คนชั้นกลางหลัง 6 ตุลา : คอลัมน์ ใบตองแห้ง
ทำไมคนชั้นกลางระดับบนของไทยจึงหันหลังให้ประชาธิปไตย ถามกันอีกครั้งเมื่อใกล้ครบ 44 ปี 14 ตุลา2516 และ 41 ปี 6 ตุลา2519
มันน่าสงสัยไหม เหตุใดคนชั้นกลางไทยที่เคยเรียกร้องประชาธิปไตย สนับสนุนขบวนการนักศึกษา โค่นล้มเผด็จการ ถนอม-ประภาส แม้บางส่วนกลัวภัยคอมมิวนิสต์จนหนุน ขวาพิฆาตซ้าย แต่นักศึกษาที่ตายใน 6 ตุลา และหนีเข้าป่าก็ลูกหลานคนชั้นกลาง เมื่อถึงปี 2535 คนกรุงก็ยังไล่รสช.เสียสัตย์ ยังชูธงเขียวหนุนรัฐธรรมนูญ 2540 แต่สุดท้ายกลับเป่านกหวีดปิดเมือง ขัดขวางเลือกตั้ง หนุนรัฐประหาร 2 ครั้ง กระทั่งคสช.อยู่มา 3 ปีกว่า ยาวนานที่สุดตั้งแต่ยุคสฤษดิ์
ในเบื้องต้น งานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า คนชั้นกลางระดับบนเติบโตอย่างรวดเร็วมากๆ ในช่วงปี 2524-2535 ซึ่งก็คือยุค ประชาธิปไตยครึ่งใบ นั่นเอง
ถ้าย้อนอ่าน เจ๊กสยามหันขวาหาจีน ของเกษียร เตชะพีระ ก็ชี้ว่าชนชั้นนำและคนชั้นกลางไทย (เชื้อสายจีน) ขยายตัวกับระเบียบอำนาจ 3 แบบ การพัฒนาทุนนิยมแบบไม่เสมอภาค ประชาธิปไตยครึ่งใบ ฯลฯ
ก่อนระส่ำระสายกับ ต้มยำกุ้ง และ ระบอบทักษิณ
มองง่ายๆ ก็ไม่แปลกที่คนชั้นกลางซึ่งเติบโตในยุคผู้นำเป็นคนดี นักการเมืองมีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด จะแอนตี้ประชาธิปไตยเลือกตั้ง แต่มีอะไรไหม ที่แตกต่างจากคนชั้นกลางยุคก่อน หรืออนุรักษนิยมยุคดึกดำบรรพ์
มีสิครับ สังเกตให้ดี หลัง 6 ตุลา หลังชนะพคท. หลังขบวนการนักศึกษาถึงกาลอวสาน (กิจกรรมในมหาวิทยาลัยตายสนิทราวปี 26-27) เมื่อสามารถจัดระเบียบการเมืองใหม่ เข้าสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ รัฐไทยก็แปรรูปวัฒนธรรมอนุรักษนิยมครอบงำสังคมครั้งใหม่ พร้อมไปกับการพัฒนาทุนนิยมแบบก้าวกระโดดใหญ่ครั้งที่ 2
อย่าคิดนะว่า วัฒนธรรมอนุรักษนิยมกับทุนนิยมไปด้วยกันไม่ได้ ดูอย่างระบบ SOTUS การบังคับใส่เครื่องแบบ การเคารพเชื่อฟัง ที่ฟื้นกลับมาหลังขบวนการนักศึกษาตายสนิท ก็สอดคล้องกับวัฒนธรรมบรรษัทที่อยากได้พนักงานว่านอนสอนง่าย
ปาฏิหาริย์ของ ความเป็นไทย คือสามารถใช้เทคโนโลยีได้เหลือเชื่อ อย่างหมอดู ผ้ายันต์ วัตถุมงคล แก้บน ขอให้รวย ฯลฯ ยิ่ง 3G 4G 4.0 ยิ่งแพร่หลาย แถมความเชื่องอกไปเรื่อย อย่างปีชง เดือนชง คนยุค 40 ปีก่อนไม่เคยรู้จัก
ในขณะเดียวกัน วัฒนธรรมไทยก็เก่งโคตร สามารถรับ ศีลธรรมใหม่ ที่แพร่ขยายในสังคมประชาธิปไตยตะวันตก มาใช้ในสังคมไทย โดยไม่ขัดแย้งกับศีลธรรมดั้งเดิม หรือหนุนเสริมด้วยซ้ำ อย่างเช่น สิทธิสตรี สิทธิเพศที่สาม สิทธิพลเมืองหลายๆ ด้าน
เทียบง่ายๆ เผด็จการหรือฝ่ายขวาทั่วโลกจะมีปัญหาเหยียดผิว เหยียดเพศ เลือกปฏิบัติกับรักร่วมเพศ ฯลฯ แต่เมืองไทยไม่มี ทั้งที่เห็นคนไม่เท่ากัน คนรักร่วมเพศสามารถเป็นขวัญใจนกหวีด ดูถูกเหยียดหยามคนอีกข้าง คนชั้นกลางรักลุงตู่ ก็ยังด่าม็อบเหยียดผิวในอเมริกาว่าเถื่อนถ่อย ละเมิดสิทธิมนุษยชน (แต่ปลื้มทรัมป์มิตรแท้)
สังเกตดีๆ 40 ปีมานี้ คนชั้นกลางไทยรับเอา ศีลธรรมประชาธิปไตย ของโลกตะวันตก มาอยู่ในวิถีชีวิตมากมาย ทั้งที่ไม่เอาประชาธิปไตยฝรั่ง รัฐบาล คสช.ไม่ล่วงล้ำเรื่องเหล่านี้ ซ้ำยังส่งเสริมคุณภาพชีวิต รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างทางจักรยาน เพิ่มสิทธิคนพิการ คนด้อยโอกาส คนไร้สัญชาติ ไปจนสิทธิสัตว์ สิทธิหมา ทาสแมว ฯลฯ คนชั้นกลางระดับบนจึงไม่เคยรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิ เพราะแยกสิทธิเหล่านี้ออกจากประชาธิปไตยเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว
ถ้าขีดเส้นตามงานวิจัย คนชั้นกลางระดับบนที่เติบโตในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ ส่วนใหญ่ก็เข้ามหาวิทยาลัยยุค วัยหวาน ไร้กิจกรรมสังคม มีแต่กิจกรรม SOTUS รีบเรียนรีบจบ เพราะทุนนิยมกำลังก้าวกระโดด งานเดินเงินดี โดยรับเอาศีลธรรมอนุรักษนิยม ซื่อสัตย์ กตัญญู กราบไหว้ผู้ใหญ่ เชื่อคุณงามความดีตัวบุคคล ฯลฯ ไปเป็นหลักใช้ชีวิตในสังคมบริโภค กินด่วน แข่งขัน ช่วงชิงผลประโยชน์ (แล้ววันดีคืนดีก็ถูกปลุกพลังศีลธรรมขึ้นมาโค่นล้มการเมืองชั่ว)
มองไปข้างหน้า ถ้าประเทศไทยจะเข้าสู่การพัฒนาทุนนิยมแบบก้าวกระโดดใหญ่ครั้งที่ 3 ภายใต้อำนาจเข้มงวด ปิดกั้นความคิด ห้ามเห็นต่าง คนรุ่นใหม่จะเติบโตมาเป็นอย่างไร หวังว่าคงไม่เป็น AI มนุษย์หุ่นยนต์ที่เปรื่องปราด แต่เคารพนบนอบอยู่ในโอวาท
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar