torsdag 4 augusti 2011

"ประเทศนี้ต้องมีอะไรผิดปกติมากๆแน่คือคำถามที่อาจารย์ สมศักดิ์ ตั้งขึ้นเราขอตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาเพราะว่าระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพลได้ใช้มาตรา 112 กดหัวคนในประเทศนี้อยู่ กษัตริย์ใช้ประเพนีการปกครองว่าตัวเองมีอำนาจเบ็ดเสร็จอย่างสมบูรณ์ครอบครองประเทศนี้อยู่ ประชาชน 19 ล้านเสียง หรือ 15 ล้านเสียงเลือกผู้แทนของเขามา ถ้ากษัตริย์ภูมิพลไม่ต้องการก็จะสั่งให้ กตต.ขัดขวางไม่ให้เป็น สส.ก็ได้หรือสั่งให้ศาลยุบพรรคการเมืองที่เขาไม่ต้องการก็ได้ หรือแม้กระทั้งสั่งให้ทหารสมุนรับใช้ของเขายึดอำนาจล้มล้างรัฐบาลก็ได้ ซึ่งกษัตริย์ก็เคยทำมาแล้วอย่างต่อเนื่องและกำลังทำอยู่ในเวลานี้ ถ้าประเทศนี้ยังอยู่ภายใต้ระบอบการปกครองแบบเผด็จการของกษัตริย์ต่อไปความผิดปกติก็จะมีมากขึ้นแน่ๆโดยไม่มีที่สิ้นสุด"

สมศักดิ์ เจียมฯ:ประเทศนี้ต้องมีอะไรผิดปกติมากๆแน่



โดย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ที่มา เฟซบุ๊ค สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ประเทศนี้ ต้องมีอะไรผิดปกติมากๆแน่ๆ

งบประมาณเผาศพลูกอดีตกษัตริย์ เฉพาะส่วนที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง-หนังสือ = 235.1 ล้านบาท (พระเมรุและอาคาร 208.8 ล้านบาท, สิ่งปลูกสร้างประกอบ-ราชรถ 9.3 ล้านบาท, จดหมายเหตุ-หนังสือ 17 ล้านบาท)*

นี่ยังไม่รวมส่วนที่เป็น "บุคคลากร" (รปภ., มหรศพ ฯลฯ) ที่ต้องมี, ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ...

รวมแล้วน่าจะเหยียบ 300 ล้านบาทแน่

ในขณะที่ บรรดาผู้ก่อการที่ให้กำเนิดระบบการบริหารแบบปัจจุบัน อย่างปรีดี ไม่เคยมีพิธีอะไรโดยรัฐ ที่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว (พูนศุข ที่ถ้านับบทบาททางการเมืองสังคมไม่น้อยกว่า เจ้าฟ้าเพ็ชรัตน์ แน่ๆ ก็ไม่มี)

แล้วไหนเสียงท้วงติง วิจารณ์ คัดค้าน??
ไหนปัญญาชน? ไหน นักวิชาการ?

แล้วไหนว่าประเทศนี้ใช้นโยบาย "เศรษฐกิจพอเพียง"??


ประเทศนี้ ต้องมีบางอย่างผิดปกติมากๆ

ที่แน่ๆคือ คงไม่มี "คน" อาศัยอยู่

เพราะถ้ามี "คน" คงต้องได้ยิน ได้เห็น การถกเถียงอภิปราย ท้วงติง วิจารณ์ ความไม่มีเหตุผลอย่างเหลือเชื่อ​นี้แล้ว

"คน" หายไปไหนหมด?


ประเทศที่บังคับให้คนต้องเงียบ (โดยกฎหมาย และโดยการปิดกั้นสื่อหลัก)

กับเรื่องสาธารณะที่ใหญ่ๆ

อย่าง การใช้เงิน 300 ล้าน เพื่อเผาศพผู้ที่แทบไม่มีบทบาททางสาธารณะสำคัญอะไร

ไม่ว่าผู้นั้นจะถูกสมมุติเป็นอะไร (การเป็น "เจ้า" เป็นการสมมุติ - ทุกคนเกิดมาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที​เรียกว่า "คน" เหมือนๆกัน)

ประเทศเช่นนี้ เป็นประเทศที่อับจนทางวัฒนธรรม อับจนทางภูมิปัญญา อย่างน่าอนาถ

และปัญญาชน หรือ "นักวิชาการ" ที่เห็นเรื่องแบบนี้

แล้วไม่พยายามพูดอะไรออกมา

ก็ไม่มีความเคารพตัวเอง

ไม่สมควรได้ชื่อว่าปัญญาชน หรือ "นักวิชาการ"

......................

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar