lördag 7 oktober 2017

คนชั้นกลางหลัง 6 ตุลา : คอลัมน์ ใบตองแห้ง


คนชั้นกลางหลัง 6 ตุลา : คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ทำไมคนชั้นกลางระดับบนของไทยจึงหันหลังให้ประชาธิปไตยŽ ถามกันอีกครั้งเมื่อใกล้ครบ 44 ปี 14 ตุลา2516 และ 41 ปี 6 ตุลา2519

มันน่าสงสัยไหม เหตุใดคนชั้นกลางไทยที่เคยเรียกร้องประชาธิปไตย สนับสนุนขบวนการนักศึกษา โค่นล้มเผด็จการŽ ถนอม-ประภาส แม้บางส่วนกลัวภัยคอมมิวนิสต์จนหนุน ขวาพิฆาตซ้ายŽ แต่นักศึกษาที่ตายใน 6 ตุลา และหนีเข้าป่าก็ลูกหลานคนชั้นกลาง เมื่อถึงปี 2535 คนกรุงก็ยังไล่รสช.เสียสัตย์ ยังชูธงเขียวหนุนรัฐธรรมนูญ 2540 แต่สุดท้ายกลับเป่านกหวีดปิดเมือง ขัดขวางเลือกตั้ง หนุนรัฐประหาร 2 ครั้ง กระทั่งคสช.อยู่มา 3 ปีกว่า ยาวนานที่สุดตั้งแต่ยุคสฤษดิ์

ในเบื้องต้น งานวิจัยของนักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า คนชั้นกลางระดับบนเติบโตอย่างรวดเร็วมากๆ ในช่วงปี 2524-2535 ซึ่งก็คือยุค ประชาธิปไตยครึ่งใบŽ นั่นเอง
ถ้าย้อนอ่าน เจ๊กสยามหันขวาหาจีนŽ ของเกษียร เตชะพีระ ก็ชี้ว่าชนชั้นนำและคนชั้นกลางไทย (เชื้อสายจีน) ขยายตัวกับระเบียบอำนาจ 3 แบบ การพัฒนาทุนนิยมแบบไม่เสมอภาค ประชาธิปไตยครึ่งใบ ฯลฯ

ก่อนระส่ำระสายกับ ต้มยำกุ้งŽ และ ระบอบทักษิณŽ
มองง่ายๆ ก็ไม่แปลกที่คนชั้นกลางซึ่งเติบโตในยุคผู้นำเป็นคนดี นักการเมืองมีแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด จะแอนตี้ประชาธิปไตยเลือกตั้ง แต่มีอะไรไหม ที่แตกต่างจากคนชั้นกลางยุคก่อน หรืออนุรักษนิยมยุคดึกดำบรรพ์
มีสิครับ สังเกตให้ดี หลัง 6 ตุลา หลังชนะพคท. หลังขบวนการนักศึกษาถึงกาลอวสาน (กิจกรรมในมหาวิทยาลัยตายสนิทราวปี 26-27) เมื่อสามารถจัดระเบียบการเมืองใหม่ เข้าสู่ประชาธิปไตยครึ่งใบ รัฐไทยก็แปรรูปวัฒนธรรมอนุรักษนิยมครอบงำสังคมครั้งใหม่ พร้อมไปกับการพัฒนาทุนนิยมแบบก้าวกระโดดใหญ่ครั้งที่ 2
ในขณะที่เศรษฐกิจโตพรวดพราด พร้อมกับการหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมทุนนิยมบริโภค ฟาสต์ฟู้ด ห้างสรรพสินค้า โฆษณาบ้าเลือด ฯลฯ ศีลธรรมอนุรักษ์ดั้งเดิมก็ยังสามารถปลูกฝังความคิดคนไทย ผ่านสื่อใหม่รูปแบบใหม่ ซึ่งง่ายกว่าเดิมเสียอีก ภายใต้พฤติกรรมผู้บริโภคที่ถูกชักจูงได้ง่ายจากโฆษณาซ้ำไปซ้ำมา
อย่าคิดนะว่า วัฒนธรรมอนุรักษนิยมกับทุนนิยมไปด้วยกันไม่ได้ ดูอย่างระบบ SOTUS การบังคับใส่เครื่องแบบ การเคารพเชื่อฟัง ที่ฟื้นกลับมาหลังขบวนการนักศึกษาตายสนิท ก็สอดคล้องกับวัฒนธรรมบรรษัทที่อยากได้พนักงานว่านอนสอนง่าย
ปาฏิหาริย์ของ ความเป็นไทยŽ คือสามารถใช้เทคโนโลยีได้เหลือเชื่อ อย่างหมอดู ผ้ายันต์ วัตถุมงคล แก้บน ขอให้รวย ฯลฯ ยิ่ง 3G 4G 4.0 ยิ่งแพร่หลาย แถมความเชื่องอกไปเรื่อย อย่างปีชง เดือนชง คนยุค 40 ปีก่อนไม่เคยรู้จัก
ในขณะเดียวกัน วัฒนธรรมไทยก็เก่งโคตร สามารถรับ ศีลธรรมใหม่Ž ที่แพร่ขยายในสังคมประชาธิปไตยตะวันตก มาใช้ในสังคมไทย โดยไม่ขัดแย้งกับศีลธรรมดั้งเดิม หรือหนุนเสริมด้วยซ้ำ อย่างเช่น สิทธิสตรี สิทธิเพศที่สาม สิทธิพลเมืองหลายๆ ด้าน
เทียบง่ายๆ เผด็จการหรือฝ่ายขวาทั่วโลกจะมีปัญหาเหยียดผิว เหยียดเพศ เลือกปฏิบัติกับรักร่วมเพศ ฯลฯ แต่เมืองไทยไม่มี ทั้งที่เห็นคนไม่เท่ากัน คนรักร่วมเพศสามารถเป็นขวัญใจนกหวีด ดูถูกเหยียดหยามคนอีกข้าง คนชั้นกลางรักลุงตู่ ก็ยังด่าม็อบเหยียดผิวในอเมริกาว่าเถื่อนถ่อย ละเมิดสิทธิมนุษยชนŽ (แต่ปลื้มทรัมป์มิตรแท้)

สังเกตดีๆ 40 ปีมานี้ คนชั้นกลางไทยรับเอา ศีลธรรมประชาธิปไตยŽ ของโลกตะวันตก มาอยู่ในวิถีชีวิตมากมาย ทั้งที่ไม่เอาประชาธิปไตยฝรั่ง รัฐบาล คสช.ไม่ล่วงล้ำเรื่องเหล่านี้ ซ้ำยังส่งเสริมคุณภาพชีวิต รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างทางจักรยาน เพิ่มสิทธิคนพิการ คนด้อยโอกาส คนไร้สัญชาติ ไปจนสิทธิสัตว์ สิทธิหมา ทาสแมว ฯลฯ คนชั้นกลางระดับบนจึงไม่เคยรู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิ เพราะแยกสิทธิเหล่านี้ออกจากประชาธิปไตยเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว

ถ้าขีดเส้นตามงานวิจัย คนชั้นกลางระดับบนที่เติบโตในยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ ส่วนใหญ่ก็เข้ามหาวิทยาลัยยุค วัยหวานŽ ไร้กิจกรรมสังคม มีแต่กิจกรรม SOTUS รีบเรียนรีบจบ เพราะทุนนิยมกำลังก้าวกระโดด งานเดินเงินดี โดยรับเอาศีลธรรมอนุรักษนิยม ซื่อสัตย์ กตัญญู กราบไหว้ผู้ใหญ่ เชื่อคุณงามความดีตัวบุคคล ฯลฯ ไปเป็นหลักใช้ชีวิตในสังคมบริโภค กินด่วน แข่งขัน ช่วงชิงผลประโยชน์ (แล้ววันดีคืนดีก็ถูกปลุกพลังศีลธรรมขึ้นมาโค่นล้มการเมืองชั่ว)

มองไปข้างหน้า ถ้าประเทศไทยจะเข้าสู่การพัฒนาทุนนิยมแบบก้าวกระโดดใหญ่ครั้งที่ 3 ภายใต้อำนาจเข้มงวด ปิดกั้นความคิด ห้ามเห็นต่าง คนรุ่นใหม่จะเติบโตมาเป็นอย่างไร หวังว่าคงไม่เป็น AI มนุษย์หุ่นยนต์ที่เปรื่องปราด แต่เคารพนบนอบอยู่ในโอวาท

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar