
คลิกดู-120 ปี ชาตกาล ปรีดี พนมยงค์ “รัฐบุรุษอาวุโส”
ปรีดี พนมยงค์ : 120 ปี ชาตกาล ตำนาน "บุคคลสำคัญของโลก"
11 พ.ค. 2563
ครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 120 ของ ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์
"บุคคลสำคัญของโลก"
แกนนำผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
และผู้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทย
ที่ทำให้ประเทศไทยไม่กลายเป็นชาติที่แพ้สงคราม
บีบีซีไทยขอนำเสนอประวัติย่อของ
"รัฐบุรุษอาวุโส" ผ่านการค้นคว้าของ ดร. บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์
อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง (การนับปี พ.ศ. ในบทความนั้น หากเป็นก่อน 1 ม.ค. 2484 เป็นการนับระหว่าง 1 เม.ย.-31 มี.ค. จนกระทั่งมาถึง ธ.ค. 2483 รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศให้ 1 ม.ค. 2484 เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย และนับ พ.ศ. เป็น 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค.)
บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย
ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรือหลวงประดิษฐมนูธรรม เป็นแกนนำคณะราษฎรสายพลเรือน ผู้ร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ได้รับการยกย่องว่าเป็นมันสมองของคณะราษฎรโดยเป็นผู้ร่างคำประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 และพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย ต่อมาได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ได้รับการโปรดเกล้าให้เป็นรัฐบุรุษอาวุโส นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศ และผู้ประศาส์นการ (ผู้ก่อตั้ง) มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง นอกจากนี้ยังและมีบทบาทสำคัญในการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาที่ไทยเสียเปรียบกับต่างประเทศจากมิตรเป็นศัตรู
จากเพื่อนร่วมอุดมการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง ความสัมพันธ์ระหว่างนายปรีดี และจอมพล ป.กลายเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง เมื่อทั้งสองคนมีแนวทางการบริหารประเทศที่แตกต่างกัน และความสัมพันธ์อันยาวนานมาแตกหักเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2เมื่อเกิดกรณีพิพาทอินโดจีน พ.ศ. 2483-2484 จอมพล ป. ในฐานะนายกรัฐมนตรีใช้วิทยุกระจายเสียงของรัฐ เปิดเพลงปลุกใจ ปลุกความรู้สึกชาตินิยมในหมู่นักศึกษา ประชาชน ส่วนนายปรีดีในฐานะผู้ประศาส์นการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองได้แสดงความความคิดเห็นมิให้นักศึกษาออกมาเดินขบวนเรียกร้องดินแดนคืน และได้สร้างภาพยนตร์เรื่องพระเจ้าช้างเผือกเพื่อเป็นการสื่อความหมายของผู้นำที่รักสันติภาพ
ต่อมา เมื่อกองทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยในวันที่ 8 ธ.ค. พ.ศ. 2484 กองทัพญึ่ปุ่นได้ขอกู้เงินรัฐบาลไทยเพื่อใช้จ่ายในระหว่างที่อยู่ในไทย การขอกู้ครั้งนี้นายปรีดี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้คัดค้าน โดยเกรงจะเกิดเงินเฟ้อขั้นรุนแรง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของจอมพล ป.พิบูลสงครามจึงมีมติเมื่อ 16 ธ.ค. พ.ศ. 2484 ให้นายปรีดี ไปดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แทนเจ้าพระยายมราชที่ถึงแก่อสัญกรรม นายปรีดีจึงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันเดียวกัน
ขบวนการเสรีไทย
ในช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาในไทย นายปรีดี ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้น โดยมีภารกิจในระยะแรกคือ 1.ต่อสู้ญี่ปุ่นผู้รุกรานโดยคนไทยผู้รักชาติร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร 2.ปฏิบัติการเพื่อให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองเจตนารมณ์ที่แท้จริงของไทยไม่เป็นศัตรูต่อสัมพันธมิตร ต่อมาเมื่อรัฐบาลได้ประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกาในวันที่ 25 ม.ค. พ.ศ.2485 ภารกิจได้เพิ่มขึ้นมาอีกประการหนึ่งคือ 3.ปฏิบัติการเพื่อให้ฝ่ายสัมพันธมิตรรับรองว่าประเทศไทยจะไม่ตกเป็นผู้แพ้สงครามและพยายามผ่อนหนักเป็นเบาโดยนายปรีดีรับเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยมีรหัสลับคือ "รู้ธ" และใช้มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองเป็นที่ตั้งกองบัญชาการขบวนการเสรีไทย
ร่วมญี่ปุ่น แต่ไม่แพ้สงคราม
ผลการดำเนินการของขบวนการเสรีไทยเป็นไปด้วยดี ในช่วงปลายสงครามจอมพลเรือลอร์ด เมานท์แบตแทน ผู้บัญชการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ได้ส่งโทรเลขถึงนายปรีดีในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และหัวหน้าขบวนการเสรีไทยว่ามีความประทับใจอย่างยิ่งในปฏิบัติการต่างๆ ของขบวนการเสรีไทยที่ให้ความสนับสนุนที่มีประโยชน์ในการทำสงครามต่อต้านญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตร ผู้บัญชาการสูงสุดสัมพันธมิตรและรัฐบาลอังกฤษจะไม่ถือว่าไทยเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม แต่เนื่องจากมีการประกาศสงครามไปแล้วดังนั้นให้ไทยส่งผู้แทนไปทำความตกลงเลิกสถานะสงครามวันที่ 16 ส.ค. พ.ศ. 2488 นายปรีดี ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ ได้ออกประกาศสันติภาพในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ให้การประกาศสงครามต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เมื่อ 25 ม.ค. พ.ศ. 2485 เป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการกระทำอันขัดต่อเจตจำนงของประชาชนและขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งชาวไทยทั้งในและนอกประเทศได้ร่วมกันแสดงเจตจำนงไม่ยอมรับคำประกาศดังกล่าวด้วยการจัดตั้งขบวนการเสรีไทยช่วยเหลือฝ่ายสัมพันธมิตรในการต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่นที่ยึดครองประเทศไทยอยู่ในระหว่างสงคราม โดยที่ไทยประกาศว่าจะร่วมมือเต็มที่กับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้ ประกาศสันติภาพนี้มีนายทวี บุณยเกตุ รัฐมนตรี เป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ
"รัฐบุรุษอาวุโส"
วันที่ 5 ธ.ค. พ.ศ. 2488 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จนิวัติพระนคร เนื่องด้วยทรงบรรลุนิติภาวะ นายปรีดีจึงได้กราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ยกย่องปรีดี พนมยงค์ ไว้ในฐานะ "รัฐบุรุษอาวุโส" ในวันที่ 8 ธ.ค. พ.ศ. 2488สภาพการณ์ทางการเมืองภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานะของนายปรีดีและขบวนการเสรีไทยได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอันมาก สามารถกำจัดบทบาทของจอมพล ป.พิบูลสงครามออกจากศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองได้ ภายหลังจากที่นายควง อภัยวงศ์ได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 14 มี.ค. พ.ศ.2489 เนื่องจากมีสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองค่าใช้จ่ายของประชาชนในภาวะคับขัน รัฐบาลเห็นว่าไม่สมควรรับหลักการแต่สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการด้วยคะแนนเสียง 65 ต่อ 63 ที่ประชุมมีมติเลือกนายปรีดี เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 24 มี.ค. พ.ศ. 2489 โดยเป็นนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 7
ร.8 สวรรคต
เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2489 ประกาศใช้ นายปรีดีได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 7 มิ.ย. พ.ศ. 2489 และได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรีในวันรุ่งขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ตั้งคณะรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้เสด็จสวรรคตโดยต้องพระแสงปืนในวันที่ 9 มิ.ย. พ.ศ. 2489 นายปรีดีได้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในวันที่ 11 มิ.ย.แม้ว่ากลุ่มของนายปรีดีสามารถควบคุมกลไกรัฐสภาได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพฤติสภา ร้อยละ 87 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 66 แต่กลุ่มนายปรีดีต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง 2 ด้านคือพรรคประชาธิปัตย์และกองทัพภายใต้อิทธิพลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ทำให้นายปรีดีลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 21 ส.ค. พ.ศ. 2489 โดยสนับสนุนให้ พลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ดำรงตำแหน่งแทน
ข้าวยากหมากแพง
ภาระหนักของรัฐบาลในขณะนั้นคือความขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค และภาวะค่าครองชีพที่สูงอันเนื่องจากสภาวะหลังสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนในเดือนพ.ค. พ.ศ. 2490 โดยมีการถ่ายทอดทางสถานีวิทยุกระจายเสียง ถึงแม้ว่ารัฐบาลชนะการลงมติ แต่นายกรัฐมนตรีก็ได้ลาออกเพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งพลเรือตรีถวัลย์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกลุ่มทหารบกไม่พอใจที่ถูกลิดรอนอำนาจและลดบทบาททางการเมืองนับตั้งแต่สิ้นสุดสงคราม และบทบาทของเสรีไทยที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นอันมาก นายทหารชั้นผู้ใหญ่ระบุว่าได้รับการดูถูกจากเสรีไทยบางคน ดังนั้นปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่พอใจของกองทัพและการไม่สามารถคลี่คลายกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ให้กระจ่างทำให้สถานะของรัฐบาลคลอนแคลนเป็นอันมากศึกชิงอำนาจ ทหารบก ปะทะ ทหารเรือ
วันที่ 8 พ.ย. พ.ศ. 2490 เวลา 23.30 น. คณะรัฐประหารนำโดยพลโทผิน ชุณหะวัณ ได้ทำการยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน โดยพันโทละม้าย อุทยานานนท์และพันโทก้าน จำนงภูมิเวท ได้รับมอบหมายให้ไปจับกุมนายปรีดีที่ทำเนียบท่าช้าง การดำเนินการจับกุมไม่เป็นผลสำเร็จโดยนายปรีดีได้รับการคุ้มครองจากฝ่ายทหารเรือและได้รับการช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูอังกฤษและสหรัฐอมริกาในไทยให้หนีไปสิงคโปร์ โดยสถานเอกอัครราชทูตทั้งสองประเทศได้มีหนังสือถึงนายควง อภัยวงศ์นายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่าไม่สามารถที่จะปฏิเสธคำร้องขอของนายปรีดีได้เพราะความผูกพันที่มีต่อกันของเพื่อนร่วมสงครามจากสิงคโปร์ นายปรีดีเดินทางต่อไปฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ โดยมีความพยายามที่จะกลับประเทศไทยผ่านการติดต่อกับฝ่ายทหารบกเพื่อที่จะกลับมาต่อสู้ทางการเมืองโดยสันติวิธี แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธจากคณะรัฐประหาร 2490 นายปรีดีจึงตกลงใจที่จะใช้กำลังเข้ายึดอำนาจโดยติดต่อกับฝ่ายทหารเรือ โดยมีพลเรือตรี ทหาร ขำหิรัญ ผู้บัญชาการมณฑลทหารเรือที่ 2 และรักษาการผู้บังคับกองพลนาวิกโยธินสนับสนุน นายปรีดีได้ทำการยึดอำนาจเมื่อ 26 ก.พ. พ.ศ. 2492 โดยเข้ายึดพระบรมมหาราชวังเป็นกองบัญชาการ แต่จอมพล ป.พิบูลสงครามได้รู้แผนการยึดอำนาจล่วงหน้าประกอบกับทหารเรือบางฝ่ายไม่ได้เข้าร่วม ทำให้การยึดอำนาจไม่ประสบผลสำเร็จ โดยมีการเจรจาหยุดยิงในวันที่ 27 ก.พ. และทำให้บทบาทการเมืองของนายปรีดีสิ้นสุดลง
ชีวิตผู้ลี้ภัยในต่างแดน
ขณะลี้ภัยในต่างประเทศ เสียงกล่าวหาว่าเขามีส่วนในการปลงพระชนม์ ร. 8 อยู่เป็นระยะ ๆ เขาจึงต้องฟ้องร้องผู้ใส่ความหมิ่นประมาทต่อศาลยุติธรรม และชนะทุกคดี
ขณะพำนักอยู่ในจีน เขาได้พบปะสนทนากับผู้นำสำคัญของรัฐบาลจีนและชาติอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น ประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตง นายเติ้ง เสี่ยวผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ แห่งเวียดนาม เจ้าสุภานุวงศ์ ประธานประเทศลาว พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ กษัตริย์แห่งกัมพูชา
จนกระทั่ง พ.ค. พ.ศ. 2513 นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของจีนช่วยเหลือให้นายปรีดีเดินทางจากจีนไปยังกรุงปารีส โดยได้รับความเห็นชอบจากประธานาธิบดี ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ของฝรั่งเศส ให้พำนักอยู่ที่นั่น จนวันสุดท้ายของชีวิต
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar