söndag 3 maj 2020

สำนักข่าวสาธารณะนานาชาติของเยอรมัน DW Deutsche Welle ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับกษัตริย์วชิราลงกรณ์

🍕🇹🇭 สำนักข่าวสาธารณะนานาชาติของเยอรมัน DW Deutsche Welle ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับกษัตริย์วชิราลงกรณ์
โดยได้รับข้อมูลจากผม
...............
พระราชาของประเทศไทยใช้ชีวิต ไปกักตัวอยู่อย่างหรูหราฟ่าฟู่ ในขณะที่ราษฎรของเขาตกระกำลำบาก
พระราชาแห่งประเทศไทย กำลังใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานสำราญสุขในโรงแรมหรูที่ประเทศเยอรมนี ในขณะที่อาณาประชาราษฎร์กำลังเดือดร้อนทุกข์ยากอยู่ที่บ้านเกิดของตน ทว่า การวิพากย์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์เป็นเรื่องนอกกฎหมาย แม้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว การประพฤติตัวของพระราชาจะเป็นที่น่าอัปยศอดสูเพียงใดก็ตามที
ชีวิตในเมืองไทยได้หยุดสนิท ด้วยสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคร้ายจากไวรัสโคโรนา ถนนหนทางที่เคยแออัดไปด้วยผู้คนในกรุงเทพฯมาถูกทิ้งร้าง สนามบินสุวรรณภูมิที่เคยเป็นศูนย์กลางจอแจของการท่องเที่ยว ก็มีคนใช้เข้าออกแค่เศษเสี้ยวของที่เคยมีมาก่อน อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เคยนำรายได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของ มูลค่าผลิตภัณฑ์รวมของประเทศ ก็ต้องมาหยุดสนิทปิดตาย รายได้ส่วนนี้กลายมาหายหดหมดสิ้นไป
ในช่วงภาวะวิกฤต ประชากรตั้งความหวังไว้ว่า ผู้นำประเทศจะมาร่วมมือร่วมใจต่อสู้ไปด้วยกัน แต่ราชาแห่งประเทศไทย มหาวชิราลงกรณ์ หายหน้าหายตาไปจากอาณาจักรของตัวเอง แทบจะไม่ได้เห็นกัน มาตั้งแต่ตอนเริ่มปรากฏวิกฤตครั้งนี้ เพราะเขาหลบไปกักตัวในโรงแรมสุดหรูอยู่ที่ตีนเขาแอลป์ในแคว้นบาวาเรีย
วชิราลงกรณ์ได้ใบอนุญาตพิเศษให้เขามาพำนักสำราญใจ ที่โรงแรม ซอนเน็นบิคล์ ในเมือง การ์มิช-พาร์เท็งเคอเช่น จากข้อมูลของฝ่ายปกครองท้องถิ่น ไม่มีโรงแรมไหนได้เปิดบริการลูกค้าในแถบนั้น หากพระราชาและบริวารได้รับอนุญาตพิเศษ เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดี่ยว ไม่มีการเข้าๆออกๆ เช่นแขกทั่วไป
— โรงแรมของราชา —
พระราชาไม่ได้มากักตัวอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง เขาพาบริวารกว่า 100 คน รวมทั้งมีฮาเร็มพร้อมด้วยสาวๆอย่างน้อย 20 นางมาเคียงข้างด้วย ช่วงปลายเดือนมีนาคม สื่อในเยอรมันเผยว่า ราชาบินขึ้นๆลงๆไปโน่นไปนี่ทั่วเยอรมนี ในเครื่องบินโบอิ้งส่วนตัว 737 ไปที่เมือง ฮาโนเว่อร์ ลิปซิก และ เดรสเดน รายงานปรากฏว่า วชิราลงกรณ์ บินลงไปแตะพื้นเฉยๆ ไม่ได้ลงจากเครื่องบินเลย แล้วก็บินออกไปอีก
ราชาเป็นที่รู้กันดีในความประพฤติวิปริต เขาสืบสมบัติจากพ่อขึ้นนั่งบัลลังก์ ในเดือนตุลาคม พศ 2561 และเข้าพิธีสถาปนาราชาพิเศกอันอลังการพันลึก เมื่องเดือนพฤษภาคม พศ 2562 แทนที่จะสืบทอดตามรอยเท้าผู้เป็นพ่อซึ่งได้รับความเคารพบูชาโดยประชาราษฎร์ไทยส่วนใหญ่ วชิราลงกรณ์ กลับทำตัวเป็นที่ครหาอยู่เนืองๆ
“การประพฤติตนของราชาในช่วงวิกฤตไวรัสโคโรนา สร้างความวิบัติต่อภาพลักษณ์ของสถาบันกษัตริย์ไทย” ผู้สื่อข่าวและนักกิจกรรม แอนดรู แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชล ได้กล่าว และยังเสริมอีกว่า ตัวกษัตริย์เป็นผู้ที่ “วางอำนาจ มีปัญหาพัฒนาทางจิต ซาดิสต์อย่างโหด ไม่สมยุคสมสมัยของโลกที่เจริญแล้วในศตวรรษที่ 21”
— การวิพากย์วิจารณ์อันเป็นภัย —
มาร์แชล ผู้เขียนหนังสือสำคัญ “อาณาจักรในความวิกฤต” จะพูดถึงกษัตริย์วชิราลงกรณ์อย่างไรก็ได้ หากว่า ในประเทศไทยเองแล้ว การวิพากย์วิจารณ์เช่นนี้ จะได้รับการลงทัณฑ์สถานหนัก ภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอันเคร่งครัด ที่ถือการพูดถึงกษัตริย์และราชวงศ์ไปในทางที่ไม่ได้สรรเสริญเยินยอ ว่าเป็นการผิดกฎหมาย
ใครก็ตามที่ละเมิดกฎหมายนี้ จะโดนขังคุกถึง 15 ปี เคยปรากฏหลายต่อหลายครั้งที่คนไทยถูกโยนเข้าซังเตนับหลายๆปี เพียงเพราะโพสต์ข้อความบนเฟซบุค แต่อย่างไรก็ดี โซเชียลมีเดีย เป็นที่แห่งเดียวที่จะวัดให้เข้าใจได้ถึงความรู้สึกของคนไทยต่อสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะคนรุ่นหนุ่มสาว
แม้จะเป็นการเสี่ยงต่อความปลอดภัย ทวีตจากนักประวัติศาสตร์ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ปรากฏขึ้นบนโซเชียลมีเดียเมื่อปลายเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา แสดงถึงเส้นทางการบินของราชาในเยอรมัน แล้วเขาได้ถามคนไทยว่า “กษัตริย์มีไว้ทำไม?” ซึ่งได้รับการถ่ายทอดแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ขึ้นเทรนด์ยอดฮิตติดมาหลายสัปดาห์
และยังมีมีมฮิตติดอันดับวนไปอยู่นาน ตัวอย่างที่จิกเจ็บมากหน่อย มาจากซีรี่ย์ยอดฮิตของ HBO คือ เกมส์ออฟโทรน (เกมศึกชิงบัลลังก์) “เราไม่ไปสยบรับใช้กษัตริย์เหี้ยๆ เพียงเพราะพ่อของเขาเป็นกษัตริย์มาก่อน”
ผู้ใช้โซเชียลบางคนพุ่งเป้าการวิจารณ์ที่ส่วนใหญ่มีต่อกษัตริย์คนปัจจุบัน ไปยังสถาบันกษัตริย์โดยรวมทั้งสถาบัน ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้เฟซบุคคนหนึ่ง เขียนว่า “ผมรู้สึกเป็นสุขมากที่ได้เห็นคำถามว่า กษัตริย์มีไว้ทำไม บนทวิตเต้อร์ แต่ผมอยากให้เราก้าวไปไกลกว่าที่จะมาเหยียดหยามเขาบนทวิตเต้อร์ ผมอยากให้คนได้อ่าน หรือไปฟังเล็คเช่อร์ ให้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มันตกผลึกออกมาอย่างเป็นระบบ ว่าทำไมมันถึงดำรงอยู่ ทำไมมันถึงเป็นที่ถือว่ามีความสำคัญมาก และทำไม ในขณะนี้ มันถึงดูเหมือนว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เราจะต้องมีสถาบันกษัตริย์
บางคนก็ไปไกลยิ่งกว่านั้น ด้วยการให้นัยยะว่า เราควรล้มเลิกสถาบันกษัตริย์ “จริงๆแล้ว ผมอยากให้มีประธานาธิบดี”
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเมืองไทย ให้ความเห็นต่อสำนักข่าว DW อย่างไม่ต้องการเปิดเผยตัวออกหน้าเนื่องด้วยความปลอดภัยส่วนตัว ว่า การวิพากย์วิจารณ์กษัตริย์และราชวงศ์ ส่วนใหญ่แล้วมาจากคนวัยหนุ่มสาว สำหรับคนไทยที่อายุ 30 ปีขึ้นไปแล้ว ก็ยังสนับสนุนการมีสถาบันกษัตริย์อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ยอมรับคนปัจจุบันอย่างไม่เปิดเผย
— ฝ่ายทหารและสถาบันกษัตริย์ —
พวกเจ้าในราชวงศ์ไทยยังคงสงบปากสงบคำเกี่ยวกับเรื่องครหานี้ แต่ในวันที่ 22 มีนาคม พุฒิพงศ์ ปุณกัณฑ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ทวีตเตือนมาว่า การโพสต์ข้อความออนไลน์ที่เป็นภัยตอความมั่นคงของชาติ จะเป็นการนำอันตรายมาสู่ตัว ภาพประกอบนี้สื่อความหมายให้อย่างไม่มีการคลุมเครือ
รัฐบาลที่ทหารหนุน ซึ่งรวบอำนาจหลังจากการรัฐประหารเมื่อปี พศ 2557 มีไว้เพื่อปกป้องกษัตริย์ ทหารกับกษัตริย์โอบอุ้มประคับประคองซึ่งกันและกัน
กษัตริย์ที่ไม่มีใครรักจำต้องอาศัยกำลังทหารและรัฐบาลมาค้ำจุนอำนาจของเขา ฝ่ายทหารก็ต้องพึ่งกษัตริย์ เพราะมันง่ายกว่าที่จะยอมรับตัวกษัตริย์ที่มีอำนาจปกครองตลอดชีวิต ดีกว่าที่จะต้องคอยปรับตัวให้เข้ากับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เปลี่ยนมือกันปกครองอยู่ร่ำไปในระบอบประชาธิปไตย
— อำนาจที่ไม่มีวันตกของราชา —
มาร์แชล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทยเชื่อว่า ความไม่พอใจในตัวกษัตริย์ที่เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยมา จะนำไปสู่ขั้นตอนลุกล้ำต่อต้านสถาบันกษัตริย์หนักหน่วงมากขึ้น เพราะฝ่ายทหารสนับสนุนกษัตริย์
มาร์แชลกล่าวว่า วชิราลงกรณ์ ได้รับความสำเร็จในการผลักดันราชอาณาจักรให้ย้อนยุคกลับไปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช นับแต่ขึ้นครองราชย์เป็นต้นมา แม้ว่า โดยทางการแล้ว สถาบันกษัตริย์ ยังต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ด้วยจุดมุ่งหมายดังกล่าว ตัวกษัตริย์ได้นำหน่วยทหารและตำรวจชั้นอีลีต ให้มาขึ้นอยู่ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา แล้วเขายังรวบทรัพย์สินทั้งหมดของราชวงศ์ ซึ่งเคยถูกจัดการโดย สำนักทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีมูลค่าราว 30 – 60 พันล้านเหรียญสหรัฐ (27.6 ถึง 55.2 พันล้านยูโร)
มาร์แชลยังกล่าวอีกว่า “มันชัดเจนแล้วว่า ตัวกษัตริย์ไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนไทยส่วนใหญ่ แต่มันยากมากที่จะท้าทายอำนาจของเขา เพราะเขามีอำนาจควบคุมกำลังทหาร การลุกขึ้นสู้ของประชาชนต่อต้านสถาบันกษัตริย์ คงจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่าเลือดนองถนนในกรุงเทพ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศไทยเชื่อกันว่า แม้ชาวไทยวัยหนุ่มสาวจะกล้าวิจารณ์กษัตริย์ แต่ประชากรกลุ่มนี้ ยังมิใช่คนส่วนใหญ่ของประเทศ การวิพากย์วิจารณ์สถาบันฯ คงจะนำไปสู่นโยบายถาวรและตัดทอนกำลังของสถาบันฯได้ ก็ต่อเมื่อคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่คนรุ่นเก่าไปแล้วเท่านั้น
 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar