Andrew MacGregor Marshall
🍕🇹🇭 บทวิเคราะห์ — สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ สำหรับกษัตริย์วชิราลงกรณ์
(Scroll down for 🇬🇧)
ผ่านไปเป็นเวลาเพียงหนึ่งปีหลังจากพิธีราชาภิเษก แต่ราชวงศ์ไทยกำลังเสื่อมความนิยมลงอย่างที่สุด คนไทยกำลังรังเกียจโกรธแค้นที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์ใช้ชีวิตสุขสบายในโรงแรมหรูกับนางบำเรอ 20 คน ขณะที่ประเทศไทยกำลังเจอวิกฤติโคโรนาไวรัสระบาด
สื่อต่างประเทศทั่วโลกได้รายงานเรื่องราวการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยและฮาเร็มขนาดใหญ่ของเขา สร้างความอับอายแก่ประเทศไทยในระดับนานาชาติ
ถึงแม้ว่าสื่อในไทยเองจะรายงานเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับเขามากไม่ได้ เนื่องจากในประเทศมีกฎหมายจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกที่เข้มงวด แต่ชาวไทยในโซเชียลเน็ตเวิร์คกลับมีกระแสวิจารณ์กษัตริย์อย่างกว้างขวางเป็นประวัติการณ์ เช่น เมื่อเดือนที่แล้วมีแฮชแท็ก #กษัตริย์มีไว้ทำไม ขึ้นกระแส มีทวีตและการรีทวีตเป็นล้านครั้งภายในแค่ช่วง 24 ชั่วโมง
การแวะกลับไทยของวชิราลงกรณ์ในวันจักรีเมื่อ 6 เมษายนที่ผ่านมากลับกลายเป็นหายนะของราชวงศ์ในด้านการประชาสัมพันธ์ กษัตริย์และราชินีบินจากซูริคกลับกรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบินพิเศษโดยการบินไทยและใช้เวลาอยู่ในประเทศเพียงแค่ 19 ชั่วโมงกับ 48 นาทีถ้วนก่อนจะเดินทางกลับสวิตเซอร์แลนด์
เมื่อพวกเขาถึงสนามบินซูริค ทางตำรวจสวิสได้จับกุมช่างภาพที่ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ BILD ในเยอรมนี ในระหว่างที่เค้าพยายามถ่ายภาพกษัตริย์วชิราลงกรณ์และราชินีสุทธิดาในบริเวณสนามบิน
แม้แต่คนไทยเองก็ไม่พอใจกับงบประมาณจำนวนมากที่จ่ายให้กษัตริย์และราชินีบินกลับมาด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 เพียงเพื่อให้เขามาใช้เวลาในประเทศแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
สำหรับในประเทศเยอรมนีและทั่วโลก เริ่มมีประแสไม่พอใจที่วชิราลงกรณ์ได้ทำตัวตามใจแหกกฎต่าง ๆ ทั้งเรื่องการเดินทางและการกักตัวในช่วงโรคระบาด
ทางวังได้พยายามจะกอบกู้ความอับอายที่วชิราลงกรณ์ได้ก่อไว้ ด้วยการจัดทำและแจกจ่ายถุงยังชีพพระราชทานไปยังชุมชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบ โดยพยายามบอกว่าเป็นความกรุณาจากกษัตริย์และราชินี โดยผู้ที่ได้รับถุงยังชีพเหล่านั้นถูกบังคับถ่ายภาพร่วมกับถุงพร้อมรูปภาพของวชิราลงกรณ์กับสุทธิดา และต้องพูดว่าพวกเขาดีใจแค่ไหนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
แต่แน่นอนว่าตอนนี้คนไทยส่วนมากมองออกแล้วว่านั่นเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ เพราะเป็นที่รู้กันว่าถุงยังชีพเหล่านั้นจัดซื้อโดยใช้เงินภาษีประชาชน ไม่ได้จ่ายโดยกษัตริย์อย่างที่เขาหลอกลวง อีกทั้งมีคลิปหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมา แสดงภาพน่าอึดอัดใจที่มาลินี วรรณทอง นักข่าวในพระราชสำนักจากไทยทีวีสีช่องสาม พยายามเตี๊ยมคุณตาคุณยายให้พูดยกย่องกษัตริย์
หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงและด้วยความไม่ได้อยากจะกลับมาประเทศไทยอยู่แล้ว กษัตริย์วชิราลงกรณ์ก็ได้ยกเลิกแผนเดินทางกลับไทยทั้งหมดเพื่อร่วมกิจกรรมวันฉัตรมงคล (5 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา วันวิสาขบูชา (7 พฤษภาคม) และวันพืชมงคล (11 พฤษภาคม)
แม้แต่ในเวลาที่เขาควรจะแสดงภาวะความเป็นผู้นำให้คนไทยที่กำลังประสบวิกฤติโรค Covid-19 ระบาดได้เห็น เขากลับเลือกที่จะหันหลังให้ประชาชนและใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในยุโรปต่อไป
ความพยายามประชาสัมพันธ์ล่าสุดจากทางวังก็ให้ผลตรงกันข้ามเช่นกัน ชุดภาพที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาเนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานของพวกเขา แสดงภาพทั้งคู่เยี่ยมชมการจัดทำถุงยังชีพโดยกองทหารรักษาพระองค์ และภาพสุทธิดานั่งเย็บหน้ากากอนามัย
การประชาสัมพันธ์นี้พยายามจะสร้างความประทับใจแก่ประชาชนว่ากษัตริย์และราชินีมีความเป็นห่วงเป็นใยและกำลังช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับความลำบากจากโรคระบาด แต่ในความเป็นจริง พวกเขาอยู่ในไทยเพื่อสร้างภาพเหล่านี้เพียงแค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่การปิดเมือง และอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งวันดีในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายน
ภาพเหล่านั้นได้รับการยืนยันว่าถูกถ่ายไว้ในช่วงสองวันดังกล่าวจริง ๆ โดยดูได้จากลิงก์ URLs ของภาพบนเว็บไซต์ www.royaloffice.th มีตัวเลข 06042563 หรือวันที่ถ่ายไว้อยู่ในลิงก์ไฟล์ภาพ ซึ่งภายหลังจากถูกคนจับได้ ทางเว็บไซต์ก็แก้ไขและลบตัวเลขวันที่ออกไป
ชัดเจนว่าภาพโฆษณาชวนเชื่อเหล่านั้นถูกถ่ายไว้ในโอกาสสั้น ๆ ในช่วงค่ำวันที่ 6 เมษายน โดยที่วชิราลงกรณ์และสุทธิดาแทบไม่ได้ทำอะไรที่มีประโยชน์กับสถานการณ์วิกฤติในปัจจุบันเลย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณความพยายามจากทางวังยังไม่จบลงแค่นี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการติดตั้งซุ้มรูปภาพของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ขนาดใหญ่ที่บนถนนราชดำเนินข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในโอกาสวันฉัตรมงคล แต่ซุ้มนั้นก็ถูกรื้อออกไปในวันถัดมาโดยไร้คำอธิบายใด ๆ
บางคนตั้งข้อสังเกตว่าทางวังอาจจะสั่งให้รื้อออกไปเพราะกลัวซุ้มจะถูกทำลายโดยกลุ่มคนไทยที่เบื่อหน่ายกษัตริย์
ล่าสุดในในวันนี้ มีเหตุเพลิงไหม้ซุ้มรูปภาพของวชิราลงกรณ์บนสะพานลอยในจังหวัดมหาสารคาม ทางตำรวจพยายามบอกว่าเป็นเพราะอากาศร้อนหรือเพราะไฟฟ้าลัดวงจร แต่จริง ๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าคงเป็นการวางเพลิงมากกว่า
ความน่าขบขันคือ คนไทยที่รักสถาบันพยายามพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของรูปภาพกษัตริย์มาตลอด ว่าเป็นรูปภาพที่จะไม่ไหม้ไฟ ถึงแม้ว่าบ้านทั้งหลังที่ติดตั้งรูปนั้นจะถูกเผาจนเป็นตอตะโกก็ตาม ภาพเพลิงไหม้วันนี้ก็ได้พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์นั้นแล้ว
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการประท้วงสถาบันกษัตริย์ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษอีก โดยกลุ่มนักกิจกรรมชาวเยอรมันและไทยได้เริ่มรณรงค์การขับไล่วชิราลงกรณ์ให้ออกไปให้พ้นแคว้นบาวาเรีย เยอรมนี
เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาฉายภาพโดยเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ไปบนผนังโรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิล ซึ่งเป็นที่พำนักของวชิราลงกรณ์และที่ตั้งฮาเร็มของเขา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไทยได้ออกมาข่มขู่ผู้ประท้วงถึงสองครั้ง แต่ไม่สามารถขัดขวางหรือสลายการชุมนุมได้
ข้อความจากกลุ่มเดียวกันยังถูกฉายไปที่ศาลากลางของเมืองการ์มิช-พาร์เทนเคอเชน ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่วชิราลงกรณ์มาใช้เวลาพักผ่อนอยู่บ่อย ๆ
วันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อพูดคุยกับองค์กรพิกเซลเฮลเปอร์ (PixelHELPER) ในเยอรมนี ผู้รับผิดชอบการรณรงค์ล่าสุดนี้ด้วยการสนับสนุนโดยกลุ่มนักกิจกรรมคนไทย พวกเขาบอกว่า นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการรณรงค์เท่านั้น
ในขั้นตอนต่อไป พวกเขาวางแผนล่ารายชื่อคนในท้องที่เพื่อให้หน่วยงานในท้องที่ยกเลิกการอนุญาตพิเศษที่ออกให้วชิราลงกรณ์พักอาศัยในโรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิล
ตามกฎหมายประเทศเยอรมนี ถ้ามีประชาชนรวมรายชื่อได้ 1,720 คน หรือร้อยละ 8 ของประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งในเมืองการ์มิช-พาร์เทนเคอเชนที่มีอยู่ 21,514 คน หน่วยงานท้องที่จะต้องรับคำร้องและมีอำนาจเรียกประชุมสภาเมืองเพื่อตัดสินใจว่าวชิราลงกรณ์จะได้อยู่ต่อไปหรือไม่
คนในท้องที่หลายคนได้บอกกับสื่อเยอรมันว่า การที่วชิราลงกรณ์มาอยู่ในเขตนี้ทำให้เมืองเสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเขาต้องการให้วชิราลงกรณ์ออกไปโดยไว
หากเป็นเช่นนั้น การพักร้อนในประเทศเยอรมนีที่ยาวนานกว่า 13 ปีของวชิราลงกรณ์ ก็อาจจะต้องสิ้นสุดลงในที่สุด
..........................
🍕🇬🇧 ANALYSIS—Things are going from bad to worse for King Vajiralongkorn of Thailand.
A year after his coronation ceremonies, the Thai monarch is more unpopular than ever. Many Thais are appalled that while the kingdom faces the coronavirus crisis, their king is living at a luxury hotel in Germany with 20 concubines.
Foreign media all over the world have been reporting on his lavish spending and large harem, causing international embarrassment for Thailand.
Thai media are unable to say anything due to the country's draconian restrictions on freedom of speech, but social media is ablaze with unprecedented criticism of the king. Last month the hashtag #กษัตริย์มีไว้ทําไม — #WhyDoWeNeedAKing — was retweeted more than a million times in just 24 hours.
Vajiralongkorn's visit to Thailand for Chakri Day on April 6 was a PR disaster for the monarchy. The king and queen flew to Bangkok on a special Thai Airways flight from Zurich, and stayed just 19 hours and 48 minutes in Thailand before departing back to Switzerland.
When they arrived back at Zurich Airport, Swiss police arrested and handcuffed a photographer working for German newspaper BILD who was trying to get pictures of Vajiralongkorn and Suthida from a public area in the airport.
Thais were shocked at the huge expense of flying the king and queen to Bangkok in a Boeing 737 when they were staying for less than 24 hours.
In Germany and around the world, many people were furious that Vajiralongkorn was allowed to break strict laws on travel and quarantine.
The palace tried to repair some of the damage to Vajiralongkorn's reputation by arranging for relief supplies to be distributed to impoverished communities in the name of the king and queen. Recipients were forced to hold up pictures of Vajiralongkorn and Suthida and say how grateful they were for the royal generosity.
But most Thais can see through the propaganda by now, and it is widely known that the relief packages were funded from the state budget, paid for by Thai taxpayers not by the king. Embarrassing footage of Channel 3 palace reporter Malinee Wanthong forcing an elderly couple to praise the king on video went viral.
Shocked by the criticism, and unwilling to come back to Thailand, Vajiralongkorn cancelled plans to come to Bangkok for Coronation Day on May 5, Visakha Bucha Day on May 7 and the Royal Ploughing Ceremony on May 11.
At a time when he was expected to show moral leadership, with many Thais facing financial ruin due to the covid-19 crisis, Vajiralongkorn was far away in Europe.
The palace's next PR effort backfired spectacularly too. Photographs were released on May 1, the first wedding anniversary of Vajiralongkorn and Suthida, showing the royal couple observing King's Guard soldiers preparing bags of relief supplies, and Suthida sewing a face mask.
The photographs were intended to give the impression that Vajiralongkorn and Suthida were in Thailand and actively helping Thais facing destitution due to the pandemic. But in fact, the king and queen have only been in Thailand once since the lockdown, their visit of less than a day on April 6/7.
This was the only time the photographs could have been taken — a fact confirmed by the URLs of the images on the www.royaloffice.th website, which all included the digits 06042563 until they were hastily edited.
So it was clear the propaganda pictures had been taken during a very brief photo op on the evening of April 6, and Vajiralongkorn and Suthida had done little or no work to help the poor cope with the coronavirus crisis.
More signs of chaos and incompetence in the palace emerged this week. On Monday, hideous giant photographs of the king were erected on Rachadamnoen Avenue ahead of Coronation Day. On Tuesday, they were removed without explanation.
Some have suggested they may have been removed because the palace feared they could be vandalised by Thais sick of the king.
Today, a large photograph of Vajiralongkorn on an overpass in Mahasarakam was destroyed by fire. Police blamed hot weather or an electrical fault, but arson seems a more likely explanation.
Royalist Thais have long claimed that pictures of the king miraculously remain undamaged even in houses destroyed by fire. Today's blaze showed how ridiculous that myth is.
Now, in the most unprecedented protest against the Thai monarchy in nearly a century, German and Thai democracy activists have launched a campaign to get Vajiralongkorn thrown out of Bavaria.
Last night they projected protest messages onto the Grand Hotel Sonnenbichl, where Vajiralongkorn is staying with his harem. Thai security guards drove out of the hotel twice in large black vehicles to intimidate the activists, but did not intervene to shut down the protest.
Messages were also projected onto the town hall in Garmisch-Partenkirchen, the Alpine resort where the king spends most of his time.
Today I spoke to German organisation PixelHELPER which staged the protest with support from Thai activists. They say the protest is just the first step in their campaign.
Next, they plan to ask locals to sign a petition urging the local authorities to revoke the special permission for Vajiralongkorn to stay at Grand Hotel Sonnenbichl.
According to German law, if 1,720 people — eight percent of Garmish-Partenkirchen's 21,514 eligible voters — sign the petition, the local authorities will be obliged to call a town meeting to decide if Vajiralongkorn should be allowed to stay.
Many locals have told German media that the king's presence is damaging the reputation of the town, and they want him out.
Vajiralongkorn's 13-year holiday in Germany may finally be coming to an end.
ผ่านไปเป็นเวลาเพียงหนึ่งปีหลังจากพิธีราชาภิเษก แต่ราชวงศ์ไทยกำลังเสื่อมความนิยมลงอย่างที่สุด คนไทยกำลังรังเกียจโกรธแค้นที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์ใช้ชีวิตสุขสบายในโรงแรมหรูกับนางบำเรอ 20 คน ขณะที่ประเทศไทยกำลังเจอวิกฤติโคโรนาไวรัสระบาด
สื่อต่างประเทศทั่วโลกได้รายงานเรื่องราวการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยและฮาเร็มขนาดใหญ่ของเขา สร้างความอับอายแก่ประเทศไทยในระดับนานาชาติ
ถึงแม้ว่าสื่อในไทยเองจะรายงานเรื่องใด ๆ เกี่ยวกับเขามากไม่ได้ เนื่องจากในประเทศมีกฎหมายจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกที่เข้มงวด แต่ชาวไทยในโซเชียลเน็ตเวิร์คกลับมีกระแสวิจารณ์กษัตริย์อย่างกว้างขวางเป็นประวัติการณ์ เช่น เมื่อเดือนที่แล้วมีแฮชแท็ก #กษัตริย์มีไว้ทำไม ขึ้นกระแส มีทวีตและการรีทวีตเป็นล้านครั้งภายในแค่ช่วง 24 ชั่วโมง
การแวะกลับไทยของวชิราลงกรณ์ในวันจักรีเมื่อ 6 เมษายนที่ผ่านมากลับกลายเป็นหายนะของราชวงศ์ในด้านการประชาสัมพันธ์ กษัตริย์และราชินีบินจากซูริคกลับกรุงเทพฯ ด้วยเที่ยวบินพิเศษโดยการบินไทยและใช้เวลาอยู่ในประเทศเพียงแค่ 19 ชั่วโมงกับ 48 นาทีถ้วนก่อนจะเดินทางกลับสวิตเซอร์แลนด์
เมื่อพวกเขาถึงสนามบินซูริค ทางตำรวจสวิสได้จับกุมช่างภาพที่ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ BILD ในเยอรมนี ในระหว่างที่เค้าพยายามถ่ายภาพกษัตริย์วชิราลงกรณ์และราชินีสุทธิดาในบริเวณสนามบิน
แม้แต่คนไทยเองก็ไม่พอใจกับงบประมาณจำนวนมากที่จ่ายให้กษัตริย์และราชินีบินกลับมาด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 เพียงเพื่อให้เขามาใช้เวลาในประเทศแค่ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
สำหรับในประเทศเยอรมนีและทั่วโลก เริ่มมีประแสไม่พอใจที่วชิราลงกรณ์ได้ทำตัวตามใจแหกกฎต่าง ๆ ทั้งเรื่องการเดินทางและการกักตัวในช่วงโรคระบาด
ทางวังได้พยายามจะกอบกู้ความอับอายที่วชิราลงกรณ์ได้ก่อไว้ ด้วยการจัดทำและแจกจ่ายถุงยังชีพพระราชทานไปยังชุมชนคนไทยที่ได้รับผลกระทบ โดยพยายามบอกว่าเป็นความกรุณาจากกษัตริย์และราชินี โดยผู้ที่ได้รับถุงยังชีพเหล่านั้นถูกบังคับถ่ายภาพร่วมกับถุงพร้อมรูปภาพของวชิราลงกรณ์กับสุทธิดา และต้องพูดว่าพวกเขาดีใจแค่ไหนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ
แต่แน่นอนว่าตอนนี้คนไทยส่วนมากมองออกแล้วว่านั่นเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ เพราะเป็นที่รู้กันว่าถุงยังชีพเหล่านั้นจัดซื้อโดยใช้เงินภาษีประชาชน ไม่ได้จ่ายโดยกษัตริย์อย่างที่เขาหลอกลวง อีกทั้งมีคลิปหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมา แสดงภาพน่าอึดอัดใจที่มาลินี วรรณทอง นักข่าวในพระราชสำนักจากไทยทีวีสีช่องสาม พยายามเตี๊ยมคุณตาคุณยายให้พูดยกย่องกษัตริย์
หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงและด้วยความไม่ได้อยากจะกลับมาประเทศไทยอยู่แล้ว กษัตริย์วชิราลงกรณ์ก็ได้ยกเลิกแผนเดินทางกลับไทยทั้งหมดเพื่อร่วมกิจกรรมวันฉัตรมงคล (5 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา วันวิสาขบูชา (7 พฤษภาคม) และวันพืชมงคล (11 พฤษภาคม)
แม้แต่ในเวลาที่เขาควรจะแสดงภาวะความเป็นผู้นำให้คนไทยที่กำลังประสบวิกฤติโรค Covid-19 ระบาดได้เห็น เขากลับเลือกที่จะหันหลังให้ประชาชนและใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในยุโรปต่อไป
ความพยายามประชาสัมพันธ์ล่าสุดจากทางวังก็ให้ผลตรงกันข้ามเช่นกัน ชุดภาพที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมาเนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานของพวกเขา แสดงภาพทั้งคู่เยี่ยมชมการจัดทำถุงยังชีพโดยกองทหารรักษาพระองค์ และภาพสุทธิดานั่งเย็บหน้ากากอนามัย
การประชาสัมพันธ์นี้พยายามจะสร้างความประทับใจแก่ประชาชนว่ากษัตริย์และราชินีมีความเป็นห่วงเป็นใยและกำลังช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับความลำบากจากโรคระบาด แต่ในความเป็นจริง พวกเขาอยู่ในไทยเพื่อสร้างภาพเหล่านี้เพียงแค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่การปิดเมือง และอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งวันดีในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายน
ภาพเหล่านั้นได้รับการยืนยันว่าถูกถ่ายไว้ในช่วงสองวันดังกล่าวจริง ๆ โดยดูได้จากลิงก์ URLs ของภาพบนเว็บไซต์ www.royaloffice.th มีตัวเลข 06042563 หรือวันที่ถ่ายไว้อยู่ในลิงก์ไฟล์ภาพ ซึ่งภายหลังจากถูกคนจับได้ ทางเว็บไซต์ก็แก้ไขและลบตัวเลขวันที่ออกไป
ชัดเจนว่าภาพโฆษณาชวนเชื่อเหล่านั้นถูกถ่ายไว้ในโอกาสสั้น ๆ ในช่วงค่ำวันที่ 6 เมษายน โดยที่วชิราลงกรณ์และสุทธิดาแทบไม่ได้ทำอะไรที่มีประโยชน์กับสถานการณ์วิกฤติในปัจจุบันเลย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณความพยายามจากทางวังยังไม่จบลงแค่นี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการติดตั้งซุ้มรูปภาพของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ขนาดใหญ่ที่บนถนนราชดำเนินข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในโอกาสวันฉัตรมงคล แต่ซุ้มนั้นก็ถูกรื้อออกไปในวันถัดมาโดยไร้คำอธิบายใด ๆ
บางคนตั้งข้อสังเกตว่าทางวังอาจจะสั่งให้รื้อออกไปเพราะกลัวซุ้มจะถูกทำลายโดยกลุ่มคนไทยที่เบื่อหน่ายกษัตริย์
ล่าสุดในในวันนี้ มีเหตุเพลิงไหม้ซุ้มรูปภาพของวชิราลงกรณ์บนสะพานลอยในจังหวัดมหาสารคาม ทางตำรวจพยายามบอกว่าเป็นเพราะอากาศร้อนหรือเพราะไฟฟ้าลัดวงจร แต่จริง ๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่าคงเป็นการวางเพลิงมากกว่า
ความน่าขบขันคือ คนไทยที่รักสถาบันพยายามพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของรูปภาพกษัตริย์มาตลอด ว่าเป็นรูปภาพที่จะไม่ไหม้ไฟ ถึงแม้ว่าบ้านทั้งหลังที่ติดตั้งรูปนั้นจะถูกเผาจนเป็นตอตะโกก็ตาม ภาพเพลิงไหม้วันนี้ก็ได้พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์นั้นแล้ว
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการประท้วงสถาบันกษัตริย์ที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษอีก โดยกลุ่มนักกิจกรรมชาวเยอรมันและไทยได้เริ่มรณรงค์การขับไล่วชิราลงกรณ์ให้ออกไปให้พ้นแคว้นบาวาเรีย เยอรมนี
เมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาฉายภาพโดยเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ไปบนผนังโรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิล ซึ่งเป็นที่พำนักของวชิราลงกรณ์และที่ตั้งฮาเร็มของเขา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไทยได้ออกมาข่มขู่ผู้ประท้วงถึงสองครั้ง แต่ไม่สามารถขัดขวางหรือสลายการชุมนุมได้
ข้อความจากกลุ่มเดียวกันยังถูกฉายไปที่ศาลากลางของเมืองการ์มิช-พาร์เทนเคอเชน ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศที่วชิราลงกรณ์มาใช้เวลาพักผ่อนอยู่บ่อย ๆ
วันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อพูดคุยกับองค์กรพิกเซลเฮลเปอร์ (PixelHELPER) ในเยอรมนี ผู้รับผิดชอบการรณรงค์ล่าสุดนี้ด้วยการสนับสนุนโดยกลุ่มนักกิจกรรมคนไทย พวกเขาบอกว่า นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการรณรงค์เท่านั้น
ในขั้นตอนต่อไป พวกเขาวางแผนล่ารายชื่อคนในท้องที่เพื่อให้หน่วยงานในท้องที่ยกเลิกการอนุญาตพิเศษที่ออกให้วชิราลงกรณ์พักอาศัยในโรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิล
ตามกฎหมายประเทศเยอรมนี ถ้ามีประชาชนรวมรายชื่อได้ 1,720 คน หรือร้อยละ 8 ของประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งในเมืองการ์มิช-พาร์เทนเคอเชนที่มีอยู่ 21,514 คน หน่วยงานท้องที่จะต้องรับคำร้องและมีอำนาจเรียกประชุมสภาเมืองเพื่อตัดสินใจว่าวชิราลงกรณ์จะได้อยู่ต่อไปหรือไม่
คนในท้องที่หลายคนได้บอกกับสื่อเยอรมันว่า การที่วชิราลงกรณ์มาอยู่ในเขตนี้ทำให้เมืองเสื่อมเสียชื่อเสียง พวกเขาต้องการให้วชิราลงกรณ์ออกไปโดยไว
หากเป็นเช่นนั้น การพักร้อนในประเทศเยอรมนีที่ยาวนานกว่า 13 ปีของวชิราลงกรณ์ ก็อาจจะต้องสิ้นสุดลงในที่สุด
..........................
🍕🇬🇧 ANALYSIS—Things are going from bad to worse for King Vajiralongkorn of Thailand.
A year after his coronation ceremonies, the Thai monarch is more unpopular than ever. Many Thais are appalled that while the kingdom faces the coronavirus crisis, their king is living at a luxury hotel in Germany with 20 concubines.
Foreign media all over the world have been reporting on his lavish spending and large harem, causing international embarrassment for Thailand.
Thai media are unable to say anything due to the country's draconian restrictions on freedom of speech, but social media is ablaze with unprecedented criticism of the king. Last month the hashtag #กษัตริย์มีไว้ทําไม — #WhyDoWeNeedAKing — was retweeted more than a million times in just 24 hours.
Vajiralongkorn's visit to Thailand for Chakri Day on April 6 was a PR disaster for the monarchy. The king and queen flew to Bangkok on a special Thai Airways flight from Zurich, and stayed just 19 hours and 48 minutes in Thailand before departing back to Switzerland.
When they arrived back at Zurich Airport, Swiss police arrested and handcuffed a photographer working for German newspaper BILD who was trying to get pictures of Vajiralongkorn and Suthida from a public area in the airport.
Thais were shocked at the huge expense of flying the king and queen to Bangkok in a Boeing 737 when they were staying for less than 24 hours.
In Germany and around the world, many people were furious that Vajiralongkorn was allowed to break strict laws on travel and quarantine.
The palace tried to repair some of the damage to Vajiralongkorn's reputation by arranging for relief supplies to be distributed to impoverished communities in the name of the king and queen. Recipients were forced to hold up pictures of Vajiralongkorn and Suthida and say how grateful they were for the royal generosity.
But most Thais can see through the propaganda by now, and it is widely known that the relief packages were funded from the state budget, paid for by Thai taxpayers not by the king. Embarrassing footage of Channel 3 palace reporter Malinee Wanthong forcing an elderly couple to praise the king on video went viral.
Shocked by the criticism, and unwilling to come back to Thailand, Vajiralongkorn cancelled plans to come to Bangkok for Coronation Day on May 5, Visakha Bucha Day on May 7 and the Royal Ploughing Ceremony on May 11.
At a time when he was expected to show moral leadership, with many Thais facing financial ruin due to the covid-19 crisis, Vajiralongkorn was far away in Europe.
The palace's next PR effort backfired spectacularly too. Photographs were released on May 1, the first wedding anniversary of Vajiralongkorn and Suthida, showing the royal couple observing King's Guard soldiers preparing bags of relief supplies, and Suthida sewing a face mask.
The photographs were intended to give the impression that Vajiralongkorn and Suthida were in Thailand and actively helping Thais facing destitution due to the pandemic. But in fact, the king and queen have only been in Thailand once since the lockdown, their visit of less than a day on April 6/7.
This was the only time the photographs could have been taken — a fact confirmed by the URLs of the images on the www.royaloffice.th website, which all included the digits 06042563 until they were hastily edited.
So it was clear the propaganda pictures had been taken during a very brief photo op on the evening of April 6, and Vajiralongkorn and Suthida had done little or no work to help the poor cope with the coronavirus crisis.
More signs of chaos and incompetence in the palace emerged this week. On Monday, hideous giant photographs of the king were erected on Rachadamnoen Avenue ahead of Coronation Day. On Tuesday, they were removed without explanation.
Some have suggested they may have been removed because the palace feared they could be vandalised by Thais sick of the king.
Today, a large photograph of Vajiralongkorn on an overpass in Mahasarakam was destroyed by fire. Police blamed hot weather or an electrical fault, but arson seems a more likely explanation.
Royalist Thais have long claimed that pictures of the king miraculously remain undamaged even in houses destroyed by fire. Today's blaze showed how ridiculous that myth is.
Now, in the most unprecedented protest against the Thai monarchy in nearly a century, German and Thai democracy activists have launched a campaign to get Vajiralongkorn thrown out of Bavaria.
Last night they projected protest messages onto the Grand Hotel Sonnenbichl, where Vajiralongkorn is staying with his harem. Thai security guards drove out of the hotel twice in large black vehicles to intimidate the activists, but did not intervene to shut down the protest.
Messages were also projected onto the town hall in Garmisch-Partenkirchen, the Alpine resort where the king spends most of his time.
Today I spoke to German organisation PixelHELPER which staged the protest with support from Thai activists. They say the protest is just the first step in their campaign.
Next, they plan to ask locals to sign a petition urging the local authorities to revoke the special permission for Vajiralongkorn to stay at Grand Hotel Sonnenbichl.
According to German law, if 1,720 people — eight percent of Garmish-Partenkirchen's 21,514 eligible voters — sign the petition, the local authorities will be obliged to call a town meeting to decide if Vajiralongkorn should be allowed to stay.
Many locals have told German media that the king's presence is damaging the reputation of the town, and they want him out.
Vajiralongkorn's 13-year holiday in Germany may finally be coming to an end.
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar