Puangthong R. Pawakapan Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์
คนที่ดูข่าวของเวิร์คพอยท์ชิ้นนี้จบ คงตั้งคำถามคล้าย ๆ กันว่า แล้วใครต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น?
หากประเมินกรณีทั้ง 6 เป็นมูลค่าเงินและจำนวนผู้คนที่ได้รับผลกระทบ ฉันเชื่อว่ามันต้องมากมายมหาศาล เฉพาะกรณี cash box ก็มีมูลค่าหลายร้อยล้านแล้ว
จากตัวเลขที่ค้นจากข่าวเก่าพบว่า ขสมก.ได้ทำสัญญาเช่ากับบริษัท ช.ทวี ให้ติดตั้ง cash box บนรถเมล์ 2,600 คันมีมูลค่า 1,666,000,000 บาทระยะเวลา 5 ปี เท่ากับตกคันละ 640,384 บาท แต่เมื่อมันใช้การไม่ได้ ขสมก.ก็ไม่ควรเอาภาษีของประชาชนไปจ่ายใช่ไหม แต่ข่าวบอกว่าบริษัท ช.ทวี ได้ติดตั้งไปแล้ว 800 คัน ก็จำเป็นต้องจ่าย 800 คันเพราะทำสัญญาเช่าเครื่องไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 1,600 คันจะแก้สัญญา หมายความว่าขส.มก.ต้องจ่ายเงินให้กับเศษเหล็กที่ใช้การไม่ได้เป็นจำนวน 640,384 บาท x 800 คัน = 512,307,200 บาท ใช่หรือไม่
กรณีนี้ปัญหาเกิดจากอะไร นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ด ขสมก. บอกว่ามีการทำสัญญาเรื่องนี้ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง เป็นการทำสัญญาโดยไม่มีการทดลองใช้ของจริงก่อน!!! ก็แล้วทำไมเราเรียกร้องเอาผิดกับคนที่ทำสัญญานี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญานี้? พวกเขาต้องรับผิดชอบสิ
ฉันคิดว่า cash box เป็นกรณีที่เล็กที่สุด กรณีอื่น ๆ มีมูลค่ามากกว่านี้ และสร้างผลกระทบต่อประชาชนมากกว่านี้แน่นอน ในกรณีที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินทำกินและสิทธิมนุษยชนนั้น ความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ
คำถามคือทำไมในข่าวนี้ ข่าวเวิร์คพอยท์ไม่ถามต่อว่า “ใครต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น”? เพราะในยุคที่ไม่มีเสรีภาพ การเรียกหาคนรับผิดชอบเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปใช่หรือไม่?
ความเสียหายที่เกิดจากภาษีของเรา ไม่จำเป็นต้องมีคนรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง สื่อจะกลัวจนไม่กล้าถามอย่างนั้นหรือ?
ประชาธิปไตยไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษาโรคทางสังคมทุกชนิดได้ แต่มันปิดปากเราไม่ได้ง่าย ๆ มันให้โอกาสกับเราที่จะตรวจสอบตั้งคำถามท้าทาย ไปจนถึงเอาคนที่เกี่ยวข้องมารับผิดได้ แน่นอนว่าประชาธิปไตยแบบไทยมีจุดบกพร่องมากมาย แต่วิธีแก้ปัญหาคือ ต้องช่วยกันเรียกร้องกดดันแก้ไขให้ตัวระบบทำงานให้ได้ ไม่ใช่ช่วยกันล้มระบบที่ตนเกลียด แต่กลับแกล้งหูหนวกตาบอดกับระบบที่เลวร้ายกว่า
ฉันไม่ได้ต้องการประชาธิปไตยเพียงเพราะอยากตามก้นฝรั่ง แต่เพราะฉันหวังว่าประชาธิปไตยจะทำให้ภาษีของฉันถูกใช้อย่างมีความรับผิดชอบ จะทำให้สิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของฉันไม่ถูกเหยียบย่ำอยู่ร่ำไป
เราไม่จำเป็นต้องวนเวียนอยู่กับการเมืองน้ำเน่าแบบเก่า เราไม่ควรคิดว่าทางเลือกของเรามีแค่นักการเมืองขี้ฉ้อกับเผด็จการขี้โกง ถ้าเราไม่ดูดายกับปัญหาของสังคม เราจะมีทางเลือกมากกว่านั้นแน่นอน
หากประเมินกรณีทั้ง 6 เป็นมูลค่าเงินและจำนวนผู้คนที่ได้รับผลกระทบ ฉันเชื่อว่ามันต้องมากมายมหาศาล เฉพาะกรณี cash box ก็มีมูลค่าหลายร้อยล้านแล้ว
จากตัวเลขที่ค้นจากข่าวเก่าพบว่า ขสมก.ได้ทำสัญญาเช่ากับบริษัท ช.ทวี ให้ติดตั้ง cash box บนรถเมล์ 2,600 คันมีมูลค่า 1,666,000,000 บาทระยะเวลา 5 ปี เท่ากับตกคันละ 640,384 บาท แต่เมื่อมันใช้การไม่ได้ ขสมก.ก็ไม่ควรเอาภาษีของประชาชนไปจ่ายใช่ไหม แต่ข่าวบอกว่าบริษัท ช.ทวี ได้ติดตั้งไปแล้ว 800 คัน ก็จำเป็นต้องจ่าย 800 คันเพราะทำสัญญาเช่าเครื่องไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 1,600 คันจะแก้สัญญา หมายความว่าขส.มก.ต้องจ่ายเงินให้กับเศษเหล็กที่ใช้การไม่ได้เป็นจำนวน 640,384 บาท x 800 คัน = 512,307,200 บาท ใช่หรือไม่
กรณีนี้ปัญหาเกิดจากอะไร นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ด ขสมก. บอกว่ามีการทำสัญญาเรื่องนี้ก่อนที่ตนจะเข้ามารับตำแหน่ง เป็นการทำสัญญาโดยไม่มีการทดลองใช้ของจริงก่อน!!! ก็แล้วทำไมเราเรียกร้องเอาผิดกับคนที่ทำสัญญานี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญานี้? พวกเขาต้องรับผิดชอบสิ
ฉันคิดว่า cash box เป็นกรณีที่เล็กที่สุด กรณีอื่น ๆ มีมูลค่ามากกว่านี้ และสร้างผลกระทบต่อประชาชนมากกว่านี้แน่นอน ในกรณีที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินทำกินและสิทธิมนุษยชนนั้น ความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ
คำถามคือทำไมในข่าวนี้ ข่าวเวิร์คพอยท์ไม่ถามต่อว่า “ใครต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น”? เพราะในยุคที่ไม่มีเสรีภาพ การเรียกหาคนรับผิดชอบเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปใช่หรือไม่?
ความเสียหายที่เกิดจากภาษีของเรา ไม่จำเป็นต้องมีคนรับผิดชอบอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง สื่อจะกลัวจนไม่กล้าถามอย่างนั้นหรือ?
ประชาธิปไตยไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษาโรคทางสังคมทุกชนิดได้ แต่มันปิดปากเราไม่ได้ง่าย ๆ มันให้โอกาสกับเราที่จะตรวจสอบตั้งคำถามท้าทาย ไปจนถึงเอาคนที่เกี่ยวข้องมารับผิดได้ แน่นอนว่าประชาธิปไตยแบบไทยมีจุดบกพร่องมากมาย แต่วิธีแก้ปัญหาคือ ต้องช่วยกันเรียกร้องกดดันแก้ไขให้ตัวระบบทำงานให้ได้ ไม่ใช่ช่วยกันล้มระบบที่ตนเกลียด แต่กลับแกล้งหูหนวกตาบอดกับระบบที่เลวร้ายกว่า
ฉันไม่ได้ต้องการประชาธิปไตยเพียงเพราะอยากตามก้นฝรั่ง แต่เพราะฉันหวังว่าประชาธิปไตยจะทำให้ภาษีของฉันถูกใช้อย่างมีความรับผิดชอบ จะทำให้สิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของฉันไม่ถูกเหยียบย่ำอยู่ร่ำไป
เราไม่จำเป็นต้องวนเวียนอยู่กับการเมืองน้ำเน่าแบบเก่า เราไม่ควรคิดว่าทางเลือกของเรามีแค่นักการเมืองขี้ฉ้อกับเผด็จการขี้โกง ถ้าเราไม่ดูดายกับปัญหาของสังคม เราจะมีทางเลือกมากกว่านั้นแน่นอน
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar