måndag 11 maj 2020

"ขอให้คิดถึงชาติและราษฎรให้มาก ๆ"

11 พ.ค. 2563 ครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 120 ของ ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส
บีบีซีไทย คุยกับลูกคนรองสุดท้องถึงความผูกพันในครอบครัว และช่วงสำคัญในประวัติศาสตร์ประเทศ
“หมุดนั้นถูกรื้อไปไม่เป็นไร แต่จิตวิญญาณของคณะราษฎร มันยังอยู่ในใจของคนจำนวนหนึ่ง เปลี่ยนชื่อค่ายทหาร เปลี่ยนชื่อถนน ในอนาคตคงจะต้องมีอะไรอีก”
11 Nov 11 July 2563, 120th birthday of pridi phanom yong, senior statesman. . Thai BBC talks to the youngest child about family bonding and important part in country history. . " the pins are dismantled. It's okay, but the spirit of the people is still in the heart of a number of people. Change the name of barracks, change the road name in the future
Translated

"ขอให้คิดถึงชาติและราษฎรให้มาก ๆ"

ความนึกคิดถึงเรื่องบ้านเมืองและราษฎร เป็นสิ่งที่ดุษฎีเห็นในผู้เป็นพ่อมาตลอดช่วงชีวิต
"ตลอดเวลานึกถึงคนอื่น นึกถึงบ้านเมือง นึกถึงประชาธิปไตย ตลอดเวลาเลย คือไม่ว่าจะสนทนาในครอบครัวหรือสนทนากับลูกศิษย์ที่มาพบ (ที่บ้านในฝรั่งเศส) หรือแขกที่มา จะพูดแต่เรื่องความห่วงใยต่อบ้านเมืองตลอดเวลา" บุตรสาวคนที่ 5 ของรัฐบุรุษอาวุโสเล่า

ปรีดี พนมยงค์
Image copyright ครอบครัวปรีดี-พูนศุข พนมยงค์
จดหมายถึง "พูนศุข น้องรัก" ที่นายปรีดี พนมยงค์ เขียนถึงภรรยาคู่ชีวิตถึงเหตุผลการก่อการปฏิวัติ เจ็ดวันหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนา 2475 เป็นจดหมายที่ดุษฎีบอกว่า "คนสมัยใหม่หรือคนรุ่นเก่าที่มีหัวคิดเก่ามากน่าจะมาอ่าน"
ดุษฎี เล่าถึงความในจดหมายบอกเหตุผลของบิดาที่ต้องกระทำการเสี่ยงชีวิตครั้งนั้นว่า
"ที่ฉันทำเพราะว่าเห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม เรื่องบ้านก็เป็นเรื่องบ้าน เรื่องงานก็เป็นเรื่องงาน ที่ฉันบอกว่าไปบวชเนี่ย การกระทำอภิวัฒน์ 2475 ก็เหมือนกับการบวช เพราะได้บุญ เป็นการกระทำที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ได้มีโอกาส...." ดุษฎีเล่า
เธอยังเล่าความที่ท่านผู้หญิงพูนศุขกล่าวไว้ในหลายวาระถึงเรื่องราวในค่ำคืนก่อนวันที่ 24 มิถุนา

ครอบครัวปรีดี-พูนศุข พนมยงค์
Image copyright ครอบครัวปรีดี-พูนศุข พนมยงค์
"คุณพ่อมาลาคุณแม่ที่บ้านป้อมเพชร์ที่สีลมว่า ฉันจะไปบวชที่อยุธยา หวังว่าเธอจะอนุโมทนาบุญนะ แล้วก็ไป คืนวันนั้นคุณแม่เล่าว่า ลูกชายคนที่สอง คือ ปาล พนมยงค์ ตอนนั้นอายุเพิ่งประมาณเพิ่ง 6 เดือน ร้องไห้ทั้งคืน เลยไม่รู้เป็นอะไร คุณแม่ก็เอ๊ะวันนี้ทำไมลูกชาย 6 เดือนร้องไห้ทั้งคืน... คุณแม่ยังไปส่งคุณพ่อขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อขึ้นรถไฟไปอยุธยาไปบวช คือเสมือนจริงมาก"

"เธอเองคงเศร้าโศก แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเราทำการเพื่อชาติ และในชีวิตของคนอีกหลายร้อยล้าน หามีโอกาสไม่ ไม่ช้าเมื่อเรียบร้อยแล้ว เราคงอยู่กันเป็นปกติต่อไป ขอให้คิดถึงชาติและราษฎรให้มาก ๆ"

บางส่วนของจดหมายที่ปรีดี เขียนลงวันที่ 3 ก.ค. 2475

120 ปีชาตกาล ปรีดี พนมยงค์ กับมรดกคณะราษฎร

หากกล่าวถึงการเริ่มต้นระบอบประชาธิปไตยที่คณะราษฎรปักหมุดอุดมการณ์ไว้ สิ่งนั้น คือ หลัก 6 ประการ จวบจนปีที่ 88 ของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในสายตาของดุษฎี ไม่มีประการไหนเลยที่ลงหลักปักฐานได้อย่างแท้จริงในสังคมไทย
หลัก 6 ประการนี้ได้แก่ เอกราชทางการเมือง ศาล เศรษฐกิจ ความปลอดภัยและชีวิตของราษฎร ความสุขสมบูรณ์ในทางเศรษฐกิจไม่ให้ราษฎรอดอยาก หลักเสมอภาคให้ราษฎรมีสิทธิเสมอหน้ากัน หลักเสรีภาพที่ราษฎรมีอิสระที่จะใช้สิทธิผู้ใดจะบังคับมิได้ และหลักการศึกษาจะให้การศึกษาแก่ราษฎรอย่างทั่วถึง
         ดุษฎี พนมยงค์

Image copyright Wasawat Lukharang/BBC Thai
คำบรรยายภาพ ดุษฎี เป็นผู้บุกเบิกการขับร้องเพลงคลาสสิกในไทย และเป็นศิลปินแห่งชาติ เมื่อปี 2557 สาขาดนตรีสากล จากความสามาถทางดนตรี เมื่อปี 2560 กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ได้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์ฝรั่งเศส ตระกูล Lordre des Arts et des Lettres (ศิลปะและวรรณกรรม) ชั้น 2 แก่ดุษฎีและสุดา พี่สาว
"ไม่คิดว่าจะได้อยู่ถึงวันที่เห็นประเทศไทยมีประชาธิปไตย ไม่คิดถึงวันนั้น ขอทำวันนี้ ให้ดีที่สุด อยู่กับปัจจุบันขณะ"
ความหวังของบุตรสาวผู้ก่อการอภิวัฒน์ในวัย 81 ปี คือ การได้เห็นคนรุ่นใหม่สานต่ออุดมการณ์ความหวังในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง
"ไม่งั้นสังคมก็ไม่เจริญก้าวหน้า เราดูประวัติศาสตร์สังคมโลก สังคมมันต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่หยุดอยู่กับที่"
มรดกคณะราษฎรทางอุดมการณ์ยังไม่อาจตั้งได้อย่างมั่นคงในการเมืองไทย ส่วนมรดกคณะราษฎรทางวัตถุ ก็มีอันเริ่มสูญหายไปในระยะหลัง อย่างหมุดก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ หรือความเปลี่ยนแปลงเรื่องชื่อนามในบางสถานที่ รวมถึงการย้ายอนุสาวรีย์บางแห่ง ดุษฎีบอกว่านี่เป็นความเคลื่อนไหวที่ทั้ง "สำคัญและไม่สำคัญ" ในเวลาเดียวกัน



ปรีดี พนมยงค์
Image copyright Wasawat Lukharang/BBC Thai
"หมุดนั้นถูกรื้อไปไม่เป็นไร แต่จิตวิญญาณของคณะราษฎร มันยังอยู่ในใจของคนจำนวนหนึ่ง เปลี่ยนชื่อค่ายทหาร เปลี่ยนชื่อถนน ในอนาคตคงจะต้องมีอะไรอีกหลายเรื่อง สำหรับส่วนตัวแล้วคิดว่าไม่เป็นไร..." ดุษฎีกล่าว และเอ่ยคำว่า "ไม่เป็นไร" ซ้ำสองด้วยเสียงที่แผ่วเบา
"ปรีดีเหมือนกับรู้ เขียนเอาไว้เมื่อ 30-40 ปีก่อนว่าพ่อไม่ต้องการอนุสาวรีย์ที่เป็นวัตถุ แต่ต้องการให้หนังสือเหล่านี้ หนังสือที่เขียนรวบรวมการตัดสินใหม่ของเรื่องกรณีสวรรคตที่โดนใส่ร้ายเป็นอนุสาวรีย์ของพ่อ ก่อนที่เขาจะทุบอนุสาวรีย์ หลายอย่างคนบอกว่าปรีดีเป็นคนเกิดก่อนกาล เกิดก่อนกาลเวลาเยอะไปหน่อยก็เลยลำบาก ว่าไหม.." ดุษฎีเอ่ยเป็นคำถาม
"เกิดก่อนกาลและเวลา..."

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar