนานุกรมปลดสมัครทำกับข้าว ยุบพรรคพลังประชาชน เปลี่ยนรัฐบาล ด้วยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2550 ที่กรรมการบริหารพรรคโดนใบแดงคนเดียว ็ประหารเจ็ดชั่วโคตร

การใช้อำนาจขนาดนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่ใช้อำนาจแล้วยังพัง ยังเอาไม่อยู่ เสื้อแดงยกพลมาล้นกรุง ตะโกนไล่ ็อำมาตย์ิ ถูกปราบถูกฆ่า เพื่อไทยก็ยังกลับมาชนะเลือกตั้ง

ความกลัวทำให้รัฐประหาร 57 อีกครั้ง เพื่อคุ้มครองอำนาจอนุรักษ์ในช่วงเวลาอ่อนไหว ใช้อำนาจเผด็จการเต็มที่ ไม่ให้เลือกตั้ง 5 ปี เขียนรัฐธรรมนูญถอยหลัง ตั้ง 250 ส.ว.โหวตตัวเอง กวาดต้อน ส.ส.ไปตั้งพรรครองมือรองตีน ตั้งรัฐบาลได้เฉียดฉิวเพราะระบบเลือกตั้งวิปริต คำนวณ ส.ส.ด้วยสูตรเศษมนุษย์ ยุบพรรคอนาคตใหม่ แล้วดูดงูเห่า

15 ปีผ่านไป ไม่ใช่แค่เสียของ แต่ ็เปลืองตัวิ ทุกอำนาจเปลือยตัวเองให้เห็นล่อนจ้อน กดปุ่ม delete ตัวเองจนไม่เหลือความเชื่อถือศรัทธาที่สั่งสมมาหลายสิบปี เหลือแต่อำนาจ อยุติธรรมจับกุมคุมขัง กับอำนาจปืนไว้ปราบปรามถ้าลุกฮือ

อำนาจใหญ่โตมหึมา เหมือนไม่มีใครทำอะไรได้ ม็อบคนรุ่นใหม่ชูสามนิ้ว คาร์ม็อบไล่ประยุทธ์ ดูเหมือนไม่สะเทือน

แต่ถ้าสังเกตให้ดี สิ่งที่เหลืออยู่นี้ เหลือแต่ อำนาจดิบ ไม่เหลือความชอบธรรมไม่เหลือความเชื่อถือศรัทธา ประชาชนโดยทั่วไป แม้ส่วนใหญ่ไม่กล้าต่อต้าน ก็เห็นปัญหาทะลุเพดาน ตาสว่าง ทางการเมือง ขณะที่คนรุ่นใหม่ ยิ่งมายิ่งอายุน้อย เช่นเยาวรุ่นทะลุแก๊ส จาก Gen Y, Gen Z ถึง Alpha อำนาจอนุรักษ์ยิ่งไม่เหลือที่ยืน ไม่เหลือคนแซ่ซ้องในวิชาประวัติศาสตร์

รัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศ ล้มเหลวโควิด วิบัติเศรษฐกิจจะตามมา ข้าราชการส่วนใหญ่ก็เพียงเอาตัวรอด มีส่วนน้อยเท่านั้นภักดีอำนาจจริงจัง

15 ปีเหมือนไม่เห็นอนาคต แต่ตอนน้ำเดือด ตอนมะม่วงหล่น ตอนรั้วล้มระเนระนาด ไม่เคยมีใครรู้ตัวหรอก

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_6626701

 

โลกออนไลน์ฮากลิ้ง เมื่อกระทรวงวัฒนธรรมออกมาชื่นชมลิซ่า BLACKPINK นำทุนทางวัฒนธรรมต่อยอดสร้างสรรค์ พาไทยสู่ระดับโลก จนกระทั่ง “ชฎา” หรือเรียกให้ถูกว่า “รัดเกล้ายอด” วางขายเต็มพาหุรัด

โฆษกรัฐบาลก็ฉวยวาระที่ MV ลิซ่ามียอดวิวเกิน 100 ล้าน แถลงหน้าบานว่า นายกฯ ตู่ ภาคภูมิชื่นชมพร้อมผลักดัน Soft Power ไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยยังคุยว่า ประยุทธ์นี่เองเป็นผู้กำหนดโมเดล BCG เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยปัญญาและต้นทุนทางวัฒนธรรม

ฮากันกลิ้ง เพราะลองคิดดูว่าถ้า MV ลิซ่าออกในเมืองไทย เป็นของค่ายเพลงไทย นายกฯ และหน่วยงานรัฐจะปลาบปลื้มอย่างนี้ไหม ดีไม่ดีจะมีมนุษย์ป้า มนุษย์ลุงออกมาท้วงติงว่า “ลบหลู่ชฎา” เอาวัฒนธรรมความเป็นไทยมาใช้ไม่เหมาะสม เรียกร้องให้รัฐเข้าไปจัดการ แบบเดียวกับ 2 พส.ไลฟ์สดตลกขบขันแทรกธรรมะ “ไม่สำรวม”

จำไม่ได้หรือ ขนาด MV “เที่ยวไทยมีเฮ” ยังโดนดรามา “หมิ่นทศกัณฐ์” ละเมิดจารีตเอาราชาแห่งยักษ์มาแคะขนมครก ขับโกคาร์ท ถ่ายเซลฟี่

คนรุ่นใหม่รายหนึ่งเปรียบเปรยว่า เหมือนเด็กมัธยมตั้งวงดนตรี โดนครูตำหนิเอาแต่ซ้อมไม่สนใจเรียน แต่พอไปประกวดได้รางวัลระดับชาติ ก็หน้าบานถ่ายภาพชูถ้วยตั้งแต่ ผอ.ยันครูฝ่ายปกครอง

ใช่เลย ลิซ่าเป็นคนไทย แต่รัฐไทยประเทศไทยเกี่ยวอะไรกับความสำเร็จของเธอ ไม่มีเลย ลิซ่าไปจากเมืองไทยตั้งแต่อายุ 14 เป็นผลิตผลของค่ายเพลงเกาหลี ที่ฝึกฝนเคี่ยวกรำให้ขึ้นมาเป็น idol พูดอีกที เธอเป็นศิลปินเกาหลี ไม่ใช่ศิลปินไทย เปรียบได้เหมือนเพชรในตม ไปผ่านการเจียระไนจนเปล่งประกายเจิดจ้าจากต่างชาติ

แต่รัฐไทยคนไทยปลาบปลื้มจังกับความเป็นไทย เหมือนปลื้มไทเกอร์ วู้ดส์ ทั้งที่หากเป็นลูกครึ่งผิวสีเกิดเมืองไทย ชะตาชีวิตอาจพลิกไปอีกขั้ว

เด็กไทยไม่น้อยมีความสามารถ ทั้งด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ แฟชั่น ฯลฯ แต่ถูกปิดกั้นด้วยระบบการศึกษา ทัศนะของสังคม ครู พ่อแม่ ที่อยากให้เรียนวิทย์คณิตภาษาจบมามีงานมั่นคง รวมถึงระบบอุปถัมภ์ เช่นจะเป็นนักร้อง นักแสดง นักกีฬา ก็ต้องมีสัมมาคารวะกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ

หนักกว่านั้นคือทัศนะของรัฐล้าหลังต่อ Soft Power ยกตัวอย่างผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเข้าพบประยุทธ์ปีที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกัน ให้เอาอย่างเกาหลีใต้ สร้าง Soft Power เป็นสินค้าทางวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ แล้วยังเป็น “กลไกสำคัญในการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี หลอมรวมจิตใจของประชาชนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกันตามนโยบายของรัฐบาล”

หัวร่อตายเลย นั่นแหละตัวปิดกั้นพลังสร้างสรรค์ อะไรนิด อะไรหน่อย ก็กระทบชาติ ศาสนาวัฒนธรรมความเป็นไทย แต่รู้ไหมว่าผลงานคนรุ่นใหม่ไทยที่โด่งดังไปทั่วเอเชียคือ ซีรีส์วาย

ผู้กำกับไทยที่โลกยกย่อง อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล นั่นไง ชนะรางวัลเมืองคานส์ 3 ครั้ง 1 ปาล์มทอง 2 Jury Prize ฝรั่งยืนปรบมือ Standing Ovation แต่คนไทยดูไม่รู้เรื่อง รัฐไทยเมินไม่ยินดีสักคำ เพราะ “เจ้ย” ยิ่งกว่า Call Out รณรงค์แก้ 112 มาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว

กระทรวงวัฒนธรรมที่ปลดศิลปินแห่งชาติ สุชาติ สวัสดิ์ศรี เพราะความเห็นต่าง จะต่อยอดต้นทุนทางวัฒนธรรมได้อย่างไร รู้ไหมว่าเกาหลีสร้าง Soft Power เป็นสินค้าได้ หลังประชาธิปไตยชนะเผด็จการ เปิดกว้างให้เสรีทางศิลปวัฒนธรรม แต่รัฐไทยยังมุ่งใช้ Soft Power เป็นเครื่องมือควบคุมจำกัดความคิดประชาชน ตีกรอบวัฒนธรรมความเป็นไทยอยู่ในเขตหวงห้าม แล้วจะสร้างเศรษฐกิจ Soft Power ได้อย่างไร

สินค้าทางวัฒนธรรมของรัฐไทย ก็คิดได้แค่ทัวร์ฝรั่งมาเที่ยววัด ส่งเสริมตลาดร้อยปีพันปี retro อดีต เพิ่มมูลค่าเสาไฟกินรี

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/column/477811

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar