fredag 31 oktober 2014
กษัตริย์ภูมิพล และครอบครัว ผลาญเงิน ภาษีประชาชนไปปีละเท่าไหร่ ?
กษัตริย์ภูมิพล และครอบครัว ผลาญเงิน ภาษีประชาชนไปปีละเท่าไหร่ ? เราขอรวบรวมเฉพาะรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มาให้ผู้อ่านพิจารณาดู ... " รวมจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 สำหรับรักษาพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น 11,208,800,975 บาท (อ่านว่า หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยแปดล้านแปดแสนเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาท) " !!!
โดย พุฒิพงค์ พงค์อเนกกุล
สำรวจตาม พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2555 [1] "งบประมาณสำหรับรักษาพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์" [2] มีรายการดังต่อไปนี้
สำนักราชเลขาธิการมาตรา 25 ข้อ 1 (1) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 525,512,600 บาท
สำนักพระราชวังมาตรา 25 ข้อ 2 (1) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 2,794,957,000 บาท
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มาตรา 25 ข้อ 4 (1) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 603,516,900 บาทค่าใช้จ่ายอื่น ๆมาตรา 4 (3) ค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2,300,000,000 บาทมาตรา 4 (4) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและต้อนรับประมุขต่างประเทศ 600,000,000 บาท
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาตรา 5 ข้อ 1 (2) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 42,606,875 บาท
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมาตรา 5 ข้อ 4 (1) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 1,558,064,400 บาท
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมาตรา 6 ข้อ 1 (3) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 65,018,200 บาท
กรมราชองครักษ์มาตรา 6 ข้อ 2 (1) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 615,359,100 บาท
กองบัญชาการกองทัพไทยมาตรา 6 ข้อ 3 (4) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 260,000,000 บาท
กองทัพบกมาตรา 6 ข้อ 4 (4) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 320,000,000 บาท
กองทัพเรือมาตรา 6 ข้อ 5 (4) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 12,246,100 บาท
กองทัพอากาศมาตรา 6 ข้อ 6 (4) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 21,000,000 บาท
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยมาตรา 17 ข้อ 1 (3) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 30,200,000 บาท
กรมโยธาธิการและผังเมืองมาตรา 17 ข้อ 6 (2) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 1,010,092,000 บาท
สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตรา 25 ข้อ 7 (3) แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 450,227,800 บาท
รวมจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 สำหรับรักษาพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น 11,208,800,975 บาท (อ่านว่า หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยแปดล้านแปดแสนเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาท) [3].
ดูแล้วอาจจะตาลาย ผมเอาตัวเลข Total มาโชว์เลยก็แล้วกันนะครับ
ย้ำอีกที รวมจำนวนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555
สำหรับรักษาพระเกียรติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น 11,208,800,975 บาท
(อ่านว่า หนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยแปดล้านแปดแสนเก้าร้อยเจ็ดสิบห้าบาท)
ท่านคิดว่ายังไงครับ เราจ่ายงบประมาณให้สถาบันกษัตริย์ปีละ
หมื่นกว่าล้านบาท
แต่เงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัยที่จบปริญญาโทคนที่ต่ำสุดอยู่ที่ ไม่ถึง
หนึ่งหมื่นบาท
( ที่่มาของข้อมูล )
สังคมทาสภายใต้ระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพล...จะถูกสืบทอดไปจนถึงลูกสาวคือ นางทอมพุงโตที่กำลังเตรียมตัวขึ้นนั่งบัลลังก์เลือดแทนพ่อ... ..............."สังคมทาส" ...............
สังคมทาสภายใต้ระบอบเผด็จการกษัตริย์ภูมิพล...จะถูกสืบทอดไปจนถึงลูกสาวคือ นางทอมพุงโตที่กำลังเตรียมตัวขึ้นนั่งบัลลังก์เลือดแทนพ่อ...
..............."สังคมทาส" ...............
โดย แสงตะวัน
ภาพนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าเมืองไทยยังเป็นสังคมทาส คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ที่เท่าเทียมกันไม่มีเหลืออยู่เลยในประเทศไทย มีอะไรที่แตกต่างกันของคนสองคนระหว่างนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยที่ประชาชน เลือกมา กับอีกคนที่เป็นกาฝากสังคมที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่ประเทศชาติและสังคม ไทย ไม่ทำอาชีพอะไรนอกจากหากินบนหลังคนไทย แล้วนายกรัฐมนตรีของไทยต้องนั่งลงกราบแทบเท้าและภาพนี้ก็กระจายออกไปให้ชาว ไทยและชาวโลกได้เห็นอย่างชัดแจ้งถึงความไม่เท่าเทียมกันของสังคมไทยที่ยัง เป็นสังคมทาสโบราณหล้าหลังที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกจนทุกวันนี้ ...เป็นเรื่องที่ประชาชนชาวไทยทั้งหลายไม่สามารถยอมรับได้กับการปกครองภาย ใต้ระบอบกษัตริย์เผด็จการ ประเพนีหมอบคลานนี้ไม่ควรจะมีอีกต่อไปในประเทศไทย..... .
กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติ และ เป็นอาชญากรรมนิรันดร
Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ....... คัดมาจากบทความตอนหนึ่งของการเสวนาของคณะนิติราษฎร์ เมื่อ ๓๐ กย. ๒๕๕๕ ( จากการอธิบาย ของ Saint - just เราก็สามารถสรูปได้ว่า ภูมิพลก็คือ " ทรราชและ อาชญากรรมนิรันดร " ต่อประชาชนเพราะปล้นอำนาจมาจากปวงชนชาวไทย )
Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ Saint-Just เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime éternel) ต่อประชาชน มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสัมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ Saint-Just อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur) อำนาจของประชาชนไป
หรือในประกาศคณะราษฎร “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่าประเทศของเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง”
หากพิจารณาตามแนวทางนี้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหรือไม่ เพราะ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนเสมอ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตลอดกาล เพียงแต่ว่าบางช่วงบางตอน ถูก “ฉกฉวยแย่งชิงขโมย” ไป และสักวันหนึ่ง ประชาชนก็เอากลับคืนมาจนได้
เกร็ดประวัติศาสตร์เบื้องหลังสฤษดิ์ยึดอำนาจ ๑๖ กันยา ๒๕๐๐ โดย ญาติวีระชน ๑๔ ตุลา
เกร็ดประวัติศาสตร์เบื้องหลังสฤษดิ์ยึดอำนาจ ๑๖ กันยา ๒๕๐๐
เกร็ดประวัติศาสตร์เบื้องหลังสฤษดิ์ยึดอำนาจ ๑๖ กันยา ๒๕๐๐
ส่วนจอมพล ป. มีมาดที่สุขุมกว่านี้ ต่อหน้าประชาชนแล้ว จอมพล ป. จะย้ำว่าตนจงรักภักดีกษัตริย์ แต่ในที่ลับนั้นจอมพล ป. ได้เตรียมการที่เปิดโปง รื้อฟื้นการพิจารณาคดีสวรรคตขึ้นมาใหม่(๑) ซึ่งสิ่งนี้รัชกาลที่ ๙ ทนไม่ได้ จึงเปิดตัวออกมาเล่นการเมืองอย่างเปิดเผย ในวันที่ ๒๕ ม.ค. ๒๔๙๘ ทรงเริ่มปราศรัยในวันกองทัพบกว่าทหารไม่ควรเล่นการเมือง รัฐบาลจึงได้นำเอาบทความของ ดร.หยุด แสงอุทัย ออกอากาศทางวิทยุ แสดงความเห็นว่า “องค์พระมหากษัตริย์ไม่พึงตรัสสิ่งใดที่เป็นปัญหาหรือเรื่องราวเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมือง หรือทางสังคมของประเทศโดยไม่มีรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลเป็นผู้สนองพระบรมราชโองการ...” เพื่อเป็นการโต้ตอบ พวกศักดินาเคียดแค้นบทความนี้มาก พากันโจมตีเป็นการใหญ่ รัชกาลที่ ๙ ฉวยโอกาสที่มีประชาชนไม่พอใจนโยบายเผด็จการของจอมพล ป. กันมากเป็นเครื่องมือรุกทางการเมือง โดยไม่ยอมลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งส.ส. ประเภท ๒ ตามที่รัฐบาลจอมพล ป. เสนอไป ในขณะเดียวกันก็พยายามทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสฤษดิ์ ธนะรัชต์กับตนเองกระชับมากขึ้น และแล้วสฤษดิ์ก็ร่วมมือกับรัชกาลที่ ๙ ด้วยการพาเอาพรรคพวกลาออกจากการเป็น ส.ส.ประเภท ๒ เป็นจำนวนมาก และไม่ยอมสนับสนุนจอมพล ป. อีกต่อไป
แปลกเป็นชื่อตัวของจอมพลหลวงพิบูลสงคราม ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการประฏิวัติประชาธิปไตยศักดินาเมื่อ 2475 พล ตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เป็นอดีดอธิบดีกรมตำรวจและเป็นอดีดเลขาธิการพรรคเสรีมนังคสิลาซึ่งมีแปลก เป็นหัวหน้า ผิน
ชุณหวันเป็นพลเอกและเป็นอดีดผู้บัญชาการทหารบก
นอกจากนั้นยังมีอดีดผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกหลวงยุทธศาสตร์โกสล
และอดีดผู้บัญชาการทหารอากาศ พลอากาศเอก ฟื้นฤทธาณี ร่วมด้วยอย่างแข็งขัน
เรียกกันว่า ” กลุ่มของราชครู ” พลเอก ผิน ชุณหวัน
เป็นหัวหน้า ในการยึดอำนาจในปี ๒๔๙๐ ระบอบการปกครองประชาธิปไตยตามรัฐธรรม
๒๔๗๕
ที่กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญก็สิ้นสุดลงตั้งแต่บัดนั้นมาการปกครองแบบ
ประชาธิปไตยได้เปลี่ยนมาเป็นระบอบราชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่เหนือรัฐ
ธรรมนูญแทน
รัฐบาล แปลก เผ่าทำการกวาดล้างนักการเมืองฝ่ายค้านอย่างรุนแรง คดีสยองขวัญเช่นการยิงทิ้งสี่อดีตรัฐมนตรีจากภาคอิสานที่ซานกรุงเทพ โดยอ้างว่าย้ายที่คุมขังจากคุกกลางเมืองไปไว้นอกเมือง และถูกโจรจีนมลายูแย่งตัวกลางทาง
นักการเมืองฝ่ายค้านหัวเห็ดคนหนึ่งจากภาคอิสานเช่นกันได้ถูกพาตัวจากกรุงเทพ
ไปช้อม ทารุณและถูกย่างสดในป่าห่างจากกรุงเทพไปทางตะวันตกประมาณ 100 กิโลเมตร
ก่อนที่ราชองครักษ์ 3 คนที่ถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยข้อหาว่าสมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมยุวกษัตริย์อานันท์รัชกาลที่ 8 ซึ่งเป็นพีชายของกษัตริย์ภูมิพลนั้น คนหนึ่งได้ขอพบเผ่าเป็นส่วนตัวและได้พูดกับเผ่าตามลำพังประมาณ 10
นาที
เมื่อหนังสือพิมพ์ได้ถามหลังการประหารสามคนนั้นแล้วว่าได้คุยกันเรื่องอะไร
บ้าง เผ่าไม่ยอมตอบ แน่นอนเผ่าต้องรู้ว่าใครเป็นฆาตกรโหดในคดีดังกล่าว
และไม่เป็นที่น่าสงสัยอะไรเลยว่า เผ่าจะไม่ได้บอกเพื่อนสนิทให้รู้ความลับนี้ในจำนวนเหล่านั้นแน่ละมี แปลก สฤษดิ์ และประภาสรวมอยู่ด้วยเมื่อปี 2500 มีการเลือกตั้งทั่วไปพรรคเสรีมนังคสิลาโกงการเลือกตั้งทุกวิถีทาง โอกาสของ
กษัตริย์ภูมิพลที่คอยอยู่นานก็ได้มาถึง เมื่อประชาชนเดินขบวนประท้วงการเลือกตั้งที่สกปรกนั้น
แน่ ละ ซี ไอ เอ เห็นท่าว่าจะไม่สู้ดีเท่าไหร่นักที่จะให้แปลกและเผ่าอยู่ในอำนาจต่อไป จอมพลสฤษดิ์ได้ออกมายืนอยู่แถวหน้าของขบวนประชาชนนำทหารออกมาตั้งแถวต้อนรับ ขบวนประท้วง โดยไม่ทำร้ายใครเหตุการณ์คราวนั้นทำให้สฤษดิ์กลายเป็นขวัญใจของประชาชน จากคำบอกเล่าของอดีตนายทหารคนสนิทคนหนึ่งของสฤษดิ์ กษัตริย์ยืนอยู่เบื้องหลังสฤษดิ์อย่างกระวนกระวายใจความขัดแย้งอย่างรุณแรง ระหว่างผู้นำตำรวจกับผู้นำทหารสมัยนั้นปรากฏเป็นข่าวอยู่บอ่ยๆโดยเฉพาะการ ค้าฝิ่นค้าของเถื่อนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเครื่องมือและอุปกรณ์จากอเมริกาพอฟัดพอเหวี่ยงกันทั้งทางบกทางเรือและทางอากาสตลอดจนกำลังคน
เผ่าวางแผนจะทำรัฐประหารกลางเดือนกันยายน 2500 ความทะเยอทะยาน ของพลเอกเผ่าที่ยึดอำนาจนี้ก็เพื่อจะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองเป็นระบอบ สาธารณะรัฐโดยจะเชิดให้ จอมพล ป. ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ซึ่งจอมพล ป.เองก็มีแนวคิดและแผนการณ์อย่างนั้นอยู่แล้วพอได้โอกาศ แปลก จึงได้ขอเข้าพบกษัตริย์ภูมิพลเพื่อแจ้งความประสงค์ว่าจะรื้อฟื้นคดีปรงพระชน ร. ๘ ขึ้นมาพิจารณาใหม่เพราะได้หลักฐานมาใหม่ ทำให้กษัตริย์ภูมิพลต้องนิ่งอึ้งพระพักตร์เปลี่ยนสีไปทันที่ เมื่อจอมพล ป.ได้แจ้งความประสงค์ให้กษัตริย์ทราบแล้วก็ลากลับออกจากพระราชวัง และ ในวันเดียวกันนั้นกษัตริย์ภูมิพลก็ได้เรียกให้สฤษดิ์เข้าพบและบอกว่า แปลกขอปลดสฤษดิ์ออกจากตำแหน่ง สฤษดิ์จึงชิงยึดอำนาจในวันเดียวกันก่อนเผ่าไม่กี่ชั่วโมง คือวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๐ เวลา ๑๙ นาฬิกา ซึ่งแผนกาณ์ยึดอำนาจของเผ่าเป็นเวลา ๒๑ นาฬิกาในวันเดียวกัน
นับ ว่ากษัตริย์ภูมิพลเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ถ้าสฤษดิ์ไม่ชิงยึดอำนาจเสียก่อนปล่อยให้เผ่ามีโอกาศทำตามแผนการณ์ยึดอำนาจ ของเขาประวัติศาสตร์ชาติไทยคงเปลี่ยนเป็นอีกหน้าใหม่คงได้เป็นประเทศสาธารณะ รัฐตั้งแต่นั้นมา คดีสวรรคต ร. ๘ คงได้ถูกพิจารณาอย่างเป็นธรรมตามหลักฐานพะยานที่เป็นจริงตามตัวบทกฏหมาย ฆาตกรตัวจริงก็คงจะโดนถอดออกจากการเป็นกษัตริย์ คงจะต้องถูกศาลพิพากษาให้ติดคุกติดตะรางหรือถึงต้องประหารชีวิตให้ตกตายไป ตามกัน บัลลังก์ของกษัตริย์ภูมิพลก็คงสิ้นสลาย สิ้นสุดยุคของการปกครองระบอบราชาธิปไตย ประเทศไทยก็คง กลายเป็นประเทศสาธารณะรัฐประชาธิปไตยของประชาชน ไปแล้ว การชิงยึดอำนาจของสฤษดิ์จึงเป็นการต่ออายุให้แก่กษัตริย์ภูมิพล ทำให้กษัตริย์ภูมิพลได้มีโอกาศนั่งบัลลังก์สืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นสฤษดิ์จึงมีบุญคุณต่อกษัตริย์ภูมิพลอย่างหาที่เปรียบมิได้ เมื่อสฤษดิ์ยึดอำนาจเสร็จภูมิพลก็แต่งตั้งให้สฤษดิ์ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในพระนคร เมื่อขึ้นมามีอำนาจถึงแม้สฤษดิ์จะโกงกินชาติบ้านเมืองอย่างไรจะมีเมียน้อยสัก กี่คนก็ตาม พระชนนีศรีสังวาลย์ ( นาง สังวาลย์ ) แม่ของกษัตริย์ภูมิพลยังได้เขียนคำปรารถไว้ในหนังสือที่ระลึกงานเผาศพของ สฤษดิ์ว่า “ จอมพลสฤษ์ดิ์ถึงแม้เขาจะโกงกินอย่างไรและมีเมียน้อยสักกี่คนก็ตาม เขาคือขุนพลคู่บัลลังก์ " ..
กษัตริย์ภูมิพลไปเยี่ยมสฤษดิ์ที่โรงพยาบาลก่อนสฤษดิ์เสียชีวิตในปี ๒๕๐๖
บางข่าวก็ว่าสฤษดิ์ตายเพราะถูกวางยาพิษจากกษัตริย์ภูมิพลเอง
ตามคำพังเพยที่ว่า " เสร็จนาฆ่า โคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล "
เพราะตอนหลังที่สฤษดิ์ขึ้นมามีอำนาจแล้วก็มีอิทธิพลมาก
ทำให้กษัตริย์ภูมิพลมีความหวาดระแวงและเกรงกลัวอิทธิพลของจอมพลสฤษดิ์
เพราะสฤษดิ์เองก็รู้ความลับของกษัตริย์ภูมิพลเกี่ยวกับการฆ่าพีชาย
คือ ร.๘... ในหลวงอานันท์
ในทางเปิดเผยสฤษดิ์ก็แสดงตัวว่าจงรักภักดีต่อกษัตริย์
แต่ในทางลับสฤษดิ์เองก็เคยพูดให้ทหารคนสนิทฟังเมื่อยามมืนเมาว่า "
ถ้ามึงจะเผด็จการมึงก็ต้องมีหุ่นบังหน้าชิวะไอ้โง่ เงินของกูเมื่อไหร่ "
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่สฤษดิ์มาด่วนตายเสียก่อน
นับว่าโชคยังเข้าข้างกษัตริย์ภูมิพลอีกครั้งหนึ่ง ...
ลือกันนักลือกันหนา " ปล่อยข่าว ว่าถูกจับ "..ความจริง แค่ไปไหว้บรรพบุรุษที่เหมยเซียน มณฑลกวางตุ้ง เท่านั้นเอง พร้อมด้วยภาพยืนยันว่าไปท่องเที่ยวพักผ่อนและได้รับการต้อนรับอย่างมีความสุขจริงๆ หวังว่าภาพความจริงเหล่านี้คงไม่ทำให้พวกอำมาตย์เผด็จการเหลือบศักดินาลงแดงกระอักเลือดอกแตกตายไปตามๆกันทั้งฝูงนะ...จบข่าว
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=327849990728052&set=a.154983948014658.1073741827.100005091602349&type=1&theater#sthash.OQM9rqay.dpuf
ยิ่งลักษณ์-ทักษิณไหว้บรรพบุรุษที่เหมยเซียน มณฑลกวางตุ้ง
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนจีนเดินทางไปเคารพบรรพบุรุษที่เหมยเซียน เมืองเหมยโจว ในมณฑลกวางตุ้ง
31 ต.ค. 2557 - เฟซบุ๊คเพจยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ภาพยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุตรชาย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเคารพหลุมฝังศพบรรพบุรุษที่อำเภอเหมยเซียน เมืองเหมยโจว ซึ่งเป็นถิ่นฐานของชาวจีนฮากกา หรือจีนแคะ อยู่ติดต่อกับเมืองซัวเถา ถิ่นฐานของชาวจีนแต้จิ๋ว ในมณฑลกวางตุ้ง
31 ต.ค. 2557 - เฟซบุ๊คเพจยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ภาพยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุตรชาย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปเคารพหลุมฝังศพบรรพบุรุษที่อำเภอเหมยเซียน เมืองเหมยโจว ซึ่งเป็นถิ่นฐานของชาวจีนฮากกา หรือจีนแคะ อยู่ติดต่อกับเมืองซัวเถา ถิ่นฐานของชาวจีนแต้จิ๋ว ในมณฑลกวางตุ้ง
ที่มาของภาพ: เฟซบุ๊คเพจยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ในเฟซบุ๊คเพจของยิ่งลักษณ์ยังมีการโพสต์สเตตัสว่า
"วันนี้เดินทางมาที่เมืองเหมยเซี่ยน มณฑลกวางโจว เพื่อมาเคารพหลุมฝังศพบรรพบุรุษที่เรียกว่ายายทวด และไปดูบ้านที่แม่เคยอยู่ตอนช่วงอายุ 9 ถึง 13 ขวบตอนตามคุณตามาอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก่อนที่จะอพยพไปอยู่ที่ฮ่องกงและนั่งเรือจากฮ่องกงเพื่อมายังประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพบญาติที่ยังเหลืออยู่ในรุ่นหลานซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับดิฉันและพี่ชาย ท่านทักษิณได้ใช้เวลาในการสืบหาสถานที่นี้ตั้งแต่ก่อนที่ท่านเป็นนายกฯจากคำบอกเล่าของคุณแม่และท่านก็เคยเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่งสมัยที่มาเยือนเมืองจีนตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ที่สำคัญมาครั้งนี้มีข่าวดีเพิ่มคือมีโอกาสได้ไปเคารพหลุมฝังศพและบ้านที่เคยอยู่ของสายคุณพ่อซึ่งมีอายุเกือบ 300 ปี ต้องขอขอบคุณฝ่ายทางการจีนที่ช่วยสืบหาให้จนพบต้นกำเนิดบรรพบุรุษสายทางคุณพ่อด้วยค่ะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกที่บรรพบุรุษสายคุณพ่อและคุณแม่ มาจากมณฑลเดียวกัน อยู่ห่างกันเพียง 3 ชม หากเดินทางโดยรถยนต์"
ป้ายทักษิณ(ทา ซิ่ง) ... ป้ายยิ่งลักษณ์(อิง ลา)... ป้ายน้องไปป์(อิง ลา เอ๋อ จื่อ)
ป้ายทักษิณ(ทา ซิ่ง) ... ป้ายยิ่งลักษณ์(อิง ลา)... ป้ายน้องไปป์(อิง ลา เอ๋อ จื่อ)
..............................................................
วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23:35:00 น.
จับแพะชนแกะ..นี่ก็ข่าวลือ ใครปล่อยข่าวลือ?
เพื่ออะไร? ต้องการทำลายใคร?
ขุนเขาบอก : พ้นน้ำ.แล้วปทุม..เปิดฝาหุ้ม.กะลาแลนด์.....ทรชน.ออกปล้นฆ่า..ทหารบ้า.โจรห้าร้อย นายว่า.ขี้ข้าพลอย..ข่าวโคมลอย.ไว้คลายเหงา นายยก.เหมือนหมาบ้า..เป็นเจ้าฟ้า.ยังหูเบา รัฐบาล.ยังมีเงา..จำนำข้าว.ยังเอาความ...
ถุย ...ไอ้ยุทธ ไอ้ขี้ข้าตาเหล่....
ขุนเขาบอก :
พ้นน้ำ.แล้วปทุม..เปิดฝาหุ้ม.กะลาแลนด์.....
ใต้หล้า.กะลาแลนด์..โอ้ดินแดน.มหัศจรรย์
เลิศล้ำ.เกินจำนรรจ์..ฟ้าอำพัน.จันทร์เหิรหาว
เป็นหนึ่ง.ในใต้หล้า...ตะกายฟ้า.ตะกายดาว
กาดำ.เป็นกาขาว..มือใครยาว.สาวได้สาวเอา
ทรชน.ออกปล้นฆ่า..ทหารบ้า.โจรห้าร้อย
นายว่า.ขี้ข้าพลอย..ข่าวโคมลอย.ไว้คลายเหงา
นายยก.เหมือนหมาบ้า..เป็นเจ้าฟ้า.ยังหูเบา
รัฐบาล.ยังมีเงา..จำนำข้าว.ยังเอาความ
สภา.หน้าตัวเมีย..ยังชะเลีย.ท.ทหาร
กบฏ.ยังกบดาน..ผู้สั่งการ.คนเกรงขาม
เหนือฟ้า.ไม่มีฟ้า..มีเทวา.ประจำการ
มีศาล.ไว้บนบาล..มีทหาร.ไว้ขายยา
กฎหมาย.เป็นกฎหมา..ไร้ราคา.แค่เหล้าขาว
บนบ่า.ใครมีดาว..ทุกเรื่องราว.ไร้ปัญหา
กุลี.ขี้ข้าไพร่..จับมันไป.ไม่นำพา
เทวี.ลูกเทวา..ชอบเหิรฟ้า.หายาดี
คณาจารย์.หน้าด้านหนา..ชอบจุงลา.แก้ผ้าผ่อน
ใช้โพล.เล่นละคร..กล่อมคนนอน.ก่อนคนหนี
ศุกร์เข้า.พระเสาร์แทรก..หมาไม่แดก.ออกทีวี
สะตอ.พ่อคนดี..โดนคดี.ไม่มีจำ(จอง)
ยุติธรรม.ไม่ต้องพูด..สุรายุด.ยึดภูเขา
ต้องโทษ.สถานเบา..คืนภูเขา.ไม่มัวหมอง
ภูเขา.ชื่อว่าแพง..มีคนแย่ง.กันจับจอง
นายหัว.กลัวคนมอง..บวชส่างลอง(บวชเณรทางเหนือ)ผ้าเหลืองคลุม
สุดท้าย.คงกลายร่าง..พระผู้สร้าง(พระเจ้า).เป็นผู้ฆ่า
สวรรค์.ชั้นดุสิตา..ไร้เทวา.โรคาสุม
มนุษย์.คือผู้สร้าง..บัดนี้ร่าง.โรคเร้ารุม
พ้นน้ำ.แล้วปทุม..เปิดฝาหุ้ม.กะลาแลนด์.....
ขุนเขาจากแดนไกล,
...........................................
ประชาธิปไตย แบบไทยไทย อย่าให้เซ่ด
แสนทุเรศ เป็นเศษกฎ หมดคุณค่า
พวกผู้ลาก เลวมากดี มันบีฑา
แสร้งสรรหา พวกหมาอด มากดไทย
ประชาธิปไตย ใส่สอดใส้ ให้ลองรส
เติมโป้ปด มดเท็จ เจ็ดชั่วโครต
เหยาะธรรมะ ละกิเลส เทศน์เหมือนโปรด
ขังลืมโลด โหดห่อมิด คิดครอบงำ
แต่ละตัว ล้วนชั่วช้า หาใดเปรียบ
จ้องจะเสียบ เหยียบกันนัว กลัวไม่ได้
เหมือนเปรตอด หมดหนทาง แทบปางตาย
หัวช่วยส่าย หางกระดิก รุมจิกกิน
พวกตัวย่อ หัวดอ..เด็ก สเป็กชั่ว
ตีนยันหัว มัวศักดิ์ศรี มีให้เห็น
ล้วนกากเดน ประชาธิปไตย ของอ้ายเวร
เรารู้เช่น เห็นกันอยู่ รู้ว่าใคร?...ไทย..พ้นน้ำแล้ว แต่ถูกกะลาครอบไว้
ปล. ตัวย่อ เช่น คสช. สนช. สปช. กสม. ปปช. กกต. ตลก. ปชป. เป็นต้น
...........................................
ประชาธิปไตย แบบไทยไทย อย่าให้เซ่ด
แสนทุเรศ เป็นเศษกฎ หมดคุณค่า
พวกผู้ลาก เลวมากดี มันบีฑา
แสร้งสรรหา พวกหมาอด มากดไทย
ประชาธิปไตย ใส่สอดใส้ ให้ลองรส
เติมโป้ปด มดเท็จ เจ็ดชั่วโครต
เหยาะธรรมะ ละกิเลส เทศน์เหมือนโปรด
ขังลืมโลด โหดห่อมิด คิดครอบงำ
แต่ละตัว ล้วนชั่วช้า หาใดเปรียบ
จ้องจะเสียบ เหยียบกันนัว กลัวไม่ได้
เหมือนเปรตอด หมดหนทาง แทบปางตาย
หัวช่วยส่าย หางกระดิก รุมจิกกิน
พวกตัวย่อ หัวดอ..เด็ก สเป็กชั่ว
ตีนยันหัว มัวศักดิ์ศรี มีให้เห็น
ล้วนกากเดน ประชาธิปไตย ของอ้ายเวร
เรารู้เช่น เห็นกันอยู่ รู้ว่าใคร?...ไทย..พ้นน้ำแล้ว แต่ถูกกะลาครอบไว้
ปล. ตัวย่อ เช่น คสช. สนช. สปช. กสม. ปปช. กกต. ตลก. ปชป. เป็นต้น
torsdag 30 oktober 2014
เรื่องราวดีๆ .ประชาชนไทยที่ดีๆ..ยังมีเหลืออยู่อีกมากมายใน"สังคมบัดซบ"ของตอแหลแลนด์ยุคเผด็จการทรราชครองเมือง...
วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 09:25 น. ข่าวสดออนไลน์
แม่ค้าใจงาม คืน1แสนพตอ. สังกัดตม. ลืมเงินไว้ ผกก.ปลื้ม ควัก2หมื่น ตอบแทนแม่ค้าก๋วย เตี๋ยว-ข้าวแกงซอยพระราม 9น้ำใจงามเก็บเงินลูกค้าได้แสนกว่าบาท ประสานสวพ. เอฟเอ็ม 91 ประกาศตามหาเจ้าของซึ่งเป็นผกก.ตม.สมุทรสาคร หญิงสาวเปิดใจเคยทำเงินหาย 800 บาทไปก็วิ่งวุ่นหาทั้งวัน จึงเข้าใจหัวอกคนที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน ด้านพ.ต.อ.ใจป้ำตอบแทนน้ำใจมอบให้ 2 หมื่นบาท พร้อมยกย่องขอให้ความดีงามครั้งนี้ตกไปถึงลูกที่เรียนหนังสืออยู่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.เอฟเอ็ม 91 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร นางเพียรวิภา ใจพระวังค์ อายุ 39 ปี แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 ได้ส่งมอบกระเป๋าสะพาย สีดำ บรรจุเงินสด 109,500 บาท เอกสารสำคัญ และทรัพย์สินคืนให้พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม.สมุทรสาคร มีนางสาวไจตนย์ ศรีวังพล และนายสกล ถาวรกาญจน์ ผู้บริหารสถานี ร่วมเป็นสักขีพยาน
นาง เพียรวิภา ใจพระวังค์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 4 ต.ทุ่งกอ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 หรือซอยโรงแรม รอยัล แปซิฟิค ถนนพระราม 9 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 28 ต.ค. พบกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่บนเก้าอี้นั่งภายในร้าน ขณะเกิดเหตุคิดว่า กระเป๋าใบดังกล่าวเป็นเพียงกระเป๋าเอกสารธรรมดาและไม่ทราบว่าเจ้าของเป็นใคร จึงนำไปวางไว้ที่โต๊ะ เพื่อรอเวลาให้เจ้าของกลับมาติดต่อขอรับคืน
นาง เพียรวิภากล่าวต่อว่า กระทั่งถึงเวลาปิดร้าน เก็บของเสร็จเรียบร้อย ก็ยังไม่พบใครมาติดต่อขอรับกระเป๋า จึงนำกระเป๋าเอกสารกลับบ้านพัก ระหว่างขับรถตนยกมือไหว้พระ ขออนุญาตเปิดกระเป๋าดู เพราะอยากรู้ว่าภายในมีอะไรบ้าง เมื่อเปิดกระเป๋าชั้นแรก ก็พบ ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทเป็นปึก คาดการณ์ด้วยสายตา เงินสดน่าจะประมาณ 1 แสนบาท ตกใจมาก ไม่กล้ารื้อค้นกระเป๋าอีก จึงโทรศัพท์ไปหานายพงษ์วิท สุวรรณพรม เพื่อนที่ทำงานอยู่ที่บริษัท แกรมมี่ ก็ได้รับคำแนะนำและรีบนำกระเป๋าพร้อมเงินสด มาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุ สวพ.เอฟเอ็ม 91 เมื่อเวลา 21.30 น. วันเดียวกัน จากการตรวจนับเงินสดภายในกระเป๋าสะพาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานีพบว่า มีเงินสดจำนวน 109,500 บาท นอกจากนี้ยังมีเอกสารสำคัญระบุชื่อ พ.ต.อ.โกวิท
"ขาย ก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ส้มตำ ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 มาได้ประมาณ 1 เดือน มีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้หญิง เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ส่วนลูกชายกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รู้สึกไม่สบายใจ อยากส่งคืนกระเป๋าและเงินสดให้เจ้าของเร็วๆ แต่เจ้าของกระเป๋า ก็ไม่ยอมมาแสดงตนรับของคืน ไม่อยากได้ของคนอื่น ดิฉันมีอาชีพค้าขาย เคยขายของ แล้วทำเงินหาย 800 บาท วันนั้นทั้งวันเดินหาเงิน กำไรก็ไม่ได้แถมยังขาดทุนด้วย เชื่อว่า เจ้าของกระเป๋า พ.ต.อ.โกวิทก็กำลังตามหาอยู่เหมือนกัน" แม่ค้าสาววัย 39 ปีกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม. สมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนจอดรถลงไปซื้อเครื่องดื่มโอวัลติน ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 ระหว่างนั้นวางกระเป๋าสะพายไว้ที่โต๊ะนั่ง หลังจากได้เครื่องดื่มแล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป กระทั่งเวลา 20.00 น. ขณะจะซื้อของภายในห้างสรรพสินค้า นึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง แต่ก็คิดว่ามืดแล้วร้านคงปิด อีกทั้งจุดที่วางกระเป๋าไว้เป็นเก้าอี้ภายในร้านค้า หากมีลูกค้าหรือมีคนมานั่งรับประทานอาหาร อาจมีคนหยิบไปมากกว่า
"ขอ ขอบคุณแม่ค้าใจดี ที่ช่วยเก็บรักษากระเป๋า และพยายามติดตามเจ้าของเพื่อส่งคืน คิดถึงความรู้สึกของคนที่กำลังเดือดร้อน รู้สึกดีใจมากได้ที่รับข่าวดีจากทางสถานีวิทยุ สวพ.เอฟเอ็ม 91 ซึ่งประสานงานแจ้งให้ทราบว่า แม่ค้าใจดี นำกระเป๋าเข้ามาฝากประกาศตามหา ขอมอบเงิน จำนวน 20,000 บาท เป็นสินน้ำใจให้ขอให้รักษาความดี ปลูกจิตสำนึกให้กับลูกสาวและลูกชายเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป" พ.ต.อ.โกวิทกล่าว
|
แม่ค้าใจงาม คืน1แสนพตอ. สังกัดตม. ลืมเงินไว้ ผกก.ปลื้ม ควัก2หมื่น ตอบแทนแม่ค้าก๋วย เตี๋ยว-ข้าวแกงซอยพระราม 9น้ำใจงามเก็บเงินลูกค้าได้แสนกว่าบาท ประสานสวพ. เอฟเอ็ม 91 ประกาศตามหาเจ้าของซึ่งเป็นผกก.ตม.สมุทรสาคร หญิงสาวเปิดใจเคยทำเงินหาย 800 บาทไปก็วิ่งวุ่นหาทั้งวัน จึงเข้าใจหัวอกคนที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน ด้านพ.ต.อ.ใจป้ำตอบแทนน้ำใจมอบให้ 2 หมื่นบาท พร้อมยกย่องขอให้ความดีงามครั้งนี้ตกไปถึงลูกที่เรียนหนังสืออยู่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.เอฟเอ็ม 91 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร นางเพียรวิภา ใจพระวังค์ อายุ 39 ปี แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 ได้ส่งมอบกระเป๋าสะพาย สีดำ บรรจุเงินสด 109,500 บาท เอกสารสำคัญ และทรัพย์สินคืนให้พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม.สมุทรสาคร มีนางสาวไจตนย์ ศรีวังพล และนายสกล ถาวรกาญจน์ ผู้บริหารสถานี ร่วมเป็นสักขีพยาน
นาง เพียรวิภา ใจพระวังค์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 4 ต.ทุ่งกอ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย แม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 หรือซอยโรงแรม รอยัล แปซิฟิค ถนนพระราม 9 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 28 ต.ค. พบกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่บนเก้าอี้นั่งภายในร้าน ขณะเกิดเหตุคิดว่า กระเป๋าใบดังกล่าวเป็นเพียงกระเป๋าเอกสารธรรมดาและไม่ทราบว่าเจ้าของเป็นใคร จึงนำไปวางไว้ที่โต๊ะ เพื่อรอเวลาให้เจ้าของกลับมาติดต่อขอรับคืน
นาง เพียรวิภากล่าวต่อว่า กระทั่งถึงเวลาปิดร้าน เก็บของเสร็จเรียบร้อย ก็ยังไม่พบใครมาติดต่อขอรับกระเป๋า จึงนำกระเป๋าเอกสารกลับบ้านพัก ระหว่างขับรถตนยกมือไหว้พระ ขออนุญาตเปิดกระเป๋าดู เพราะอยากรู้ว่าภายในมีอะไรบ้าง เมื่อเปิดกระเป๋าชั้นแรก ก็พบ ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทเป็นปึก คาดการณ์ด้วยสายตา เงินสดน่าจะประมาณ 1 แสนบาท ตกใจมาก ไม่กล้ารื้อค้นกระเป๋าอีก จึงโทรศัพท์ไปหานายพงษ์วิท สุวรรณพรม เพื่อนที่ทำงานอยู่ที่บริษัท แกรมมี่ ก็ได้รับคำแนะนำและรีบนำกระเป๋าพร้อมเงินสด มาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุ สวพ.เอฟเอ็ม 91 เมื่อเวลา 21.30 น. วันเดียวกัน จากการตรวจนับเงินสดภายในกระเป๋าสะพาย พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานีพบว่า มีเงินสดจำนวน 109,500 บาท นอกจากนี้ยังมีเอกสารสำคัญระบุชื่อ พ.ต.อ.โกวิท
"ขาย ก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ส้มตำ ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 มาได้ประมาณ 1 เดือน มีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้หญิง เรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 ส่วนลูกชายกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 รู้สึกไม่สบายใจ อยากส่งคืนกระเป๋าและเงินสดให้เจ้าของเร็วๆ แต่เจ้าของกระเป๋า ก็ไม่ยอมมาแสดงตนรับของคืน ไม่อยากได้ของคนอื่น ดิฉันมีอาชีพค้าขาย เคยขายของ แล้วทำเงินหาย 800 บาท วันนั้นทั้งวันเดินหาเงิน กำไรก็ไม่ได้แถมยังขาดทุนด้วย เชื่อว่า เจ้าของกระเป๋า พ.ต.อ.โกวิทก็กำลังตามหาอยู่เหมือนกัน" แม่ค้าสาววัย 39 ปีกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.โกวิท ม่วงนวล ผกก.ตม. สมุทรสาคร กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนจอดรถลงไปซื้อเครื่องดื่มโอวัลติน ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง ภายในซอยพระราม 9 ซอย 11 ระหว่างนั้นวางกระเป๋าสะพายไว้ที่โต๊ะนั่ง หลังจากได้เครื่องดื่มแล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถแล้วขับรถออกไป กระทั่งเวลา 20.00 น. ขณะจะซื้อของภายในห้างสรรพสินค้า นึกได้ว่าลืมกระเป๋าไว้ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว-ข้าวแกง แต่ก็คิดว่ามืดแล้วร้านคงปิด อีกทั้งจุดที่วางกระเป๋าไว้เป็นเก้าอี้ภายในร้านค้า หากมีลูกค้าหรือมีคนมานั่งรับประทานอาหาร อาจมีคนหยิบไปมากกว่า
"ขอ ขอบคุณแม่ค้าใจดี ที่ช่วยเก็บรักษากระเป๋า และพยายามติดตามเจ้าของเพื่อส่งคืน คิดถึงความรู้สึกของคนที่กำลังเดือดร้อน รู้สึกดีใจมากได้ที่รับข่าวดีจากทางสถานีวิทยุ สวพ.เอฟเอ็ม 91 ซึ่งประสานงานแจ้งให้ทราบว่า แม่ค้าใจดี นำกระเป๋าเข้ามาฝากประกาศตามหา ขอมอบเงิน จำนวน 20,000 บาท เป็นสินน้ำใจให้ขอให้รักษาความดี ปลูกจิตสำนึกให้กับลูกสาวและลูกชายเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไป" พ.ต.อ.โกวิทกล่าว
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ วันครบรอบ ๘ ปี การจากไปของ "ลุงนวมทอง ไพรวัลย์" ขอคารวะดวงวิญญาณและรำลึกถึงวีระชนผู้กล้าหาญที่รักความถูกต้องยุติธรรมและหวงแหนประชาธิปไตยที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องประชาธิปไตย " นวมทอง ไพรวัลย์ ได้สละชีพกระทำอัตวินิบาตรกรรม เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความหมายสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และชี้ให้เห็นความอัปยศอัปลักษณ์ของอำนาจรัฐประหาร" .ว่ามันคือเผด็จการ..ด้วยจิตคารวะ.......
สืบทอดเจตนารมณ์ “นวมทอง ไพรวัลย์” และภาระกิจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังไม่สิ้นสุด
ในคืนที่นายนวมทองแขวนคอตาย เขาตั้งใจสวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความเป็นบทกวี ที่เคยใช้ในการต่อสู้เพื่
ตื่นเถิดเสรีชน
อย่ายอมทนก้มหน้าฝืน
ดาบหอกกระบอกปืน
หรือทนคลื่นกระแสเรา
แผ่นดินมีหินชาติ
ที่ดาดาษความโฉดเขลา
ปลิ้นปล้อนตะลอนเอา
ประโยชน์เข้าเฉพาะตน
สำหรับผู้รั กประชาธิปไตย คงไม่มีใครลืมประวัติศาสตร์ ของสามัญชนที่ชื่อ “นวมทอง ไพรวัลย์” ผู้คัดค้านอำนาจเผด็จการรั ฐประหาร พิทักษ์ประชาธิปไตย
คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2549 นายนวมทองผูกคอตายกั บราวสะพานลอย บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่ งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสื อพิมพ์ไทยรัฐ (บริษัท วัชรพล จำกัด)
"โดยในจดหมายลาตายระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ พันเอก อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ที่ว่า ไม่มีใครมีอุดมการณ์ มากขนาดยอมพลีชีพได้"
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 นายนวมทอง ซึ่งเป็นอดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย ได้ขับรถยนต์แท็กซี่ พุ่งเข้าชนรถถังเบา M41A2 Walker Bulldog ป้ายทะเบียนตรากงจักร 71116 ของคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และได้รับบาดเจ็บสาหัส
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 นายนวมทอง ซึ่งเป็นอดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่
นวมทอง ไพรวัลย์ ได้สละชีพกระทำอัตวินิบาตรกรรม เพื่อให้คนได้ตระหนักถึงคุณค่ าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความหมายสำคั ญของระบอบประชาธิปไตย ความอัปยศอัปลักษณ์ของอำนาจรั ฐประหาร
นวมทอง ไพรวัลย์ จึงเป็นสัญญลักษ์แห่งอุดมการณ์ ประชาธิปไตย ที่ปรารถนาถึงสังคมไทยเป็นสั งคมที่มี “เสรีภาพ เสมอภาคและภราดรภาพ” ไม่ต่างไปจากความใฝ่ฝั นของคณะราษฎร เมื่อปี2475 แต่อย่างใดเลย...
นวมทอง ไพรวัลย์ จึงเป็นสัญญลักษ์แห่งอุดมการณ์
( หมายเหตุ: สถานการณ์การเมืองไทยปัจจุบันภายใต้" เผด็จการครองเมือง" ยุคที่เสื่อมสุดๆ กฎหมายเผด็จการยิ่งสร้างความแตกแยกให้คนในสังคมมากขึ้นไม่มีวันสิ้นสุด นับตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนถึง รัฐประหารวันที่
๒๒ พ.ค.๕๗ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ประชาชนไทยได้รับรู้"ความจริง"ต่างๆ ว่าสาเหตุสำคัญที่แท้จริงของปั ญหาทั้งหมด มาจากรากเหง้าของครอบครัวพวก"อำมาตย์เผด็จการทรราชราชาธิปไตย”นั่นเอง คือปัญหาการเปลี่ยนผ่านรัชกาลที่สองพี่น้องแย่งชิงอำนาจกันเพื่อขึ้นนั่งบัลลังก์เลือด โดยเอาประเทศชาติและประชาชนไทยเป็นตัวประกัน. ให้.".ฆ่าตัดตอนประชาธิปไตย ไม่มีการเลือกตั้ง ".).
๒๒ พ.ค.๕๗ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ประชาชนไทยได้รับรู้"ความจริง"ต่างๆ ว่าสาเหตุสำคัญที่แท้จริงของปั
ThaiE - News
ด้วยจิตคารวะ บิดาแห่งการต้านรัฐประหาร นวมทอง ไพรวัลย์
เจ้าหน้าที่ทหารห้ามจัดกิจกรรมใดๆ ต่อรองได้แค่วางดอกไม้ คงไม่ว่าอะไรนะครับลุง
ด้วยจิตคารวะ
บิดาแห่งการต้านรัฐประหาร
นวมทอง ไพรวัลย์
31 ตุลาคม 2557
— at หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ.
ที่มา ประชาไท
31 ต.ค. 57 เมื่อเวลาประมาณ 8.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 100 คน เข้าควบคุมพื้นที่บริเวณสะพานลอยนวมทอง หน้า สำนักพิมพ์ไทยรัฐ และอ้างกฏอัยการศึก สั่งห้ามจัดกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการต้านรัฐประหาร ซึ่งรวมถึงการจัดกิจกรรมระลึกถึง นายนวมทอง ไพรวัลย์ คนขับรถแท็กซี่ซึ่งผูกคอตายที่สะพานลอยแห่งนี้ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
แกนนำนักศึกษาจาก ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย (ศนปท.) จำนวนเจ็ดคนได้เดินทางมาที่สะพานลอยดังกล่าว เพื่อวางหรีด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ยอมให้พวกเขาเข้าไปบริเวณสะพานลอย นึกษาจึงยืนสงบนิ่งไว้อาลัยหนึ่งชม. เพื่อทดสอบความอดทนของรัฐ ก่อนจะถูกนำตัวไปเจรจาบริเวณศาลาใกล้เคียงเป็นเวลาประมาณสองชม. สุดท้ายเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมวางหรีด โดยก่อนที่จะเดินทางกลับได้ยืนไว้อาลัยประมาณ 1 นาที
อย่างไรก็ตาม อานนท์ นำภา ทนายความนักโทษการเมือง ได้รับอนุญาตให้ไปวางหรีด หลังจากทำการเจรจากับตำรวจนานถึงครึ่งชั่วโมง และยังมีหญิงไม่ทราบชื่ออีกคนหนึ่งที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปวางดอกไม้ด้วยเช่นกัน
ooo
ซุบซิบ Royal Gossip # 08 The Wheeling Dead Bhumibol
Royal Gossip # 08 The Wheeling Dead Bhumibol
ซุบซิบเรื่องเจ้าตอนที่ 08 ในหลวงสวรรคตแล้ว...หรือยัง
https://www.youtube.com/watch?v=cSkIWtG70wg&feature=youtu.be
ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ในเรื่องการเมือง ทุกคนต้องแสดงบทบาทตามหน้าที่ก็แค่นั้นเอง มันคือมารยาททางการเมืองระหว่างประเทศ ..."โลกนี้คือละครโรงใหญ่" ประเทศไทยก็เปรียบเหมือนโรงละคร มีนักแสดงเปลี่ยนบทบาทกันเล่นเป็นผู้นำตามคำสั่งเจ้าของโรงละคร..ประชาชนไทยอย่าได้ไปหลงไหลยึดติดอะไรมากกับละครน้ำเน่า ...อย่าเสียเวลากับละครน้ำเน่าเดินหน้าติดอาวุธทางปัญญาเพื่อช่วยกันปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกจากวงจรอุบาทว์ละครน้ำเน่าของอำมาตย์เผด็จการทรราชราชาธิปไตยให้ได้....
ชื่นมื่น นายกรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา ร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ความสัมพันธ์สองประเทศ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414683914
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414683914
Prenumerera på:
Inlägg (Atom)