🍕🇹🇭
ราชวงศ์ไทยกำลังโกหกประชาชนไทยว่าพวกเขาทุ่มเทตัวเองอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือคนไทย
ทั้งที่ความเป็นจริงพวกเขากำลังใช้เงินภาษีจากประชาชนและเสวยสุขโดยไม่ได้ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนเลยแม้แต่น้อย
(Scroll down for 🇬🇧)
โฆษณาชวนเชื่อล่าสุดจากวังคือการปล่อยภาพเนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานระหว่างกษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดา ในชุดภาพจำนวน 21 ภาพนำเสนอทั้งคู่ในอิริยาบถต่าง ๆ เช่น การเยี่ยมชมกองทหารรักษาพระองค์จัดเตรียมถุงยังชีพ รวมถึงภาพราชินีสุทธิดานั่งเย็บหน้ากากอนามัย
ทางวังนำเสนอว่ากษัตริย์และราชินีมีความห่วงใยอย่างมากต่อประชาชนในสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 และยังอ้างว่าราชินียังเย็บหน้ากากอนามัยด้วยตนเองเพื่อแจกจ่ายให้กับคนยากจนอีกด้วย
แต่เมื่อวิเคราะห์จากภาพแล้ว จะพบว่าแท้ที่จริงกษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดาไม่เคยทำงานใด ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดาได้กลับมาเยี่ยมประเทศไทยแค่ครั้งเดียวคือเมื่อวานที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา แค่เนื่องในโอกาสวันจักรี โดยพวกเขาอยู่ในประเทศไทยไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ ดังนั้นคาดว่าภาพที่ปล่อยออกมาชุดนี้ได้ถ่ายไว้ในวันนั้น ซึ่งยืนยันได้โดยชื่อไฟล์ภาพบนเว็บไซต์ของวังที่ปล่อยภาพออกมามีวันที่ถ่ายภาพระบุอยู่ว่า 06042563
ตารางกำหนดการที่หลุดมาถึงผู้สื่อข่าวก่อนที่วชิราลงกรณ์กับสุทธิดาจะเดินทางมาถึงประเทศไทยระบุกำหนดการเข้าร่วมพิธีบวงสรวงต่าง ๆ และทำกิจกรรมตลอดวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา
ทั้งคู่เดินทางกลับไทยจากเมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินพิเศษ TG971 ซึ่งมีกำหนดเริ่มบินตั้งแต่เวลาบ่ายโมงครึ่งของวันที่ 5 เมษายน แต่ก็พบว่าเที่ยวบินนั้นออกเดินทางล่าช้าไป 82 นาที ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ที่จะไปร่วมกิจกรรมล่าช้ากว่าเวลากำหนดการเสมอไม่ว่าในพิธีใด ๆ และในหลายครั้งก็ทำให้พนักงานและประชาชนต้องรอเป็นเวลาหลายชั่วโมง
เที่ยวบินดังกล่าวนอกจากจะออกเดินทางช้าแล้ว ยังมาถึงประเทศไทยช้ายิ่งกว่า จากกำหนดเวลาเดิมเครื่องบินควรจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาตีห้าครึ่ง แต่กลับมาถึงตอน 7:54 ซึ่งล่าช้าไปกว่าเวลาเดิมถึง 2 ชั่วโมง 24 นาที
ความล่าช้าที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเมื่อเข้าน่านฟ้าประเทศไทย เครื่องบินได้ทำการบินอ้อมขึ้นไปทางภาคเหนือของประเทศ แหล่งข่าวจากในวังบอกว่านี่เป็นเรื่องปกติเวลาวชิราลงกรณ์บินกลับจากยุโรป เพราะนักบินถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงจอดจนกว่าวชิราลงกรณ์จะตื่น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องบินวนผลาญน้ำมันเล่นเพื่อรอเวลา
เมื่อเวลา 10:24 ในวันดังกล่าว วชิราลงกรณ์ให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้าเฝ้าเพื่อรายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ทางวังยังอ้างว่าวชิราลงกรณ์ได้บริจาคอุปกรณ์การแพทย์จำนวนหนึ่งด้วย แต่นั่นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อยเพราะอุปกรณ์เหล่านั้นถูกซื้อมาโดยใช้เงินภาษีประชาชน วชิราลงกรณ์ไม่ได้ออกเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว
เมื่อเวลา 17:31 กษัตริย์วชิราลงกรณ์และราชินีสุทธิดาเข้าพิธีที่พระราชวังอัมพรสถานเพื่อสักการะอดีตกษัตริย์ภูมิพล และบวงสรวงรูปปั้นกษัตริย์ภูมิพลที่นำมาตั้งร่วมกับรูปปั้นกษัตริย์ในอดีตที่ปราสาทเทพบิดรในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นเมื่อเวลา 18.45 พวกเขาไปยังสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ เพื่อสักการะรูปปั้นรัชกาลที่ 1 ผู้ก่อตั้งราชวงศ์จักรี
หลังจากนั้น พวกเขาเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินพิเศษ TG970 ในเช้ามืดวันที่ 7 เมษายน และเหมือนเดิม พวกเขาสายเสมอ จากกำหนดการเดิมเวลา 1:05 เครื่องบินได้บินออกจากสุวรรณภูมิเวลา 3:42 ล่าช้าไป ไปถึง 2 ชั่วโมง 37 นาที สรุปแล้ว พวกเขาใช้เวลาในประเทศไทยไปทั้งหมด 19 ชั่วโมง 48 นาที
ภาพของกษัตริย์และราชินีที่ปล่อยออกมาโดยทางวังวันนี้ถ่ายไว้หลังจากฟ้ามืด ดังนั้นผู้สื่อข่าวคาดว่าจะถ่ายไว้ในช่วงหลังจากกลับจากสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ แต่ก่อนเดินทางไปยังสุวรรณภูมิเพื่อบินกลับยุโรป
นั่นหมายความว่า ช่วงที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดาได้เยี่ยมชมการจัดถุงยังชีพและเย็บหน้ากากที่มีการปล่อยภาพโฆษณาชวนเชื่อออกมา อาจจะเป็นแค่ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือแม้แต่ไม่ถึงชั่วโมงในค่ำวันนั้นด้วยซ้ำ
นอกเหนือจากช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในประเทศในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายนที่ผ่านมาแล้ว พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในโรงแรมหรูในยุโรปตลอดช่วงโรค Covid-19 ระบาด
ตัววชิราลงกรณ์พักอยู่ที่โรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิลในเขตการ์มิชเคอเช่น แคว้นบาวาเรีย เยอรมนี ร่วมกับสตรีในฮาเร็มของเขา 20 คน ซึ่งทุกคนได้รับการอวยยศทหาร รวมถึงใช้นามสกุลพระราชทาน “สิริวชิรภักดิ์”
ในส่วนของสุทธิดา พักอยู่ที่โรงแรมวัลเดกก์ในเมืองเอนเกลเบิร์ก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในระหว่างพักอาศัยอย่างหรูหราในยุโรป วชิราลงกรณ์ใช้เวลาส่วนมากไปกับการเล่นสกีและปั่นจักรยาน หรือไม่ก็อยู่กับฮาเร็มของเขาที่ห้องสวีทขนาดใหญ่บนชั้นสี่ของโรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิล เขาตั้งชื่อห้องสวีทนั้นไว้ว่า “ห้องสุขสำราญ – The Pleasure Room”
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงของกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ของประเทศไทย เรื่องจริงที่แสดงว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับชีวิตของประชาชนในประเทศ เขาแค่เจียดเวลาไม่กี่ชั่วโมงในไทยแสร้งทำเป็นสนใจปัญหาโรคระบาด Covid-19 ขณะที่เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาใช้ไปกับการหาความสุขสำราญอยู่ในยุโรปฟรี ๆ โดยภาษีประชาชน ขณะที่ประชาชนไทยทั่วไปกำลังทุกข์ทรมานและอดอยากในวิกฤติโรคระบาด ทั้งโดยทางตรงและจากพิษเศรษฐกิจ
เป็นเรื่องจริงที่โฆษณาชวนเชื่อของราชวงศ์ไม่เคยพูด
🍕🇬🇧 Thailand's monarchy routinely lies to the people to pretend the royals are working very hard to help Thais when actually they just spend taxpayers' money and live in luxury and don't care about ordinary people at all.
The latest palace propaganda, released on the first wedding anniversary of King Vajiralongkorn and Queen Suthida, is a set of 21 photographs showing the royal couple observing King's Guard soldiers preparing bags of relief supplies to give to the poor. Suthida is also pictured sewing one face mask.
The palace says the king and queen care deeply for the welfare of Thais during the covid-19 crisis, and claims that Suthida sewed several masks to be given to the poor.
But analysis of the photographs shows Vajiiralongkorn and Suthida did not do any real work to help ordinary people.
The only time Vajiralongkorn and Suthida have visited Thailand in recent months was April 6, when they came for less than 24 hours for Chakri Day, so the photographs must have been taken that day. This is confirmed by the fact that the file names of all the latest propaganda pictures on the palace website include the numbers 06042563.
The schedule for the April 6 visit was leaked to me before the king and queen arrived in Thailand, and shows the royal couple had several royal ceremonies and engagements on April 6.
They flew from Zurich on a special Thai Airways flight, TG971, which was supposed to depart at 1330 on April 5, but finally took off 82 minutes late at 1452. Vajiralongkorn is notorious for turning up late for flights and royal ceremonies and engagements, sometimes keeping others waiting for several hours.
The flight was even more delayed by the time it arrived in Thailand. It landed at 0754, two hours and 24 minutes later than the scheduled time of 0530.
The additional delay was due to the plane taking a long detour over northern Thailand. Palace sources say this is common when the king flies to Bangkok from Europe — the pilots are forbidden from landing the plane while the king is sleeping, so they have to fly a circuitous route until he wakes up.
At 1024 the king had an audience with Prime Minister Prayut Chan-ocha to hear an update on the covid-19 situation. The palace says he also donated some medical equipment, but this is not true as the equipment was paid for with funds from the state budget and Vajiralongkorn did not pay anything.
At 1731 Vajiralongkorn and Suthida attended a ceremony at Ampornstan Palace to pay respects to King Bhumibol, and consecrate a life size statue of Rama IX which will be added to the statues of past kings in the Prasat Phra Thep Bidon building in the Grand Palace.
At 1845 they went to Rama I bridge to pay respects to the statue of Rama I, founder of the Chakri dynasty.
They left Thailand in the early hours of April 7 on another special Thai Airways flight, TG970. Once again, they were late. The plane departed from Suvarnabhumi Airport at 0342, two hours and 37 minutes later than the scheduled time of 0105.
They had spent 19 hours and 48 minutes in Thailand.
The pictures of Vajiralongkorn and Suthida released by the palace today were taken after sundown, so must have been taken in the few hours between the end of the ceremony at Rama I bridge and heading to Suvarnabhumi to fly home.
This means Vajiralongkorn and Suthida can only have spent — at most — two or three hours observing the relief supplies being assembled. The event probably lasted less than an hour.
Aside from the short time they spent in Thailand on April 6/7, Vajiralongkorn and Suthida have been in Europe at luxury hotels throughout the covid-19 crisis.
Vajiralongkorn lives at the Grand Hotel Sonnenbichl in the Bavarian resort of Garmisch-Partenkirchen with a harem of 20 women, who have all been given military ranks and a special surname — Sirivajirabhakdi.
Suthida lives at the Hotel Waldegg in the Swiss town of Engelberg.
Vajiralongkorn spends most of his time skiing and cycling, or with his harem in a large suite on the fourth floor of the Grand Hotel Sonnenbichl he calls “ห้องสุขสำราญ” — “the pleasure room”.
This is the real story of King Rama X. He does not care about Thailand's people. He only spent a few hours pretending to deal with the covid-19 crisis in Thailand. Vajiralongkorn and Suthida are spending huge amounts of taxpayer money to live in luxury in Europe while ordinary Thais suffer and many face financial ruin and starvation.
This is the truth behind the propaganda.
(Scroll down for 🇬🇧)
โฆษณาชวนเชื่อล่าสุดจากวังคือการปล่อยภาพเนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานระหว่างกษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดา ในชุดภาพจำนวน 21 ภาพนำเสนอทั้งคู่ในอิริยาบถต่าง ๆ เช่น การเยี่ยมชมกองทหารรักษาพระองค์จัดเตรียมถุงยังชีพ รวมถึงภาพราชินีสุทธิดานั่งเย็บหน้ากากอนามัย
ทางวังนำเสนอว่ากษัตริย์และราชินีมีความห่วงใยอย่างมากต่อประชาชนในสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 และยังอ้างว่าราชินียังเย็บหน้ากากอนามัยด้วยตนเองเพื่อแจกจ่ายให้กับคนยากจนอีกด้วย
แต่เมื่อวิเคราะห์จากภาพแล้ว จะพบว่าแท้ที่จริงกษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดาไม่เคยทำงานใด ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปอย่างแท้จริง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดาได้กลับมาเยี่ยมประเทศไทยแค่ครั้งเดียวคือเมื่อวานที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา แค่เนื่องในโอกาสวันจักรี โดยพวกเขาอยู่ในประเทศไทยไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ ดังนั้นคาดว่าภาพที่ปล่อยออกมาชุดนี้ได้ถ่ายไว้ในวันนั้น ซึ่งยืนยันได้โดยชื่อไฟล์ภาพบนเว็บไซต์ของวังที่ปล่อยภาพออกมามีวันที่ถ่ายภาพระบุอยู่ว่า 06042563
ตารางกำหนดการที่หลุดมาถึงผู้สื่อข่าวก่อนที่วชิราลงกรณ์กับสุทธิดาจะเดินทางมาถึงประเทศไทยระบุกำหนดการเข้าร่วมพิธีบวงสรวงต่าง ๆ และทำกิจกรรมตลอดวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา
ทั้งคู่เดินทางกลับไทยจากเมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินพิเศษ TG971 ซึ่งมีกำหนดเริ่มบินตั้งแต่เวลาบ่ายโมงครึ่งของวันที่ 5 เมษายน แต่ก็พบว่าเที่ยวบินนั้นออกเดินทางล่าช้าไป 82 นาที ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ที่จะไปร่วมกิจกรรมล่าช้ากว่าเวลากำหนดการเสมอไม่ว่าในพิธีใด ๆ และในหลายครั้งก็ทำให้พนักงานและประชาชนต้องรอเป็นเวลาหลายชั่วโมง
เที่ยวบินดังกล่าวนอกจากจะออกเดินทางช้าแล้ว ยังมาถึงประเทศไทยช้ายิ่งกว่า จากกำหนดเวลาเดิมเครื่องบินควรจะถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาตีห้าครึ่ง แต่กลับมาถึงตอน 7:54 ซึ่งล่าช้าไปกว่าเวลาเดิมถึง 2 ชั่วโมง 24 นาที
ความล่าช้าที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเมื่อเข้าน่านฟ้าประเทศไทย เครื่องบินได้ทำการบินอ้อมขึ้นไปทางภาคเหนือของประเทศ แหล่งข่าวจากในวังบอกว่านี่เป็นเรื่องปกติเวลาวชิราลงกรณ์บินกลับจากยุโรป เพราะนักบินถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงจอดจนกว่าวชิราลงกรณ์จะตื่น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องบินวนผลาญน้ำมันเล่นเพื่อรอเวลา
เมื่อเวลา 10:24 ในวันดังกล่าว วชิราลงกรณ์ให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชาเข้าเฝ้าเพื่อรายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ทางวังยังอ้างว่าวชิราลงกรณ์ได้บริจาคอุปกรณ์การแพทย์จำนวนหนึ่งด้วย แต่นั่นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อยเพราะอุปกรณ์เหล่านั้นถูกซื้อมาโดยใช้เงินภาษีประชาชน วชิราลงกรณ์ไม่ได้ออกเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว
เมื่อเวลา 17:31 กษัตริย์วชิราลงกรณ์และราชินีสุทธิดาเข้าพิธีที่พระราชวังอัมพรสถานเพื่อสักการะอดีตกษัตริย์ภูมิพล และบวงสรวงรูปปั้นกษัตริย์ภูมิพลที่นำมาตั้งร่วมกับรูปปั้นกษัตริย์ในอดีตที่ปราสาทเทพบิดรในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นเมื่อเวลา 18.45 พวกเขาไปยังสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ เพื่อสักการะรูปปั้นรัชกาลที่ 1 ผู้ก่อตั้งราชวงศ์จักรี
หลังจากนั้น พวกเขาเดินทางออกจากประเทศไทยด้วยสายการบินไทยเที่ยวบินพิเศษ TG970 ในเช้ามืดวันที่ 7 เมษายน และเหมือนเดิม พวกเขาสายเสมอ จากกำหนดการเดิมเวลา 1:05 เครื่องบินได้บินออกจากสุวรรณภูมิเวลา 3:42 ล่าช้าไป ไปถึง 2 ชั่วโมง 37 นาที สรุปแล้ว พวกเขาใช้เวลาในประเทศไทยไปทั้งหมด 19 ชั่วโมง 48 นาที
ภาพของกษัตริย์และราชินีที่ปล่อยออกมาโดยทางวังวันนี้ถ่ายไว้หลังจากฟ้ามืด ดังนั้นผู้สื่อข่าวคาดว่าจะถ่ายไว้ในช่วงหลังจากกลับจากสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ แต่ก่อนเดินทางไปยังสุวรรณภูมิเพื่อบินกลับยุโรป
นั่นหมายความว่า ช่วงที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์กับราชินีสุทธิดาได้เยี่ยมชมการจัดถุงยังชีพและเย็บหน้ากากที่มีการปล่อยภาพโฆษณาชวนเชื่อออกมา อาจจะเป็นแค่ในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือแม้แต่ไม่ถึงชั่วโมงในค่ำวันนั้นด้วยซ้ำ
นอกเหนือจากช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในประเทศในช่วงวันที่ 6 – 7 เมษายนที่ผ่านมาแล้ว พวกเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในโรงแรมหรูในยุโรปตลอดช่วงโรค Covid-19 ระบาด
ตัววชิราลงกรณ์พักอยู่ที่โรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิลในเขตการ์มิชเคอเช่น แคว้นบาวาเรีย เยอรมนี ร่วมกับสตรีในฮาเร็มของเขา 20 คน ซึ่งทุกคนได้รับการอวยยศทหาร รวมถึงใช้นามสกุลพระราชทาน “สิริวชิรภักดิ์”
ในส่วนของสุทธิดา พักอยู่ที่โรงแรมวัลเดกก์ในเมืองเอนเกลเบิร์ก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ในระหว่างพักอาศัยอย่างหรูหราในยุโรป วชิราลงกรณ์ใช้เวลาส่วนมากไปกับการเล่นสกีและปั่นจักรยาน หรือไม่ก็อยู่กับฮาเร็มของเขาที่ห้องสวีทขนาดใหญ่บนชั้นสี่ของโรงแรมแกรนด์โฮเทลโซเนนไบเคิล เขาตั้งชื่อห้องสวีทนั้นไว้ว่า “ห้องสุขสำราญ – The Pleasure Room”
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงของกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ของประเทศไทย เรื่องจริงที่แสดงว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับชีวิตของประชาชนในประเทศ เขาแค่เจียดเวลาไม่กี่ชั่วโมงในไทยแสร้งทำเป็นสนใจปัญหาโรคระบาด Covid-19 ขณะที่เวลาส่วนใหญ่ของพวกเขาใช้ไปกับการหาความสุขสำราญอยู่ในยุโรปฟรี ๆ โดยภาษีประชาชน ขณะที่ประชาชนไทยทั่วไปกำลังทุกข์ทรมานและอดอยากในวิกฤติโรคระบาด ทั้งโดยทางตรงและจากพิษเศรษฐกิจ
เป็นเรื่องจริงที่โฆษณาชวนเชื่อของราชวงศ์ไม่เคยพูด
🍕🇬🇧 Thailand's monarchy routinely lies to the people to pretend the royals are working very hard to help Thais when actually they just spend taxpayers' money and live in luxury and don't care about ordinary people at all.
The latest palace propaganda, released on the first wedding anniversary of King Vajiralongkorn and Queen Suthida, is a set of 21 photographs showing the royal couple observing King's Guard soldiers preparing bags of relief supplies to give to the poor. Suthida is also pictured sewing one face mask.
The palace says the king and queen care deeply for the welfare of Thais during the covid-19 crisis, and claims that Suthida sewed several masks to be given to the poor.
But analysis of the photographs shows Vajiiralongkorn and Suthida did not do any real work to help ordinary people.
The only time Vajiralongkorn and Suthida have visited Thailand in recent months was April 6, when they came for less than 24 hours for Chakri Day, so the photographs must have been taken that day. This is confirmed by the fact that the file names of all the latest propaganda pictures on the palace website include the numbers 06042563.
The schedule for the April 6 visit was leaked to me before the king and queen arrived in Thailand, and shows the royal couple had several royal ceremonies and engagements on April 6.
They flew from Zurich on a special Thai Airways flight, TG971, which was supposed to depart at 1330 on April 5, but finally took off 82 minutes late at 1452. Vajiralongkorn is notorious for turning up late for flights and royal ceremonies and engagements, sometimes keeping others waiting for several hours.
The flight was even more delayed by the time it arrived in Thailand. It landed at 0754, two hours and 24 minutes later than the scheduled time of 0530.
The additional delay was due to the plane taking a long detour over northern Thailand. Palace sources say this is common when the king flies to Bangkok from Europe — the pilots are forbidden from landing the plane while the king is sleeping, so they have to fly a circuitous route until he wakes up.
At 1024 the king had an audience with Prime Minister Prayut Chan-ocha to hear an update on the covid-19 situation. The palace says he also donated some medical equipment, but this is not true as the equipment was paid for with funds from the state budget and Vajiralongkorn did not pay anything.
At 1731 Vajiralongkorn and Suthida attended a ceremony at Ampornstan Palace to pay respects to King Bhumibol, and consecrate a life size statue of Rama IX which will be added to the statues of past kings in the Prasat Phra Thep Bidon building in the Grand Palace.
At 1845 they went to Rama I bridge to pay respects to the statue of Rama I, founder of the Chakri dynasty.
They left Thailand in the early hours of April 7 on another special Thai Airways flight, TG970. Once again, they were late. The plane departed from Suvarnabhumi Airport at 0342, two hours and 37 minutes later than the scheduled time of 0105.
They had spent 19 hours and 48 minutes in Thailand.
The pictures of Vajiralongkorn and Suthida released by the palace today were taken after sundown, so must have been taken in the few hours between the end of the ceremony at Rama I bridge and heading to Suvarnabhumi to fly home.
This means Vajiralongkorn and Suthida can only have spent — at most — two or three hours observing the relief supplies being assembled. The event probably lasted less than an hour.
Aside from the short time they spent in Thailand on April 6/7, Vajiralongkorn and Suthida have been in Europe at luxury hotels throughout the covid-19 crisis.
Vajiralongkorn lives at the Grand Hotel Sonnenbichl in the Bavarian resort of Garmisch-Partenkirchen with a harem of 20 women, who have all been given military ranks and a special surname — Sirivajirabhakdi.
Suthida lives at the Hotel Waldegg in the Swiss town of Engelberg.
Vajiralongkorn spends most of his time skiing and cycling, or with his harem in a large suite on the fourth floor of the Grand Hotel Sonnenbichl he calls “ห้องสุขสำราญ” — “the pleasure room”.
This is the real story of King Rama X. He does not care about Thailand's people. He only spent a few hours pretending to deal with the covid-19 crisis in Thailand. Vajiralongkorn and Suthida are spending huge amounts of taxpayer money to live in luxury in Europe while ordinary Thais suffer and many face financial ruin and starvation.
This is the truth behind the propaganda.
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar