ทักษิณรับผิดชอบอะไรกับคนเสื้อแดงเหล่านี้
ทักษิณรับผิดชอบอะไรกับคนเสื้อแดงเหล่านี้ ...คนอิสานเสื้อแดงที่เป็นเหยื่อกระสุนพระราชทานเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้รับเคราะห์กรรมเนื่องจากพวกเขาคิดว่าทักษิณและพวกแกนนำคนเสื้อ.แดง. จะพาสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย แต่แล้วก็โดนทักษิณทรยศหักหลังจนสิ้นเนื้อประดาตัว แล้วยังจะมาหลอกให้คนอิสานไปตายแทนอีกเป็นครั้งที่สองอีกหรือ คนอิสานตาสว่างและไม่โง่อีกแล้วทักษิณ คูณเลิกตีสองหน้าได้แล้ว !! คนอิสานรู้แล้วว่าคุณร่วมมือกับพวกเจ้าและคุณกำลังจะใช้คนอิสานเป็นฐานเสียงเพื่อส่งคุณขึ้นเสวยอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางธุระกิจของกลุ่มทุนของพวกคุณและเพื่อรักษาระบอบเผด็จการของกษัตริย์ทรราชที่กำลังจะถูกประชาชนโค่นล้มลงในวันนี้ให้อยู่ต่อไป
อย่าประเมินคนอิสานต่ำเกินไปคุณทักษิณ เขารู้ทันคุณหมดแล้ว !!
2018-08-09
ประชาไท
ภาพ ไสว ทองอ้ม ถ่ายโดย วีรนันท์ กัณหา
คารม พลพรกลาง ทนายความของ ไสว ทองอ้ม ชาวสุรินทร์ ผู้ถูกยิงในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช.เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2552 ได้เปิดเผยว่า เวลา 10.30 น.ของวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ตนและลูกความจะเดินทางไปที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลเพื่อทำเรื่องขอให้ทางรัฐบาลให้ความช่วยเหลือในการงดเว้นการจ่ายค่าฤชาธรรมเรียมและค่าทนายความเป็นเงิน 212,114 บาท ที่ศาลฎีกา (แพ่ง) มีคำสั่งให้โจทก์คือนายไสว ทองอ้ม ซึ่งเป็นลูกความของตนต้องชดใช้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย และ กองทัพบก
เหตุเกิดจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในวันที่ 13 เมษายน 2552 นายไสว ทองอ้ม และนายสนอง พานทอง ได้ถูกยิงด้วยกระสุนปืนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นนายไสวและนายสนองจึงได้ฟ้องแพ่งเอาผิดเรียกค่าชดเชยจาก สำนักนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กองบัญชาการกองทัพไทย และ กองทัพบก
ไขประเด็น 'เยียวยา' เสียงจากผู้สูญเสีย หลักกฎหมาย และคดีแพ่งตัวอย่าง เมษา 52
ไสว ถูกยิงที่ต้นแขนซ้าย ไม่สามารถใช้แขนซ้ายประกอบภารกิจตามปกติได้อีก จึงถูกเลิกจ้างและขาดรายได้ ขอเรียกค่าเสียหายจากการเสียโอกาสในการประกอบการงานได้โดยสิ้นเชิงเป็นเวลา 20 ปี รวมแล้วเป็นเงิน 2,857,538 บาท ส่วนสนอง ถูกยิงบริเวณขาขวาไม่สามารถใช้ขาขวาประกอบภารกิจตามปกติได้เป็นเหตุให้ถูกเลิกจ้างและขาดรายได้ ขอเรียกค่าเสียหายจากการขาดโอกาสในการประกอบการงานได้โดยสิ้นเชิงเป็นเวลา 25 ปี รวมแล้วเป็นเงิน 2,245,205 รวมทั้งสองรายเป็นเงิน 5,102,743 บาท ศาลแพ่งมีคำพิพากษาออกมาเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2554 ให้โจทก์ชนะคดี และจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 5 ต้องชำระเงินให้กับโจทก์ โดยชำระให้รายละ 1,200,000 บาท และ 1,000,000 บาทตามลำดับ รวมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
แต่ต่อมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องของฝ่ายโจทก์ โดยให้ความเห็นว่าอาวุธประจำกายของทหารในพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้มีปืนพกสั้นที่ใช้กระสุนความเร็วต่ำขนาด 9 มม.ที่ยิงใส่โจทก์ และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความจำเลย (ซึ่งก็คืออัยการ) เป็นเงิน 212,114 บาท และมีคำสั่งแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดอายัดทรัพย์โจทก์และทำการขายทอดตลาด เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560
ภาพบาดแผลด้านหน้า
ภาพบาดแผลจากด้านหลัง
ไสว ทองอ้ม เหยื่อกระสุนปี 52 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ได้ทำการอายัดบัญชีของตนซึ่งมีเงินอยู่ในบัญชีเพียงแค่ 4,479 บาท และเจ้าพนักงานบังคับคดีที่สุรินทร์ยังได้ยึดที่นาของตนจำนวน 8 ไร่ ราคาประเมิน 460,980 บาท เพื่อทำการขายทอดตลาด
ไสวกล่าวว่าทุกวันนี้นี้ตัวเองก็เหมือนคนพิการ แขนข้างที่โดนยิงมีอาการขัดและชา และยังมีเศษกระสุนฝังอยู่ข้างใน เคลื่อนไหวไม่สะดวกและไม่สามารถทำงานหนักได้ ที่ดินก็มีเพียงนาที่ทำอยู่พอให้มีข้าวกินและมีรายได้บ้าง หากถูกยึดไปก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
ที่นาของไสว
หนังสือบังคับคดี
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar