söndag 18 februari 2018

ปชต.คือเผด็จการ? :คอลัมน์ ใบตองแห้ง



ปชต.คือเผด็จการ? :คอลัมน์ ใบตองแห้ง 

ประชาธิปไตยคือเผด็จการ เผด็จการคือประชาธิปไตย 99.99% คำพูดวิปริตผิดเพี้ยนขนาดนี้มีขึ้นได้อย่างไร ประเทศไทยมีรัฐประหาร 13 ครั้ง ปกครองด้วยเผด็จการนานกว่าประชาธิปไตย แม้เผด็จการมักอวดอ้างว่าดีกว่าประชาธิปไตย แต่ก็ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหน ที่เผด็จการกล้าๆ แอบอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย แถมยังประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ
นอกจากทำให้ชาวบ้านมึนงงสงสัย ว่าอยู่ในเมืองดัดจริต ยังสะท้อนความวิปริตบิดเบือน จนหลักการเหตุผลล่มสลาย ไม่ต่างกับบอกว่าปกครองด้วยกฎหมาย แต่ออกคำสั่งเป็นกฎหมาย จนต้องตั้งคำถาม “กฎหมายคืออะไร”
ประชาธิปไตยคืออะไร เผด็จการคืออะไร ในความหมายของคนชั้นกลางมีการศึกษา ที่จริงก็น่าจะรู้แก่ใจ ไม่เห็นต้องสีซอให้ฟัง เว้นแต่คุณภาพการศึกษาไทยต่ำ คนเรียนสูงกลับไม่เข้าใจหลักการประชาธิปไตย ระบอบการปกครองด้วยกฎหมาย ที่มีเหตุผล และมีมาตรฐาน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ หรือถ้ามี ก็ยังมีสิทธิเสรีภาพที่จะวิพากษ์วิจารณ์ เคลื่อนไหวชุมนุมคัดค้าน หรือเลือกใหม่ได้
“ประชาธิปไตยคือเผด็จการ” จึงเป็นคำพูดสะท้อนจุดยืนของคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ซึ่งเข้าใจดีว่า 2 ระบอบนี้ต่างกัน แต่โดยสถานะทางชนชั้น โดยทัศนะทางการเมือง ณ วันนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไรต่างกัน ระหว่างระบอบปัจจุบันกับประชาธิปไตยอย่างที่เป็นมา สุขสงบกว่าด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องรีบหมุนเข็มนาฬิการิชาร์ด มิลล์ ไปสู่เลือกตั้ง
ก็ไม่มีอะไรต่างจริงๆ นี่ครับ ถ้าเป็นคนชั้นกลางก็ยังสามารถใช้ชีวิตช็อปๆ ชิลๆ ฝากความหวังว่าทีมสมคิดจะทำเศรษฐกิจดี ถ้าไม่ต่อต้านรัฐประหาร ก็ยังมีเสรีภาพในโลกออนไลน์ มีประชาธิปไตยแบบดิจิตอลโซเชี่ยลมีเดีย รักสิ่งแวดล้อม รักสัตว์ ห่วงใยคุณภาพชีวิต ต่อต้านฝุ่นละออง ฯลฯ แล้วถ้ามีดารานักร้องคนรวยคนดังทำผิดทำนองคลองธรรม ก็พร้อมจะเป็นลูกขุนออนไลน์ประชาทัณฑ์ (อย่ายุ่งเรื่องนาฬิกาก็แล้วกัน เหนื่อยฟรี)
คนชั้นกลางในเมืองเข้าใจดีว่าประชาธิปไตยมาพร้อมกับสิทธิเสรีภาพ แต่เราก็มีสิทธิเสรีภาพแล้วนี่หว่า ไม่เห็นเดือดร้อนอะไร มีเสรีภาพที่จะใส่เสื้อเสือดำ อย่าใส่เสื้ออยากเลือกตั้งก็แล้วกัน เราไม่ใช่กรรมกรนี่ ที่จะต้องเรียกร้องค่าแรง 300 กว่าบาท ไม่ใช่ชาวไร่ชาวนาที่จะต้องต่อรองนักการเมืองให้เอางบไปถลุงพยุงราคาพืชผล
คนชั้นกลางในเมืองมีประชาธิปไตยเป็นของตัวเอง จากการต่อสู้ของคนรุ่นก่อน ตั้งแต่ 2475 ถึง 14 ตุลา 6 ตุลา ชนชั้นปกครองกลับไปเป็นเผด็จการเต็มใบไม่ได้ ก็เกิดระบอบประนีประนอม ประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งคนชั้นกลางมีสิทธิมีเสียงในสังคม หลังพฤษภา 35 ยิ่งเข้าสู่ “สองนคราประชาธิปไตย” คนชั้นกลางในเมืองเป็นใหญ่ คนชนบทเลือกรัฐบาล ไม่พอใจก็ล้มซะ

จนยุคทักษิณนั่นไง ที่ประชาธิปไตยกลายเป็นเผด็จการสำหรับคนชั้นกลางในเมือง เพราะล้มไม่ได้ กลายเป็นเสียงข้างน้อย เลือกตั้งยังไงก็แพ้ หลังรัฐประหาร 49 ก็แพ้ หลัง 99 ศพปี 53 ยิ่งแพ้
พูดอย่างนี้ไม่ใช่ทักษิณเป็นประชาธิปไตย ทักษิณก็อำนาจนิยม แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาคือการทำลายประชาธิปไตยเพื่อโค่นทักษิณ ทำลายหลักนิติรัฐเพื่อเอาผิดทักษิณ ทำลายหลักความเสมอภาค “เห็นคนเท่ากัน” กระทั่งทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปลุกความเกลียดชัง เข้าใส่มวลชนเสื้อแดงและคนเห็นต่าง
ฝากคำถามว่าจากจุดนี้ สังคมไทยจะหาทางลงอย่างไร เพราะ 4 ปียังลงไม่ได้ ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เลือกตั้ง ประชาธิปไตยคือการหาทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ผ่านหีบบัตร แล้วยอมรับกัน โดยไม่ใช่ใช้อำนาจค้ำคอ
ประชาธิปไตยใช้กับโลกปัจจุบัน ซึ่งคนมีความเห็นต่างหลากหลาย ไม่ใช่ค่ายทหารที่สั่งซ้ายหันขวาหัน ไม่งั้นโดนซ่อม ไม่ใช่พยายามหมุนโลกย้อนยุค “ไทยนิยม” ให้คนคิดเหมือนกัน ให้คนทำตามลุงแนะนำ เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ตามลำดับชั้น แล้วชีวิตจะดี
นั่นมันประชาธิปไตยซอมบี้ การเมืองผีดิบ (ยืมคำของ พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์) ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องมีจิตวิญญาณ ในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิประโยชน์ของตัวเอง ผ่านความรู้สึกเป็นเจ้าของอำนาจ ไม่ใช่รอความเมตตาปรานี
รากฐานประชาธิปไตยฝรั่งก็มาจากตรงนี้ ไม่เห็นในหนังเรอะ วัยรุ่นผิวสีข้างถนน ยังยืดอกใส่ตำรวจ “ที่นี่ประเทศเสรี”
รากฐานประชาธิปไตยต้องมาจากจิตวิญญาณที่กล้าท้าทายอำนาจ ทวงสิทธิเสรี ด้วยความรู้สึกเสมอภาคเท่าเทียม ไม่ว่ายากดีมีจน เป็นคนชั้นสูงชั้นกลางชั้นต่ำ ไพร่ ผู้ดี ผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ หนึ่งคนหนึ่งเสียงเท่ากัน ภายใต้กติกาเดียวกัน
จิตวิญญาณนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นพักๆ แต่ก็ถูกกด ถูกกำราบ จนแตกสลาย จิตวิญญาณนี้เคยเกิดกับคนชั้นกลางเช่นกัน แต่พอเห็นมันขยายสู่คนชั้นล่าง กลับหวาดกลัว

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar