torsdag 16 oktober 2014

ท่านนายพลผู้นำเปิดใจ...ที่อิตาลี.. " ผมพร้อมจะลาออก อยากจะลาออกทุกวัน แต่เห็นประชาชนเดือดร้อนทนไม่ได้ และไม่ได้อยากอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ทุกวันนี้ ผมสู้รบทุกวัน ในบ้านกลับมา ก็ทะเลาะกับเมีย เมียถามว่า ทำไมอันนี้ไม่ทำ ผมบอกทำแล้ว บางเรื่องทำไม่ไหว ก็หงุดหงิด สรุปว่าผมไม่มีความสุข ทุกคนไม่มีความสุข ผมจึงต้องคืนความสุขให้ประชาชน และได้รับความทุกข์ไง” พล.อ.ประะยุทธ กล่าว .เชิญพี่น้องประชาชนไทยอ่านแล้วคิดไตร่ตรองดูให้ดีภายใต้กฎอัยการศึกสี่เดือนที่ผ่านมา ..ก่อนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ กับคำพูดของท่านนายพลผู้นำ


http://www.matichon.co.th/online/2014/10/14134207811413420804l.jpg
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานมาลเพนซา (Malpensa) นครมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี เวลา 17.05 น. วันที่ 15 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
โดยมีรองอธิบดีกรมพิธีการทูตอิตาลีให้การต้อนรับ จากนั้นนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางต่อไปยังโรงแรมที่พัก เพื่อร่วมรับประทานอาหารค่ำ ที่เอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่นายกรัฐมนตรี และคณะ




http://www.matichon.co.th/online/2014/10/14134207811413420832l.jpg

โดยการเดินทางครั้งนี้ เป็นการเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นําเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting - ASEM) ครั้งที่ 10 ซึ่งมีอิตาลีเป็นเจ้าภาพ และมีสหภาพยุโรป (European Union - EU) เป็นประธาน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2557 ที่นครมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ผู้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวประกอบด้วยผู้นํารัฐบาลหรือผู้แทนจากประเทศ สมาชิก 53 ราย

สำหรับการประชุม ASEM มีกําหนดจัดปีเว้นปี สลับกับการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยประเทศสมาชิก ASEM ฝ่ายยุโรปและเอเชียสลับกันเป็นเจ้าภาพ ในการประชุมแต่ละครั้ง โดยจะหารือในกรอบ 3 เสา หลัก ได้แก่ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม สําหรับการประชุม ASEM ครั้งที่ 10 สหภาพยุโรป ในฐานะประธานการประชุมได้กําหนดหัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ว่า “Responsible Partnership for Sustainable Growth and Security”

โดยการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางออกนอกภูมิภาค เพื่อพบปะผู้นำต่างชาติ และแนะนำตัวเองกับต่างชาติ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ ในประเด็นที่ไทยให้ความสําคัญ ด้แก่ ความสําคัญของการเพิ่ม ความเชื่อมโยงระหว่างกัน (connectivity) ภายในภูมิภาคและระหว่างภมูิภาค การสนับสนุนความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ โดยเน้นการลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนระหว่างสมาชิก ASEM บทบาทของไทยในการรับมือกับปัญหา
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ และ มติชนออนไลน์







http://www.matichon.co.th/online/2014/10/14134207811413420860l.jpg
นายกรัฐมนตรี และคณะ ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ที่เอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม เป็นเจ้าภาพเลี้ยง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1413420781
ลิงค์ข่าวทั้งหมด


ประยุทธ์’พ้ออยากลาออก หงุดหงิดทะเลาะภรรยา รับห่วงครอบครัวอยู่ลำบาก
เมื่อเวลา 19.00 น. วันนี้ (15 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง นายสุรพิทย์ กีรติบุตร เอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโรม เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ โดยมีพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตไทยในยุโรป ทีมประเทศไทยในสาธารณรัฐอิตาลี และนักธุรกิจไทยที่มาร่วมประชุมสภาธุรกิจเอเชีย-ยุโรปเข้าร่วม โดย นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่ง ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ กรณีที่มีคนไทยในอิตาลีมาให้กำลังใจ ว่า รู้สึกชื่นใจ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่า จะมีคนมาต่อต้าน ถือเป็นเรื่องดีที่กระทรวงการต่างประเทศทำความเข้าใจได้

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณหลายภาคส่วน ที่ร่วมทำงานเดินหน้าประเทศไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องทำหน้าที่ชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจสถานการณ์ในประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ จะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ ให้ชัดเจน และขอให้ทุกคนร่วมกันทำงาน  ใช้ความเป็นคนไทยแสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ


 “เมื่อเดินมาถึงวันนี้แล้ว ต้องสู้เดินหน้าต่อไป เพราะถ้าไม่สำเร็จก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง ชีวิตผมก็อันตรายเหมือนกัน ครอบครัวก็ไม่มีความสุข วันนี้ถามว่าลูกเมียไปไหนได้บ้าง ไม่ได้กลัว แต่ก็ต้องระวัง ตั้งแต่เข้ามา ผมไม่เคยกล่าวโทษให้ร้ายใคร แต่ถ้ามาพาดพิงมาก ก็อดไม่ได้ เพราะรักเกียรติยศศักดิ์ศรี ผมอาจพูดจาไม่ไพเราะมากนัก ก็เป็นธรรมดาที่มีคนรักและไม่รัก แต่ผมเชื่อว่าคนในประเทศไทยเข้าใจ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอขอบคุณหลายภาคส่วน ที่ร่วมทำงานเดินหน้าประเทศไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องทำหน้าที่ชี้แจงให้นานาประเทศเข้าใจสถานการณ์ในประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ จะต้องกำหนดวิสัยทัศน์ ให้ชัดเจน และขอให้ทุกคนร่วมกันทำงาน  ใช้ความเป็นคนไทยแสดงให้เห็นว่าเราจริงใจ


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนประเทศที่หยุดชะงักให้เดินหน้า จากการปลดล็อค ถ้าไม่ทำอะไร ประเทศถอยหลัง ติดขัด จากการก้าวเข้ามาเป็น คสช. ช่วงแรกก็หนักใจ แต่เมื่อเข้ามาแล้ว ก็ต้องทำงาน ใครก็ต้องการทำอะไรให้ประเทศทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมาติดกับดักคำว่าประชาธิปไตย


 นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในด้านต่างๆ ขณะนี้ ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหลายคณะ เพื่อเข้าไปศึกษา และต้องมีผลงานให้เห็น ที่สำคัญต้องลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม โดยเฉพาะเรื่องที่ดินทำกิน และว่า ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ได้เร่งแก้ปัญหาเต็มที่ ซึ่งหลายประเทศเข้าใจ และยังคงเข้ามาสานต่อด้านการค้าการลงทุน ทำให้รู้สึกสบายใจ ดังนั้น จึงต้องไปส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ๆ และส่งเสริมการค้าการลงทุน

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน (กรอ.) ต้องร่วมมือกัน เอสเอ็มอีขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ต้องเกิดขึ้น และเชื่อมโยงกัน และต้องส่งเสริมการจ้างงานไทย ใช้ของไทย รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือภาคเอกชน ขณะเดียวกัน ต้องเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ พร้อมวางยุทธศาสตร์การทำงานให้ครอบคลุมทุกด้าน

  “รัฐบาลจะเตรียมงบประมาณรองรับการดำเนินการ โดยรัฐบาลเดินหน้าด้วยแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และจะไม่ปล่อยให้มีการทุจริตคอรรัปชั่นเกิดขึ้น และพร้อมให้โอกาสทุกฝ่ายในการต่อสู้คดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

  นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาด้านความมั่นคง ว่า ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษควบคุมสถานการณ์ ลดความขัดแย้ง และเดินหน้าสู่การปฏิรูปประเทศให้สัมฤทธิ์ผลใน 1 ปี หากไม่จบ รัฐบาลใหม่ต้องรับไปดำเนินการ พร้อมย้ำว่า ไม่ต้องการอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกินกว่ากรอบเวลาที่วางไว้

 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ยึดอำนาจรัฐบาล แต่สถานการณ์สุกงอม รัฐบาลชั่วคราวทำงานไม่ได้แล้ว ทหารมีมีหน้าที่ดูแลแผ่นดินรักษาสถาบันชาติ พระมหากษัตริย์ ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกละเมิด ทหารก็อยู่เฉยๆ ที่ผ่านมา ได้พูดกับนายกรัฐมนตรีหลายครั้ง เตือนทุกเรื่อง แต่ด้วยวิถีทางการเมือง ก็ช่วยไม่ได้ และว่า สิ่งที่ทำวันนี้ ทำเพื่อไม่ให้เกิดการปฏิวัติอีกในอนาคต ต้องเอาประเทศชาติเดินหน้าไปให้ได้

  “ผมพร้อมจะลาออก อยากจะลาออกทุกวัน แต่เห็นประชาชนเดือดร้อนทนไม่ได้ และไม่ได้อยากอยู่เกินแม้แต่วันเดียว ทุกวันนี้ ผมสู้รบทุกวัน ในบ้านกลับมา ก็ทะเลาะกับเมีย เมียถามว่า ทำไมอันนี้ไม่ทำ ผมบอกทำแล้ว บางเรื่องทำไม่ไหว ก็หงุดหงิด สรุปว่าผมไม่มีความสุข ทุกคนไม่มีความสุข ผมจึงต้องคืนความสุขให้ประชาชน และได้รับความทุกข์ไง” พล.อ.ประะยุทธ กล่าว

 นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง การเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซม ว่า จะใช้เวทีอาเซมสะท้อนแนวคิดการรวมกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อให้ตลาดยุโรปเห็นคุณค่า เพราะสินค้าการเกษตร โดยเฉพาะข้าว เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ ประชาคมโลกจะมีศักยภาพเพียงพอในการดูแลทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตหรือไม่ จึงต้องเตรียมแหล่งอาหารโลกให้เพียงพอ ซึ่งประเทศอาเซียนจะสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะเดียวกันต้องเตรียมขายสินค้า เช่น ข้าว ปาล์มน้ำมัน ให้ได้มาก โดยเริ่มต้นด้วยการรวมตัวในกลุ่มประเทศอาเซียนก่อน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น ช่วยกันวิจัยข้าว เพิ่มมูลค่า ขายของให้มีราคา เช่น ขายข้าวสำหรับคนเป็นเบาหวาน และข้าวที่รับประทานแล้วทำให้อ่อนวัย

  “ข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ไม่สามารถขายได้ เนื่องจากจะขาดทุน เพราะถ้าขายข้าว 20  ล้านตัน จะขาดทุน 4 –7 แสนล้านบาท หากปล่อยไปอีก 3 ปี อาจทำให้ประเทศล้มละลายได้ แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถเลิกโครงการนี้ จึงต้องช่วยเหลือต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar