lördag 9 maj 2020

Thaistory หนังสือที่น่าสนใจของAndrew MacGregor Marshall

บทความแปลจากรายงานฉบับย่อของหนังสือ #Thaistory, ตีพิมพ์ในปี 2011 ขอขอบคุณผู้แปลบทความนี้
.................................
รายงานฉบับย่อ
บทนำ : “ปิคนิคครอบครัวที่ผิดเพื้ยน” - กษัตริย์รัชกาลที่ 9ของไทยซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ กำลังอ่อนแรงในโรงพยาบาล ในยามที่รัชสมัยเข้าสู่ยุคสลัว ด้วยความป่วยไข้ บัลลังค์ที่สั่นคลอน ความตึงเครียดในครอบครัว รวมถึงความขัดแย้งและการแย่งชิงอำนาจทั่วประเทศ กฏหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพห้ามการพูดถึงกิจกรรมของวังและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของราชวงค์ แต่ในรายงานทางการฑูตสหรัฐฯ มากกว่า 3000 ฉบับ ที่ถูกเปิดเผยโดย Bradley Manning ให้รายละเอียดถึงความขัดแย้งทางการเมืองอันเนื่องมาจากการมีส่วนร่วมของราชวงค์และความคลุมเครือเรื่องวิกฤติการสืบทอดสันติวงค์ ซึ่งในระหว่างที่ผมทำงานเป็นบรรณาธิการอาวุโสที่สำนักข่าวรอยเตอร์ ประจำภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ค้นคว้าเอกสารเหล่านี้และเขียนบทความสำคัญสุดที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของสำนักข่าวรอยเตอร์ ผมจึงลาออกจากสำนักข่าวนั้นในเดือนมิถุนายน 2011 เพื่อสามารถเผยแพร่บทความนี้ทางออนไลน์ได้อย่างอิสระแก่ผู้ที่สนใจ ด้วยความเชื่อว่า การพูดคุยอย่างเปิดเผยและอิสระเป็นสิ่งสำคัญต่อประเทศไทยในการแก้ปัญหาอย่างสันติ
1. จุดผกผันในประวัติศาสตร์ของไทย
ศตวรรษที่ 21 ของประเทศไทยปกคลุมด้วยความกังวลที่ตึงเครียด และความไม่แน่นอนเนื่องจากรัชกาลของกษัตริย์ภูมิพลเข้าสู่ช่วงปลายรัชกาล รัชทายาทแต่งตั้งคือ มกุฎราชกุมาร เจ้าฟ้าชายมหาวชิราลงกรณ์ได้รับความเกลียดชังและความกลัวในวงกว้าง ไม่ว่าเจ้าฟ้าชายจะได้รับการสืบทอดบัลลังค์หรือไม่ การสิ้นพระชมน์ของกษัตริย์ภูมิพลจะนำประเทศสู่กลียุค หลายขั้วอำนาจได้พยายามต่อสู้แย่งชิงส่วนแบ่งอำนาจเพิ่อความมั่นคงของตัวเองในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ในช่วงเวลากว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา กษัตริย์ภูมิพลได้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจหนึ่งเดียวของคนไทย ด้วยความดีงามและความมุ่งมั่นในความอยู่ดีมีสุขของประชาชน ราชพิธีต่างๆ ได้ถูกเพิ่มเติมขึ้น จากความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนไทย เพื่อรณรงค์ความนิยมในราชวงค์และรื้อฟื้นพิธีกรรม โดยได้รับความสนับสนุนจากรอยัลลิสต์ ทหารและประเทศอเมริกา ที่ต้องการใช้ ความนิยมชมชอบในกษัตริย์ภูมิพลเป็นตัวหยุดยั้งลัทธิคอมมูนิสต์ การยื่นมือเพื่อมีส่วนร่วมทางการเมืองของกษัตริย์ภูมิพลในปี 1973 และ 1992 ช่วยเน้นภาพพจน์ของกษัตริย์ประชาธิปไตยที่เป็นมิตรต่อพสกนิกร สุขภาพของกษัตริย์ภูมิพลทรุดโทรมลง ด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบในปลายปี 2007 และโรคหลอดลมอักเสบในปลายปี 2008 และตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2009 กษัตริย์ภูมิพลพำนักอาศัยในโรงพยาบาลศิริาชตลอดมา ไม่ย้ายออก แม้แพทย์มีความเห็นว่าแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ หลายแหล่งข่าวแจ้งว่า นอกจากโรคทางกายแล้ว กษัตริย์ภูมิพลยังเป็นโรคซึมเศร้าด้วย แม้สุขภาพจะกระเตื้องขึ้นตั้งแต่ปี 2010 กษัตริย์ภูมิพลก็ไม่ได้แสดงการเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองอีกต่อไป ยุคกษัตริย์ภูมิพลกำลังสิ้นสุด
2. ความหลงใหลในการบินและผู้หญิง
มกุฎราชกุมารวชิราลงกรณ์ดูท่าแล้วไม่สามารถคงรักษาความศักดิ์สิทธิ์และความยำเกรงของราชวงค์ไทยได้หากได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์รัชกาลที่สิบ หลังจากที่ล้มเหลวในโรงเรียนประจำที่อังกฤษและโรงเรียนทหารที่ออสเตรเลีย เจ้าฟ้าชายถูกราชินีสิริกิตติ์กดดันให้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง การคลุมถุงชนที่ไม่เหมาะนี้ ทำให้เขาทอดทิ้งคู่สมรส แล้วไปมีลูก 5 คนกับดาราดาวรุ่งคนหนึ่ง ซึ่งได้ถูกขับไล่ออกไปในปี 1996 ในปี 2001 เขาได้แต่งงานใหม่กับภรรยาคนที่สามชื่อ ศรีรัศม์ และในปี 2005มีลูกด้วยกัน ซึ่งกลายเป็นรัชทายาทตามกฏมนเทียรบาล เพียงองค์เดียวของราชวงค์จักรี ต่อมาในปี 2001 คลิปภาพกี่งเปลือยของศรีรัศม์ฉลองวันเกิดกับวชิราลงกรณ์หลุดสู่สาธารณะและแพร่หลายในปี 2007 นั้น สร้างความเสียหายให้แก่ภาพพจน์ของเจ้าฟ้าชายอย่างยิ่ง วชิราลงกรณ์ได้ทอดทิ้งภรรยาและลูกชายไป และปัจจุบันได้ใช้เวลาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศเยอรมัน โดยลือกันว่า เพื่อเข้ารับการรักษาโรค HIV หรือโรคเลือดบางอย่าง ที่สปาแห่งหนึ่งใกล้เมืองมิวนิค ส่วนลูกชายที่เกิดกับศรีรัตม์นั้นมีข่าวแบบไม่ยืนยันว่า ไม่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ประเทศไทยในทางทฤษฏีนั้น มีกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฏิบัตินั้น กษัตริย์มีอิทธิพลอำนาจทางการเมืองอย่างมหาศาล ผ่านเครือข่ายรอยัลลิสต์ อำนาจของราชวงค์ทำให้คนไทยจำนวนมากวิตกกังวลหากเจ้าฟ้าชายที่โหดร้ายป่าเถื่อนได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ แต่ในความย้อนแย้งคือ คนที่ต่อต้านวชิราลงกรณ์กลับเป็นกลุ่มรอยัลลิสต์ในเครือข่ายของประธานองคมนตรี เปรม ติณสูลานนท์ ที่ไม่ต้องการให้เจ้าฟ้าชายทำลายความสง่างามและอิทธิพลของราชวงค์ และเข้าร่วมกับศัตรูของพวกเขาคือ ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาในปี 2009 ความกลัวได้แผ่ขยายเมื่อวชิราลงกรณ์ได้พยายามกดดันรัฐบาลให้แต่งตั้งคนของทักษิณที่ทำหน้าที่ขนเงินถวายนั้น ให้เป็น ผบ.ตร. ส่วนใหญ่แล้วคนไทยนิยมชื่นชอบลูกคนที่สาม เจ้าหญิงนางฟ้า และต้องการให้สืบราชบัลลังค์ต่อ แต่ขัดต่อธรรมเนียมปฏิบัติอันยาวนานของราชสำนัก อีกทั้งกษัตริย์ภูมิพลได้ส่งสัญญาณมาตลอดว่า ต้องการให้เจ้าฟ้าชายครองบัลลังค์ต่อจากพระองค์
3. ความกลัวและความเกลียดชังต่อราชินี
เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายรุนแรงให้แก่ราชวงค์ คือการที่ราชินีสิริกิตติ์ตัดสินใจไปงานศพของหญิงสาวที่เสียชีวิตในการปะทะกันระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองและตำรวจในบริเวณด้านนอกของรัฐสภาในเดือนตุลาคม ปี 2008 การกระทำเช่นนี้ของราชินีสิริกิตติ์ได้แสดงชัดเจนให้เห็นถึงการเลือกข้างในความขัดแย้งนั้น และทำลายความเชื่อที่ว่า กษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ผลที่ตามมาคือ คำวิจารณ์ที่เนืองแน่นบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับราชวงค์และตัวราชินีเอง สิริกิตติ์ให้ความสนใจเรื่องความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนาของชายแดนภาคใต้ แต่นายทหารใหญ่หลายนายได้ให้ความเห็นว่า การแทรกแซงนั้นไม่เกิดประโยชน์เลย ในปี 2004 ราชินีได้กล่าวสุนทรพจน์อันโด่งดัง ประนามผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิม และเรียกร้องให้ชาวพุทธในพื้นที่ ลุกขึ้นป้องกันตัวเอง ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งกลุ่มกองกำลัง Or Bor Lor ภายใต้การบังคับบัญชาของทหารเสือราชินี ในเดือนมิถุนายน ปี 2009 ได้มีการนำกำลังบุกจู่โจมมัสยิตแห่งหนึ่ง มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ทำให้ในเดือนสิงหาคม ปี 2009 มีสโลแกนติเตียนประนามราชินีปรากฏอยู่ทั่วจังหวัดปัตตานี ภาพราชินีหลายภาพถูกทำลายในจังหวัดทางอีสาน กษัตริย์ภูมิพลและราชินีสิริกิตติ์ถูกมองว่า เป็นคู่สร้างคู่สม ในช่วงทศวรรษ 1950 -1960 แต่แล้วกลับห่างเหินกันเรื่อยๆ มีข่าววงในว่า ราชินีสิริกิตติ์เป็นฝ่ายกุมอำนาจในวัง ในปี 1985/1986 ราชินีมีอาการทางจิตและได้ห่างหายจากสาธารณะเป็นเวลาหลายเดือน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตแยกกัน ราชินีมักมีความเห็นสุดโต่งและแทรกแซงกิจกิจกรรมต่างๆ มากกว่ากษัตริย์ ทั้งในเรื่องวิกฤติทางการเมืองและผู้ก่อการร้ายในภาคใต้ สมาชิกหลักที่อยู่วงในของราชินีคือพล. เอก ประยุทธ จันทร์โอชา หลายแหล่งข่าวแจ้งว่า ราชินีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหารปี 2006 เธอเปรียบเสมือนเสาหลักของกลุ่มเสื้อเหลือง ที่ต่อต้านทักษัณ ในขณะที่เปรมและเครือข่ายถูกมองว่า เป็นพวกและดำเนินตามความประสงค์ของกษัตริย์นั้น กษัตริย์ภูมิพลได้อ่อนอิทธิพลลง แต่ราชินีกลับมีกำลังเข้มแข็งขึ้น เมื่อคนสนิทของกษัตริย์พยายามลดความตึงเครียดทางการเมืองในปี 2008 กลับถูกตำหนิจากผู้นำเสื้อเหลือง สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งสนธิไม่น่ากล้าแย้งคนสนิทของกษัตริย์ เว้นแต่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากราชินีนั่นเอง ราชินีเป็นผู้สนับสนุนให้ท้ายวชิราลงกรณ์มาตลอด แต่ในปี 2007 ความสัมพันธ์ได้แตกหักและไม่สามารถกลับคืนดีได้ ราชินียังคงแทรกแซงการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในปี 2009 โดยขัดขวางอำนาจกดดันของเจ้าฟ้าชาย ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการสืบราชสันติวงค์ ราชินีอาจได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เมื่อกษัตริย์ภูมิพลสวรรคต นี่เป็นทางออกของปัญหาที่ฝ่ายรอยัลลิสต์หวาดกลัว กรณีเจ้าฟ้าชายได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่สิบ แต่ไม่ได้คิดต่อว่า การแทรกแซงทางการเมืองอย่างหนักนั้นทำให้ประชาชนบางส่วนไม่ยอมรับการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของราชินีสิริกิตติ์
4. คนต่างมิติ
ในขณะที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 แทนที่การบังคับใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพที่โหดร้าย จะลดลง แต่กลับเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ ประเทศไทยอ้างว่า กฏหมายไม่ได้ห้ามการมีเสรีภาพในการพูดหรือการอภิปราย แต่กฏหมายนี้ถูกใช้ในการปิดปากผู้วิจารณ์สถาบัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังใช้ปิดปากผู้วิจารณ์กองทัพด้วย ในรายงานลับเขียนว่า นักการฑูตอเมริกาเชื่อว่า การบังคับใช้กฏหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพ อย่างเกินเลยนั้นเป็นผลเสียต่อสถาบันกษัตริย์ ไม่ได้เป็นผลดีเลย พวกเขายังเชื่อต่อว่า กษัตริย์ภูมิพลสนับสนุนการแก้ไขกฏหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพ แต่สมาชิกราชวงค์และเหล่าทหารชั้นสูงใช้ประโยชน์จากกฏหมายนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเองในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ในบรรดาโศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงทั้งหลายในประเทศไทยนั้น คือบทบาทที่ชั่วร้ายของทหาร โดยมักได้รับความเห็นชอบจากกษัตริย์ภูมิพล ตั้งแต่ยุคของสฤษดิ์มีอำนาจในปี 1957 ทหารไทยและราชวงค์ได้กลายเป็นพันธมิตรกันไปโดยปริยาย หลายต่อหลายครั้งที่กษัตริย์ภูมิพลได้แสดงให้เห็นว่า ระเบียบและวินัยสำคัญกว่าประชาธิปไตยอย่างมาก การสนับสนุนของกษัตริย์ต่อฝ่ายขวาสุดในช่วงปีทศวรรษ 1970 นำไปสู่การสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเดือนตุลาคม ปี 1976 จะเห็นได้ว่า มีความคล้ายคลึงอย่างสูงระหว่างความวุ่นวายในช่วงกลางทศวรรษ 1970 และความวุ่นวายในปัจจุบัน แต่มีการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ที่ธรรมศาสตร์น้อยเกินไป เนื่องจากการสังหารหมู่ที่ธรรมศาสตร์ไม่เข้ากับภาพอันสวยงามของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ชนชั้นนำที่เก่งและฉลาดนั้นนำเสนอว่า มีความพยายามนำประเทศชาติไปสู่ระบบประชาธิปไตยอยู่ก่อนแล้ว เหตุการณ์สังหารหมู่จึงถูกตัดทิ้งจากประวัติศาสตร์ไทยอย่างเป็นทางการ กฏหมายหมิ่นพระบรมราชานุภาพทำให้เกิดสภาวะเหนือกฏหมายในประเทศไทย ที่ไม่สามารถเอาผิดผู้มีอำนาจที่ปฏิบัติฆาตกรรมหมู่ได้ และไม่สามารถตรวจสอบความโปร่งใสของทหารได้ หลังจากที่ทหารได้รับความอัปยศอดสูในปี 1992 ทหารเริ่มลดความกระตือรือร้นทางการเมืองลง แต่รัฐประหารในปี 2006 ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณที่เพิ่มขึ้นและขยายขอบเขตอำนาจให้ทหารอย่างมหาศาล ใครก็ตามที่วิจารณ์ทหาร ถูกตำหนิว่าไม่ใช่คนไทย และถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มล้มล้างสถาบัน ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีหลักฐานสนับสนุนการกล่าวหานั้นเลย สิ่งอันตรายต่อประเทศไทยกลับเป็นผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องกับสถาบันและทหารต่างหาก ที่พยายามจัดระเบียบทางสังคมและการเมือง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ และพยายามรักษาความเชื่อทางมโนคติที่ล้าสมัย พวกเขาเข้าใจดีว่า ความชื่นชมยำเกรงที่มีต่อกษัตริย์ภูมิพลเป็นสิ่งยึดโยงที่สำคัญต่อสถานภาพของตัวเองที่ยอบแยบลงทุกวัน เมื่อกษัตริย์ภูมิพลสวรรคตลง เรื่องราวภาพลวงตาจะหายสิ้นไป แต่แทนที่ผู้มีอำนาจจะสนับสนุนให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างสันติและตามครรลองคลองธรรม กลับกดขี่ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ปิดกั้นการเปลี่ยนแปลง ผลลัพท์ที่ได้อาจเกิดการนองเลือดและการปฏิวัติ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar